จ่ายค่าล่วงเวลาน้อยกว่าที่กฎหมายกำหนด/กฎระเบียบเข้มงวดเกินไป|จ่ายค่าล่วงเวลาน้อยกว่าที่กฎหมายกำหนด/กฎระเบียบเข้มงวดเกินไป

จ่ายค่าล่วงเวลาน้อยกว่าที่กฎหมายกำหนด/กฎระเบียบเข้มงวดเกินไป

  • ทนายคลายทุกข์ ปรึกษากฎหมาย โทร 02-9485700
  • Email: [email protected]
Header Background Image

งานเผยแพร่ความรู้ทางด้าน กฎหมาย การบริหารการจัดการหนี้สินในองค์กรภาครัฐและภาคเอกชน การฝึกอบรมสัมมนาพัฒนาบุคลากร ในการประกอบธุรกิจ หากหน่วยงานของรัฐ บริษัทห้างร้าน มีความสนใจ เชิญทีมงานไปฝึกอบรมสัมมนาหรือต้องการข้อมูลข่าวสาร ติดต่อได้ที่ 02-948-5700 อ่านต่อ

ท่านใดที่สนใจเกี่ยวกับหลักสูตรฝึกอบรมการติดตามหนี้ ทวงหนี้อย่างไรให้ได้ผล ได้เงิน รักษาภาพลักษณ์ รักษาลูกค้า/หลักสูตรการป้องกันและการปราบปรามการทุจริตภายในองค์กร/หลักสูตรกฎหมายแรงงาน สำหรับเจ้าหน้าที่ฝ่ายบุคคลหรือผู้บริหารบริษัท สนใจโทร.02-9485700 อ่านต่อ

สืบทุกเรื่องที่คุณอยากรู้ มีเรื่องคาใจอยากรู้ความจริง โทรมาคุยกับกุ้งได้ที่ 081-625-2161หรือ 089-669-5026 "อย่าปล่อยให้มีเรื่องคาใจ อะไรที่ไม่สบายใจ ต้องหาทางปลดปล่อย สืบให้รู้ความจริง จะได้จบสิ้นกันเสียที สำหรับความทุกข์ที่คาใจมาเป็นเวลานาน อย่าปล่อยให้คนนอกใจลอยนวล" อ่านต่อ

