ทนายคลายทุกข์ขอนำคำพิพากษาฎีกาที่น่าสนใจและเป็นประโยชน์ เกี่ยวกับการบังคับคดี
บทความวันที่ 6 พ.ค. 2553, 00:00
มีผู้อ่านทั้งหมด 64967 ครั้ง
คำพิพากษาฎีกาเกี่ยวกับการบังคับคดี ตอน 1
ผู้มีสิทธิร้องขอให้บังคับคดี ตาม ป.วิ.พ. มาตรา 271
ทนายคลายทุกข์ขอนำคำพิพากษาฎีกาที่น่าสนใจและเป็นประโยชน์ เกี่ยวกับการบังคับคดี จากประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง เรื่อง ผู้มีสิทธิร้องขอให้บังคับคดี กำหนดเวลาบังคับคดี กรณีที่ถือว่ามีการร้องขอให้บังคับคดีภายใน 10 ปีแล้ว กรณีสิทธิเรียกร้องตามคำพิพากษายังไม่ถึงกำหนดในวันที่คำพิพากษา กำหนดเวลาบังคับคดีไม่ใช่อายุความ การบังคับคดีต้องเป็นไปตามลำดับตามคำพิพากษา
1. ฎีกาที่ 6378/2539
ผู้มีสิทธิร้องขอให้บังคับคดีได้ต้องเป็นบุคคลที่เป็นฝ่ายชนะคดี หรือเจ้าหนี้ตามคำพิพากษา ดังนั้น บุคคลภายนอกแม้จะได้รับประโยชน์ตามสัญญาประนีประนอมยอมความซึ่งศาลพิพากษาตามยอมไม่ใช่ผู้ชนะคดี ไม่อาจร้องขอให้บังคับคดีได้
2. ฎีกาที่ 3053/2527
ผู้รับประโยชน์ตามสัญญาประนีประนอมยอมความที่ศาลพิพากษาตามยอมเป็นบุคคลภายนอกคดี จึงไม่มีสิทธิขอให้บังคับคดีได้ ในกรณีเช่นนี้ถือว่า คู่ความเป็นผู้มีส่วนได้เสียมีสิทธิขอให้บังคับคดีได้
3. ฎีกาที่ 8325/2544
ผู้ที่เป็นเจ้าหนี้ของผู้บังคับคดี(เจ้าหนี้ตามคำพิพากษา) ก็ไม่มีสิทธิร้องขอให้บังคับคดีและเจ้าหนี้ดังกล่าวจะอ้างเป็นการใช้สิทธิเรียกร้องของลูกหนี้เพื่อสวมสิทธิบังคับคดีแทนไม่ได้
4. ฎีกาที่ 2093/2517
ผู้ซื้อทรัพย์จากการขายทอดตลาดมิใช่ผู้ชนะคดี(เจ้าหนี้ตามคำพิพากษา) ไม่มีสิทธิขอให้บังคับคดี
5. ฎีกาที่ 2690/2537
เจ้าพนักงานบังคับคดีเองก็ไม่ใช่เจ้าหนี้ตามคำพิพากษาไม่มีอำนาจร้องขอให้บังคับคดี
6. ฎีกาที่ 5630/2534
เจ้าหนี้ตามคำพิพากษาจะร้องขอให้บังคับคดีต่อบุคคลภายนอกไม่ได้
7. ฎีกาที่781/2544
กรณีที่คำพิพากษาได้กำหนดให้ทั้งโจทก์และจำเลยต่างมีหน้าที่ต้องชำระหนี้ตอบแทนซึ่งกันและกัน เช่นนี้ โจทก์และจำเลยต่างมีสิทธิขอให้บังคับแก่อีกฝ่ายหนึ่งให้ปฏิบัติตามคำพิพากษาได้ภายใน 10 ปีนับแต่วันมีคำพิพากษาถึงที่สุด
8. ฎีกาที่ 5310/2544
ในกรณีเช่นนี้ มีคำพิพากษาฎีกาวินิจฉัยว่าการที่โจทก์ไม่ยอมชำระค่าที่ดินให้แก่จำเลยภายในกำหนดเวลาตามคำบังคับถือได้ว่าโจทก์สละสิทธิในการรับโอนกรรมสิทธิ์ที่ดินจากจำเลยแล้ว และหนี้ตามคำพิพากษาที่เกี่ยวกับการโอนกรรมสิทธิ์ที่ดินแก่กันเป็นอันระงับไป แม้จะยังอยู่ในระยะเวลา 10 ปี ก็ตาม
