คดีฉ้อโกง
ญาติติดหนี้เจ้าหนี้รายที่ 1 โดยเอาโฉนดที่ดินไปให้ไว้กับเจ้าหนี้ ต่อมาไปขอโฉนดดังกล่าวกับเจ้าหนี้ แล้วเอาไปไว้กับเจ้าหนี้รายที่ 2 แล้วไม่มีเงินส่งจึงให้พี่สาวรับหนี้ของเจ้าหนี้รายที่ 2 แทนโดยโอนที่ดินดังกล่าวให้ ต่อมาเจ้าหนี้รายที่ 1 ฟ้องคดีอาญาฐานฉ้อโกงกับญาติในฐานะจำเลยที่ 1 และพี่สาวในฐานะจำเลยที่ 2 เมื่อขึ้นศาลแล้วตกลงจะโอนที่ดินให้เจ้าหนี้รายที่ 1 อยากทราบว่า ความผิดของจำเลยที่ 2 (ในฐานะที่เป็นข้าราชการ) เมื่อศาลพิพากษาแล้วจะมีความผิดมากน้อยเพียงใด เพราะไม่รู้มาก่อนว่าที่ดินดังกล่าวมีปัญหา ส่งผลถึงหน้าที่การงานมากน้อยเพียงใด
คำแนะนำทนายคลายทุกข์
ความผิดอาญาฐานฉ้อโกง ย่อมมีองค์ประกอบความผิดที่ผู้ใดโดยทุจริต หลอกลวงผู้อื่นด้วยแสดงข้อความอันเป็นเท็จ หรือปกปิดข้อความซึ่งควรบอกให้แจ้ง และโดยการหลอกลวงดังว่านั้น ได้ไปซึ่งทรัพย์สินจากผู้ถูกลอกลวง หรือบุคคลที่ 3 หรือทำให้ถูกหลอกลวงหรือบุคคลที่สาม ทำ ถอน หรือทำลายเอกสารสิทธิ ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกิน 3 ปี หรือปรับไม่เกิน 6,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ ตาม ป.อ. มาตรา 341
ดังนั้น การที่เป็นผู้กระทำความผิดฐานฉ้อโกงดังกล่าว จะต้องประกอบด้วยองค์ประกอบภายใน กล่าวคือ ผู้กระทำต้องมีเจตนาทุจริตเพื่อแสวงหาประโยชน์ที่มิควรได้โดยชอบด้วยกฎหมายสำหรับตนเองหรือผู้อื่น แต่การกระทำของจำเลยที่ 2 ย่อมขาดเจตนาดังกล่าว อันทำให้วิตกกังวลแต่อย่างใด ย่อมแต่งทนายเข้าต่อสู้คดีต่อไป
ตัวบทกฎหมายอ้างอิง
ประมวลกฎหมายอาญา
มาตรา 341 ผู้ใดโดยทุจริต หลอกลวงผู้อื่นด้วยการแสดงข้อความอันเป็นเท็จ หรือปกปิดข้อความจริงซึ่งควรบอกให้แจ้ง และโดยการหลอกลวงดังว่านั้นได้ไปซึ่งทรัพย์สินจากผู้ถูกหลอกลวงหรือบุคคลที่สาม หรือทำให้ผู้ถูกหลอกลวงหรือบุคคลที่สาม ทำ ถอน หรือทำลายเอกสารสิทธิ ผู้นั้นกระทำความผิดฐานฉ้อโกง ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกินสามปี หรือปรับไม่เกินหกพันบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