ล่อซื้อยาบ้า
เพื่อนของน้องชายโดนตำรวจล่อซื้อยาบ้าพร้อมของกลาง 7 เม็ด ตำรวจสอบสวนขยายผลถึงที่มาของยาบ้า และเงินล่อซื้ออยู่ที่ไหน เพื่อนของน้องชายจึงพาตำรวจไปหาน้องชายที่สวน บอกว่าเงินอยู่ที่น้องชาย เขาเอามาใช้หนี้ และในขณะที่ตำรวจมาถึงที่สวนนั้น ไม่มีใครอยู่ในกระท่อมเลย ตำรวจจึงตรวจค้นที่กระท่อมโดยไมมีใครอยู่ และค้นพบเงินจำนวนหกพันกว่าบาท และในนั้นมีเงินล่อซื้อด้วย จนกระทั่งภรรยาและลูกของน้องชายออกมาที่สวน จึงพบเข้ากับตำรวจ และโดนตำรวจกักตัวไว้แล้วถามหาสามี ว่าสามีอยู่ไหน ภรรยาจึงโทรหาสามี ทราบว่าสามีหาผึ้งหาต่ออยู่บนเขา ภรรยาจึงบอกว่ามีตำรวจมาที่สวน ให้ลงมาเดี๋ยวนี้
พอลงมาน้องชายก็ถูกจับกุมในข้อหาร่วมกันจำหน่ายยาบ้า แม้น้องชายจะปฏิเสธว่าไม่รู้เรื่อง รู้แต่ว่าเขาเอาเงินมาใช้หนี้ แต่ตำรวจไม่เชื่อ พร้อมบอกให้น้องชายรับสารภาพซะ โทษหนักจะใด้เป็นเบา ไม้งั้นโดน 5-6 ปีนะ หนีไม่พ้นหรอกเพราะเงินอยู่ที่คุณ และเพื่อนคุณเป้นคนซัดทอดมาเอง น้องชายจึงรับสารภาพในชั้นสอบสวน สืบสวน พร้อมกับให้น้องชายยืนชี้เงินและยาบ้าถ่ายรูป และเซ็นเอกสาร หลายใบ รวมทั้งแถลงการรับสารภาพ
อยากทราบว่า ในกรณีอย่างนี้ถ้าเราจะสู้คดีในชั้นศาล เราจะมีทางชนะไหมคะ และยังพอมีหนทางใดอีกบ้างที่พอจะสู้คดีใด้ รบกวนช่วยตอบคำถามด้วยนะคะ
คำแนะนำทนายคลายทุกข์
การถามคำให้การของผู้ต้องหาในชั้นพนักงานสอบ ตาม ป.วิ.อ มาตรา 135 ได้กำหนดอำนาจและหน้าที่ของพนักงานสอบสวนในการถามคำให้การผู้ต้องหาไว้ โดยห้ามมิให้พนักงานสอบสวนทำหรือจัดให้ทำการใด ๆ ซึ่งเป็นการให้คำมั่นสัญญา ขู่เข็ญ หลอกลวง ทรมาน ใช้กำลังบังคับ หรือกระทำโดยมิชอบประการใด ๆ เพื่อจูงใจให้เขาให้การอย่างใด ๆ ในเรื่องที่ต้องหานั้น
ซึ่งเมื่อปรากฏว่า การที่น้องของท่านได้ให้การรับสารภาพในชั้นจับกุมหรือสอบสวน โดยที่ทางตำรวจได้บอกกับน้องของท่านให้รับสารภาพ โทษหนักจะได้เป็นเบา ไม่งั้นโดนจำคุก 5-6 ปี หนี้ไม่พ้นเพราะเงินได้อยู่กับน้องของท่าน และเพื่อนเป็นคนซัดทอด จึงเป็นกรณีที่ทางพนักงานสอบสวนได้ทำการขู่เข็ญ เพื่อจูงใจให้น้องชายของท่านให้การอย่างใด ๆ ในเรื่องที่ต้องหาดังกล่าวนั้น จึงเป็นเรื่องที่พนักงานสอบสวนปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบด้วยกฎหมาย ตาม ป.อ. มาตรา 157
และตาม ป.วิ.แพ่ง มาตรา 84 วรรคท้าย ได้กำหนดไว้ว่า ถ้อยคำใด ๆ ที่ผู้ถูกจับให้ไว้ต่อเจ้าพนักงานผู้จับหรือตำรวจในชั้นจับกุมหรือรับมอบตัวผู้ถูกจับ ถ้าถ้อยคำนั้นเป็นคำรับสารภาพของผู้ถูกจับว่าตนได้กระทำความผิด ห้ามมิให้รับฟังเป็นเป็นพยานหลักฐาน เพราะฉะนั้น เมื่อน้องชายท่านให้การรับสารภาพในชั้นจับกุมหรือชั้นสอบสวนว่าตนได้กระทำความผิด ตามกฎหมายจึงห้ามมิให้รับฟังเป็นพยานหลักฐานในการพิสูจน์ความผิดของน้องชายคุณ
แม้น้องชายท่าน จะได้ทำการเงินและยาบ้าโดยถ่ายรูปและเซ็นเอกสารในการรับสารภาพก็ตาม แต่โดยพฤติการณ์ที่น้องชายของท่านมิได้ถูกจับในขณะที่ตำรวจทำการล่อซื้อนั้นเพียงแต่เหตุที่ถูกจับกุม ก็เพราะตำรวจค้นพบเงิน ซึ่งในจำนวนนั้นมีเงินล่อซื้อรวมอยู่ด้วย แต่เมื่อน้องชายของท่านยืนยันความบริสุทธิ์ว่าเป็นเงินที่เพื่อนำมาใช้หนี้ โดยตนไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับยาเสพติดที่ตำรวจล่อซื้อดังกล่าว ตามกฎหมายก็ย่อมเป็นสิทธิของน้องชายท่าน ที่จะต่อสู้คดีในชั้นศาลเพื่อพิสูจน์ความบริสุทธิ์ของน้องชายท่าน พิสูจน์ถึงที่มาของเงินที่ล่อซื้อดังกล่าวได้ คดีของน้องชายท่านย่อมมีทางที่จะชนะคดีได้ ไม่เป็นการยากแต่ประการใด
ดังนั้น หากท่านต้องการขอคำปรึกษาเพิ่มเติม ท่านสามารถโทรเข้ามาปรึกษาได้ที่สำนักงานทนายคลายทุกข์ โทร.02-948-5700