9. ฎีกาที่ 6929/2542
สัญญาประนีประนอมยอมความ ซึ่งศาลพิพากษาตามยอมที่มีลักษณะเป็นสัญญาต่างตอบแทน คู่ความฝ่ายใดจะร้องขอให้บังคับคดีได้ ต้องขอปฏิบัติการชำระหนี้ให้แก่อีกฝ่ายหนึ่งด้วย
10.ฎีกาที่ 3781/2545
เมื่อโจทก์กับจำเลยตกลงระงับหนี้ตามคำพิพากษาแล้ว โจทก์ก็หมดสิทธิร้องขอให้บังคับคดีแก่จำเลยอีกต่อไป
11.ฎีกาที่ 1173/2545
เมื่อมีการบังคับคดีเสร็จสมบูรณ์ ต่อมาจำเลยกระทำละเมิดอีก โจทก์จะขอให้บังคับคดีในคดีเดิมอีกไม่ได้ เช่น คดีฟ้องขับไล่ เมื่อเจ้าพนักงานบังคับคดีส่งมอบที่ดินพิพาทให้โจทก์แล้ว ต่อมาจำเลยรบกวนการครอบครองที่ดินพิพาทอีก ถือว่าเป็นเหตุที่เกิดขึ้นใหม่ โจทก์จะขอให้บังคับคดีอีกไม่ได้ โจทก์ต้องฟ้องจำเลยเป็นคดีใหม่
12. ฎีกาที่ 4432/2545
กรณีที่จำเลยไม่ปฏิบัติตามคำบังคับโดยไม่ยอมออกจากที่ดินพิพาท เจ้าพนักงานบังคับคดีจะดำเนินการบังคับคดีโดยการมอบการครอบครองที่ดินให้โจทก์เข้าครอบครองได้ต่อเมื่อจำเลยไม่ได้อยู่ที่ดินพิพาทนั้นแล้ว (ป.วิ.พ. มาตรา 297 ตรี) จึงจะถือว่าเป็นการบังคับคดีที่เสร็จสมบูรณ์ แต่การที่จำเลยปลูกพืชผลไว้ แม้จำเลยจะไม่ได้มาเฝ้าดูแลตลอดเวลา ก็ยังถือว่าจำเลยยังอยู่นี่ดินพิพาท เจ้าพนักงานบังคับคดีไม่มีอำนาจจัดให้เจ้าหนี้ตามคำพิพากษาเข้าครอบครองและยังถือว่าจำเลยยังอยู่ในที่ดินพิพาท การบังคับคดียังไม่เสร็จสิ้นลง โจทก์จึงยังขอให้บังคับคดีได้
13. ฎีกาที่ 1131-1132/2544
คำบังคับที่ออกตามคำพิพากษาให้จำเลยรื้อถอนสิ่งปลูกสร้างออกจากที่ดิน ย่อมบังคับรวมถึงสิ่งปลูกสร้างที่เกิดขึ้นใหม่ในระหว่างคดีที่จำเลยกระทำขึ้นหรือยินยอมให้ผู้อื่นกระทำด้วย การที่จำเลยยอมรื้อสิ่งปลูกสร้างเดิมแต่ไม่รื้อสิ่งปลูกสร้างขึ้นใหม่ ถือว่ายังไม่ได้ปฏิบัติตามคำบังคับโดยครบถ้วน
กำหนดเวลาบังคับคดี
14. ฎีกาที่ 4741/2539
กำหนดเวลาในการบังคับคดีตามคำพิพากษา โดยหลักเจ้าหนี้ตามคำพิพากษาต้องร้องขอให้บังคับคดีภายใน 10 ปี นับแต่วันมีคำพิพากษาหรือคำสั่ง คำพิพากษาหรือคำสั่งในที่นี้ต้องเป็นคำพิพากษาถึงที่สุดด้วย
15. ฎีกาที่ 482/2536
แม้มูลหนี้เดิมจะเป็นเรื่องการใช้สิทธิติดตามเอาทรัพย์คืนจากจำเลย ซึ่งไม่มีอายุความก็ตาม ก็ต้องมีการบังคับคดีตามคำพิพากษาภายใน 10 ปีเช่นกัน
16. ฎีกาที่ 883/2508