รับแปลเอกสารต่างๆ อ่านต่อ

จ่ายค่าล่วงเวลาน้อยกว่าที่กฎหมายกำหนด/กฎระเบียบเข้มงวดเกินไป

ผมมีเรื่องรบกวบอยากถามนิดนึงครับ ผมเป็นพนักงานบริษัทเอกชน

บทความวันที่ 26 ม.ค. 2553, 00:00

มีผู้อ่านทั้งหมด 10816 ครั้ง


จ่ายค่าล่วงเวลาน้อยกว่าที่กฎหมายกำหนด/กฎระเบียบเข้มงวดเกินไป

         ผมมีเรื่องรบกวบอยากถามนิดนึงครับ ผมเป็นพนักงานบริษัทเอกชน แผนกตรวจสอบคุณภาพงานเขียนแบบ เวลาทำงานอยู่ที่ 7.45 - 16.45 น. หลังจากนั้นจะมีเวลาว่าง 15 นาที บริษัทจะเริ่มคิด OT ของผมตั้งแต่เวลา 17.00 น. เป็นต้นไป
          1. การจ่ายค่า OT ตามกฎหมายจะต้องเป็น 1.5 เท่าใช่ไหมครับ แต่ตอนนี้ช่วง 1 ปีที่ผ่านมาทางบริษัท จ่ายให้แค่ 1 เท่า หรือไม่ก็ไม่จ่ายเลยโดยให้เหตุผลว่าเศรษฐกิจไม่ดี เป้นเช่นนี้บริษัททำผิดกฎหมายหรือไม่ครับ แล้วเราสามารถร้องเรียนอะไรได้ไหมครับ
         2. ในส่วนของพนักงานเขียนแบบของบริษัท ไม่มีใครไดรับค่า OT เลยสักคน แต่ก็ต้องอยุ่ทำงานจนกว่าทางเจ้าของจะบอกให้กลับ บางวันอยู่จนถึง 1 ทุ่ม (เวลาทำงานปกติของพนักงานเขียนแบบ 8.00 - 17.00 น) แต่ก็ไม่ได้รับค่าตอบแทน ถ้าบางคนมีธุระกลับไปก่อน ก็จะโดนจดหมายเตือน ว่าไม่มีความทุ่มเทให้บริษัท แต่ผมเห้นว่าเป็นการเอาเปรียบพนักงานเพราะหลังเลิกงานก็เป็นเวลาส่วนตัวที่จะให้กับครอบครัวครับ ไม่ทราบว่าจะทำอย่างไรได้บ้างครับ
          3. พวกเรากลัวกันว่าถ้าเราไปร้องเรียนสิทธิ์นี้จะทำให้เกิดปัญหากับทางบริษัทแล้วก็จะถูกบีบให้ออกได้น่ะครับ  เพราะเจ้าของเป็นชาวต่างชาติที่จะพูดว่าเราเอาเปรียบพวกเขาอยู่ตลอด ที่ไม่จ่าย OT ก็เพราะแกมักจะคิดว่างานมันต้องเสร็จในเวลา พวกคุณทำงานช้าไม่มีประสิทธิภาพก็เลยหาเหตุผลที่จะไม่จ่าย OT น่ะครับ
         4. กฎของบริษัทที่มองเห็นว่ารุนแรงเกินไป หรือขัดต่อกฎหมาย เราจะทำอย่างไรได้บ้างครับ อย่างเช่น ถ้ามาสาย 3 ครั้งจะโดน จดหมายเตือน 1 ฉบับ ถ้าได้รับ 3 ฉบับจะโดนไล่ออก แต่บางคนที่โดนคือ จดหมาย 2 ฉบับแรกได้เมื่อตอนปีแรกที่ทำงาน ฉบับที่ 3 ได้ตอนปีที่ 2 ที่ทำงาน ไม่น่าจะโดนไล่ออกหรือควรจะเปลี่ยนเป็นการพักงานมากกว่า
         ขอความกรุณาช่วยตอบข้อคิดเห็นนี้ด้วยนะครับ จะได้หาหนทางในการเรียกร้องสิทธิ์ได้น่ะครับ ขอบคุณครับ
 
คำแนะนำทนายคลายทุกข์
1. เป็นไปตาม พ.ร.บ.คุ้มครองแรงงาน พ.ศ. 2541 มาตรา 61 นายจ้างต้องจ่ายค่าล่วงเวลาให้กับลูกจ้างในอัตราไม่น้อยกว่าหนึ่งเท่าครึ่งของอัตราค่าจ้างต่อชั่วโมงในการทำงาน กรณีดังกล่าว นายจ้างต้องชดใช้ส่วนที่ขาดพร้อมดอกเบี้ย
2. บทลงโทษเป็นไปตาม มาตรา 144 จำคุก 6 เดือน ปรับไม่เกิน 100,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ
3. บังคับให้ทำโอทีไม่สามารถทำได้ ต้องได้รับความยินยอมจากลูกจ้าง ตามมาตรา 24
4. ฟ้องต่อศาล ตามมาตรา 14/1 เพื่อยกเลิกหรือแก้ไขได้ ถ้าเห็นว่าไม่เป็นธรรม

ตัวบทกฎหมายอ้างอิง
พระราชบัญญัติคุ้มครองแรงงาน พ.ศ. 2541
มาตรา 61
ในกรณีที่นายจ้างให้ลูกจ้างทำงานล่วงเวลา ในวันทำงานให้นายจ้างจ่ายค่าล่วงเวลาให้แก่ลูกจ้างอัตราไม่ น้อยกว่าหนึ่งเท่าครึ่งของอัตราค่าจ้างต่อชั่วโมงในวันทำงาน ตามจำนวนชั่วโมงที่ทำ หรือไม่น้อยกว่าหนึ่งเท่าครึ่งของอัตรา ค่าจ้างต่อหน่วยในวันทำงานตามจำนวนผลงานที่ทำได้สำหรับ ลูกจ้างซึ่งได้รับค่าจ้างตามผลงานโดยคำนวณเป็นหน่วย

มาตรา 14/1 สัญญาจ้างระหว่างนายจ้างกับลูกจ้าง ข้อบังคับเกี่ยวกับการทำงาน ระเบียบ หรือคำสั่งของนายจ้างที่ทำให้นายจ้างได้เปรียบลูกจ้างเกินสมควร ให้ศาลมีอำนาจสั่งให้สัญญาจ้าง ข้อบังคับเกี่ยวกับการทำงาน ระเบียบ หรือคำสั่งนั้นมีผลใช้บังคับเพียงเท่าที่เป็น
ธรรมและพอสมควรแก่กรณี

