เป็นผู้ค้ำประกันรถต้องจ่ายค่าส่วนต่างหลักจากยึดรถ
ผมให้เพื่อนซื้อรถให้ผมเนื่องจากผมติดแบล็กลิสจากการที่เพื่อนผมคนนี้ยืมบัตรเครดิตไปใช้แล้วไม่ชำระหนี้ ผมจึงซื้อรถไม่ได้ เพื่อนเลยใช้ชื่อแทนให้ แต่ผมเป็นคนผ่อนรถ ใช้ได้ประมาณ 4-5 เดือน ผมก็คืนรถเนื่องจากรถเสียทุกเดือนซ่อมครั้งละเกือบหมื่นบาท ผมจึงตัดสินใจคืนรถ เพราะผ่อนและซ่อมไม่ไหว แล้วทางไฟแนนซ์นำรถไปขายทอดตลาดเขาบอกว่ามีส่วนต่างประมาณ 40,000 กว่าบาท ซึ่งผู้ซื้อและผู้ค้ำจะต้องรับผิดชอบ เขามีทางเลือกให้คือถ้าจ่ายครั้งเดียวก็จะลดให้ประมาณ 30% เหลือประมาณ 28,000 บาท แต่ถ้าผ่อนก็ต้องผ่อนเดือนละ 1,000 บาท จนกว่าจะหมด ผมทำงานเป็นครูตำแหน่งพนักงานราชการ มีภาระที่จะต้องดูแลแม่ที่แก่และมีโรงประจำตัวคือหัวใจ เบาหวาน และอื่น ๆ ค่ากองทุนกู้ยืมเพื่อการศึกษาประมาณ 180,000 บาท ค่าธกส.ประมาณ 150,000 บาท และค่าบัตรเครดิต ประมาณ 15,000 บาท ซึ่งผมไม่ไหว จึงได้ปรึกษาทนายดังนี้ ท่านหนึ่งบอกว่าให้เรื่องไปถึงศาลเลยแล้วค่อยไกลเกลี่ยจะมีส่วนลดให้เยอะกว่านี้ ไม่ทราบว่าจริงหรือเปล่าครับ หรือผมควรจะทำอย่างไรดีครับ จะผ่อนเดือนละ 1,000 บาท ตามที่บริษัทเสนอดีหรือเปล่าครับ
ตามปัญหาของท่าน เมื่อรถยนต์ที่เช่าซื้อได้ส่งมอบคืนให้แก่ไฟแนนซ์ จึงเป็นกรณีที่ฝ่ายผู้เช่าซื้อได้บอกเลิกสัญญาเช่าซื้อตามกฎหมายแล้ว ตาม ป.พ.พ.มาตรา 573 และเมื่อไฟแนนซ์ได้นำรถไปขายทอดตลาดโดยมีค่าส่วนต่างประมาณ 40,000 บาท ซึ่งไฟแนนซ์ได้เรียกให้ผู้เช่าซื้อและผู้ค้ำประกันรับผิดในค่าส่วนต่างนั้น เพราะฉะนั้น หากท่านเห็นว่าค่าส่วนต่างเป็นจำนวนที่สูงอยู่ ท่านก็ควรรอให้ไฟแนนซ์ฟ้องเรียกเป็นคดีต่อศาล เพื่อขอเข้าไปเจรจาไกล่เกลี่ยจำนวนค่าส่วนต่างให้เป็นจำนวนที่ท่านจะรับผิดได้ กรณีก็เป็นไปตามที่ทนายแนะนำท่าน หรือท่านอาจจะเห็นว่าเป็นการเสียเวลาที่จะขึ้นโรงขึ้นศาล หรือไม่อยากไปศาลท่านก็อาจดำเนินการเจรจากับไฟแนนซ์เพื่อชำระเป็นจำนวนทั้งหมดครั้งเดียว ซึ่งท่านจะได้ลดค่าส่วนต่าง 30% หรือหากท่านไม่มีเงินก้อน ท่านก็อาจตกลงผ่อนชำระไปเป็นรายเดือน กรณีก็แล้วแต่ท่านจะพิจารณาเลือกเอาเอง
ตัวบทกฎหมายอ้างอิง
ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์
มาตรา 573 ผู้เช่าจะบอกเลิกสัญญาในเวลาใดเวลาหนึ่งก็ได้ด้วยส่งมอบทรัพย์สินกลับคืนให้แก่เจ้าของโดยเสียค่าใช้จ่ายของตนเอง