กรณีที่ไม่มีอะไรต้องบังคับตามคำพิพากษา โจทก์ไม่บังคับคดีในกำหนด 10 ปี ก็ไม่ทำให้โจทก์เสียสิทธิตามคำพิพากษา
17. ฎีกาที่ 1495/2524
ถ้าเจ้าหนี้ตามคำพิพากษาได้ร้องขอให้มีการบังคับคดีภายใน 10 ปี นับแต่วันมีคำพิพากษาแล้ว เจ้าพนักงานบังคับคดีก็มีสิทธิดำเนินการบังคับคดีต่อไปได้แม้จะเกิน 10 ปีแล้วก็ตาม
กรณีที่ถือว่ามีการร้องขอให้บังคับคดีภายใน 10 ปีแล้ว
18. ฎีกาที่ 4728/2543
ถ้าเจ้าหนี้ตามคำพิพากษาได้ดำเนินการตามขั้นตอนต่าง ๆ ครบถ้วนภายในกำหนด 10 ปี นับแต่วันที่มีคำพิพากษาถึงที่สุดแล้ว ถือว่าเจ้าหนี้ตามคำพิพากษาได้ร้องขอให้บังคับคดีตามคำพิพากษาตามกำหนดเวลาตามมาตรา 271 แล้ว หลังจากนั้นถือว่าเป็นขั้นตอนของเจ้าพนักงานบังคับคดีจะต้องดำเนินการต่อไปตามอำนาจหน้าที่ ซึ่งจะบังคับคดีเสร็จสิ้นในกำหนด 10 ปี หรือไม่ ไม่เป็นข้อสำคัญ แม้เจ้าพนักงานบังคับคดีดำเนินการบังคับคดีเลยกำหนดเวลาดังกล่าวก็ไม่ทำให้เจ้าหนี้ตามคำพิพากษาหมดสิทธิในการบังคับคดี
19. ฎีกาที่ 6382/2531
ถ้าเจ้าหนี้ตามคำพิพากษาเพียงขอแต่ให้ศาลออกคำบังคับหรือหมายบังคับคดีไว้เฉย ๆ จนพ้นกำหนด 10 ปีโดยไม่ได้ขอให้เจ้าพนักงานบังคับคดียึดทรัพย์สินของลูกหนี้ ถือว่าไม่ได้ร้องขอให้บังคับคดีภายใน 10 ปี จึงหมดสิทธิบังคับคดี
20. ฎีกาที่ 3607/2529
ในกรณีที่มีลูกหนี้ตามคำพิพากษาหลายคน การพิจารณาว่าได้มีการดำเนินการบังคับคดีครบถ้วนขั้นตอนแล้วหรือไม่ ต้องพิจารณาเป็นรายคนไป
21. ฎีกาที่ 1818/2543
ถ้าเจ้าหนี้ตามคำพิพากษาต้องยึดทรัพย์สินของลูกหนี้ตามคำพิพากษาหลายรายการ จึงจะเพียงแก่จำนวนหนี้ตามคำพิพากษา เจ้าหนี้ตามคำพิพากษาจะต้องดำเนินการบังคับคดีแก่ทรัพย์สินทุกรายการภายในกำหนด 10 ปี นับแต่วันมีคำพิพากษาเช่นเดียวกัน ถ้าเจ้าหนี้ตามคำพิพากษาดำเนินการบังคับคดีแก่ทรัพย์สินของลูกหนี้ตามคำพิพากษาเพียงบางรายการเมื่อขายทอดตลาดแล้วได้เงินไม่เพียงพอชำระหนี้ เจ้าหนี้ตามคำพิพากษาจะขอให้ยึดทรัพย์สินอื่นของลูกหนี้ตามคำพิพากษาเมื่อพ้นกำหนด 10 ปี ไม่ได้ หรือกล่าวอีกนัยหนึ่งก็คือจะบังคับคดีได้ก็ต่อเมื่อดำเนินการครบถ้วนทุกขั้นตอนจากการบังคับคดีในทรัพย์สินเป็นรายการไป
22. ฎีกาที่ 3529/2541
การบังคับคดีตามคำพิพากษา ในกรณีที่ต้องดำเนินการทางเจ้าพนักงานบังคับคดีหรือต้องยื่นคำขอให้ออกหมายบังคับคดี จะถือว่าเจ้าหนี้ตามคำพิพากษาได้ร้องขอให้บังคับคดีภายในสิบปีนับแต่วันมีคำพิพากษาแล้วหรือไม่ คงต้องดูเป็นกรณี ๆ ไป เช่น ศาลพิพากษาตามยอมว่าจำเลยตกลงแบ่งขายที่ดินให้โจทก์ กรณีนี้ไม่ต้องมีการออกหมายบังคับคดีเพื่อยึดหรืออายัดทรัพย์ของจำเลยออกขายทอดตลาด ดังนั้น การที่โจทก์ได้ยื่นคำร้องต่อศาลว่าประสงค์จะบังคับคดีและนำเงินมัดจำและราคาที่ดินมาวางศาลภายใน 10 ปี นับแต่วันมีคำพิพากษาเพื่อให้จำเลยโอนที่ดินให้ ก็ถือว่าโจทก์ได้ร้องขอให้บังคับคดีโดยชอบด้วยกฎหมายแล้ว
23. ฎีกาที่ 4728/2543
เจ้าหนี้ตามคำพิพากษาได้ดำเนินการบังคับคดีโดยนำยึดที่ดินภายในกำหนดเวลา 10 ปี นับแต่วันมีคำพิพากษาจนขายทอดตลาดแล้ว แต่เนื่องจากที่ดินต้องห้าม จึงจ่ายเงินให้ไม่ได้ ถือว่าเจ้าหนี้ตามคำพิพากษาได้ร้องขอให้บังคับคดีภายในกำหนดแล้ว ดังนั้น ถ้าภายหลังที่ดินนั้นพ้นกำหนดห้ามโอนแล้ว เจ้าหนี้ตามคำพิพากษาก็นำยึดที่ดินนั้นใหม่ได้แม้จะพ้นกำหนด 10 ปี นับแต่วันมีคำพิพากษาแล้วก็ตาม ก็ถือว่ามีการบังคับคดีภายในกำหนดแล้วเช่นกัน
กรณีสิทธิเรียกร้องตามคำพิพากษายังไม่ถึงกำหนดในวันที่คำพิพากษา
24. ฎีกาที่ 7823/2542
ระยะเวลาในการบังคับคดี 10 แ นับแต่วันมีคำพิพากษาหรือคำสั่ง แต่ถ้าในวันที่ศาลมีคำพิพากษา สิทธิเรียกร้องตามคำพิพากษายังไม่ถึงกำหนดชำระ ก็จะเริ่มนับระยะเวลานั้นยังไม่ได้ต้องเริ่มนับแต่วันที่สิทธิเรียกร้องนั้นถึงกำหนดชำระแล้วจำเลยไม่ยอมชำระหนี้
25. ฎีกาที่ 525/2519
ในกรณีกลับกัน หากกำหนดเวลาที่ต้องปฏิบัติตามสัญญาประนีประนอมยอมความเป็นสาระสำคัญ และกำหนดไว้แน่นอน ก็จะเอาระยะเวลาบังคับคดี 10 ปี ตามมาตรา 271 มาบังคับไม่ได้
26. ฎีกาที่ 3519/2538
ถ้าปรากฏว่าจำเลยยังไม่พร้อมที่จะโอนที่ดินให้แก่โจทก์ การที่โจทก์ไม่ชำระเงินภายในกำหนด จะถือว่าโจทก์สละสิทธิในการรับโอนที่ดินหาได้ไม่
27. ฎีกาที่ 657/2517
คำพิพากษาที่ขายให้โจทก์ไถ่ถอนการขายฝาก เป็นการใช้สิทธิตามคำพิพากษาไม่ใช่เป็นการขยายเวลาการขายฝาก โจทก์จึงมีสิทธิร้องขอให้บังคับคดีต่อกันได้ต่อไป
28. ฎีกาที่ 455/2512 (ประชุมใหญ่)
ในกรณีที่ลูกหนี้ตามคำพิพากษาถึงแก่ความตายจะเอาอายุความมรดก 1 ปี ตาม ป.พ.พ. มาตรา 1754 มาใช้บังคับไม่ได้
29. ฎีกาที่ 816/2543
การขอเฉลี่ยทรัพย์ เป็นการบังคับคดีอย่างหนึ่ง จึงต้องร้องขอเฉลี่ยภายใน 10 ปี นับแต่วันมีคำพิพากษาเช่นกัน และเมื่อร้องขอเฉลี่ยภายใน 10 ปีแล้ว แม้การบังคับคดียังไม่เสร็จจนเลย 10 ปี คำร้องขอเฉลี่ยก็ไม่สิ้นผล
30. ฎีกาที่ 2393/2536
การแบ่งทรัพย์ตามสัญญาประนีประยอมความ หากมีกรณีต้องบังคับคดี เจ้าหนี้ตามคำพิพากษาก็ต้องบังคับภายใน 10 ปีเช่นกัน
31. ฎีกาที่ 8759/2538
ศาลพิพากษาให้จำเลยรื้อถอนสิ่งปลูกสร้าง ก็ต้องบังคับคดีใน 10 ปี นับแต่วันมีคำพิพากษาเช่นกัน
32. ฎีกาที่ 3275/2528
การร้องขอให้จับหรือกักขังลูกหนี้ตามคำพิพากษา เป็นการบังคับคดีอย่างหนึ่งจึงต้องจับกุมและกักขังลูกหนี้ตามคำพิพากษา รวมทั้งบริวารภายในกำหนดเวลา 10 ปีนับแต่วันที่มีคำพิพากษาถึงที่สุด ตาม ป.วิ.พ. มาตรา 271 เช่นกัน
กำหนดเวลาบังคับคดีไม่ใช่อายุความ
33. ฎีกาที่ 816/2543
กำหนดเวลาบังคับคดีตาม ป.วิ.พ. มาตรา 271 ไม่ใช่อายุความ ดังนั้น การที่เจ้าหนี้ตามคำพิพากษาไปยึดทรัพย์ของลูกหนี้ตามคำพิพากษา จึงไม่ทำให้กำหนดเวลาบังคับคดีสะดุดหยุดลงหรือขยายออกไปได้อีก
34. ฎีกาที่ 5323/2542
การที่จำเลยทำหนังสือขอผ่อนชำระหนี้ให้โจทก์เมื่อล่วงเลยกำหนดเวลาบังคับคดีแล้ว จึงไม่ใช่การสละประโยชน์แห่งอายุความตาม ป.พ.พ. มาตรา 193/24 จำเลยจึงไม่ต้องรับผิดตามหนังสือดังกล่าว
35. ฎีกาที่ 2278/2526
ระยะเวลาตามมาตรา 271 ศาลมีอำนาจขยายหรือย่นเข้าได้ตามมาตรา 23 ได้
36. ฎีกาที่ 983/2519
คดีฟ้องขับไล่ ถ้าฐานะของโจทก์เปลี่ยนไปเป็นไปไม่มีสิทธิในที่พิพาทต่อไป รูปคดีจึงไม่มีประโยชน์ต่อโจทก์ โจทก์ไม่อาจขอให้บังคับคดีได้
37. ฎีกาที่ 1485/2513
ในคดีที่ศาลมีคำพิพากษาให้จำเลยรื้อถอนบ้านของจำเลยออกไปจากที่ดินของโจทก์ แม้ภายหลังบ้านดังกล่าวจะถูกเจ้าหนี้ตามคำพิพากษาอีกคดีหนึ่งยึดไว้ขายทอดตลาดจำเลยจะอ้างเป็นเหตุไม่ยอมรื้อบ้านออกไปไม่ได้
การบังคับคดีต้องเป็นไปตามลำดับตามคำพิพากษา
38. ฎีกาที่ 788/2543
คำพิพากษาระบุขั้นตอนการบังคับคดีไว้ จึงต้องปฎิบัติตามขั้นตอนนั้น ศาลต้องออกคำบังคับให้จำเลยปฏิบัติตามคำพิพากษาในหนี้ลำดับแรก จำเลยจะเลือกปฏิบัติตามคำพิพากษาในหนี้ลำดับแรก จำเลยจะเลือกปฏิบัติขอชำระหนี้ในลำดับที่สองและจะขอให้บังคับคดีเกินไปจากคำพิพากษาหาได้ไม่
39. ฎีกาที่ 207/2546
ศาลชั้นต้นพิพากษาว่าหากจำเลยไม่ไปจดทะเบียนภาระจำยอม ให้ถือเอาคำพิพากษาแทนการแสดงเจตนา ศาลชั้นต้นย่อมมีคำสั่งให้จำเลยส่งมอบโฉนดที่ดินได้ เพื่อดำเนินการบังคับคดีไปตามคำพิพากษาได้เพราะถือว่าเป็นส่วนหนึ่งของการบังคับคดี ไม่เป็นการบังคับคดีนอกเหนือไปจากคำพิพากษา