มาตรา 144 นายจ้างผู้ใดฝ่าฝืนหรือไม่ปฏิบัติตาม มาตรา 10 มาตรา 22 มาตรา 24 มาตรา 25 มาตรา 26 มาตรา 37 มาตรา 38 มาตรา 39 มาตรา 40 มาตรา 42 มาตรา 43 มาตรา 46 มาตรา 47 มาตรา 48 มาตรา 49 มาตรา 50 มาตรา 51 มาตรา 61 มาตรา 62 มาตรา 63 มาตรา 64 มาตรา 67 มาตรา 70 มาตรา 71 มาตรา 72 มาตรา 76 มาตรา 90 วรรคหนึ่ง กฎกระทรวงที่ออกตาม มาตรา 95 มาตรา 107 มาตรา 118 วรรคหนึ่ง ไม่จ่าย ค่าชดเชยพิเศษตาม มาตรา 120 วรรคหนึ่งหรือวรรคสอง มาตรา 121 วรรคสอง หรือ มาตรา 122 ต้องระวางโทษจำคุก ไม่เกินหกเดือนหรือปรับไม่เกินหนึ่งแสนบาทหรือทั้งจำทั้งปรับ
         ในกรณีที่นายจ้างฝ่าฝืนหรือไม่ปฏิบัติตาม มาตรา 37 มาตรา 38 มาตรา 39 มาตรา 42 มาตรา 47 มาตรา 48 มาตรา 49 หรือ มาตรา 50 เป็นเหตุให้ลูกจ้างได้รับอันตราย แก่กายหรือจิตใจ หรือถึงแก่ความตาย ต้องระวางโทษจำคุก ไม่เกินหนึ่งปี หรือปรับไม่เกินสองแสนบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ
 
 

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นที่ 25

ถ้าทำโอทีในวันทำงานปกติ ตั้งแต่ 17.00-23.00 น. ต้องได้โอทีตามนี้รึเปล่าคะ

17.00-21.00 น. ได้ 1.5 เท่า

21.00-23.00 น. ได้ 3 เท่า

อยากทราบข้อมูลที่ถูกต้องตามกฎหมายแรงงานค่ะ

ขอบคุณค่ะ

โดยคุณ เสาวนีย์ มั่งสิน 20 พ.ย. 2562, 15:01

ความคิดเห็นที่ 24

ถ้าพนักงานทำงานทุกวัน จันทร์ ถึง ศุกร์ ( 8.00-17.00 ) แล้วมีโอทีอีก วันละ 2-3 ชั่วโมง

และบางครั้งมีงานในวันหยุด เสาร์กับอาทิตย์ ( 8.00-17.00 ) แล้วมีโอทีอีก วันละ 2-3 ชั่วโมง

แต่พนักงานก็เต็มใจที่จะทำ เพราะเป็นรายได้ เพราะว่าบางสัปดาห์ทำโอทีเกิน 36 ชั่วโมง แบบนี้นายจ้างจะมีความผิดไหมครับ

โดยคุณ TH 12 ก.ย. 2562, 06:37

ความคิดเห็นที่ 23

อยากทราบอะคะ.  

1. บ.เริ่มงาน 8:00-17:00  บริษัทมีงานให้ทำล่วงเวลาตอนเช้า1ชั่วโมง ทุกเช้า. แต่บางวันมาสแกนไม่ทันสายโอทีเช้า 5-10นาที. ลูกจ้างมีสิทธิ์ ไ่ด้เต็มชั่วโมงไหม. 

2. แต่บางคน มาสายทุกวัน วันเกือบ15นาที แบบนี้มีสิทธ์ได้ทั้งชั่วโมงไหมคะ

โดยคุณ ปวิชญา 28 มิ.ย. 2562, 09:41

ความคิดเห็นที่ 22

ค่าล่วงเวลา สามารถสะสมและจ่ายปีละ 1 ครั้งได้หรือไม่ครับ

โดยคุณ อรุณ เพิ่มพูนสิริ 11 มิ.ย. 2562, 20:38

ตอบความคิดเห็นที่ 22

ถ้าได้รับค่าจ้างเป็นรายเดือนหรือรายวันหรือรายชั่วโมงหรือระยะเวลาอื่นไม่เกินหนึ่งเดือน นายจ้างต้องจ่ายค่าล่วงเวลาให้แก่ลูกจ้างเดือนหนึ่งไม่น้อยกว่า 1 ครั้งครับ จะสะสมและจ่ายปีละ1 ครั้งไม่ได้ เว้นแต่จะมีการตกลงกันไว้เป็นอย่างอื่นเพื่อประโยชน์ของลูกจ้างครับตาม พระราชบัญญัติคุ้มครองแรงงาน พ.ศ.2541 มาตรา 70 (1)ครับ

โดยคุณ ทีมงานทนายคลายทุกข์ 27 มิ.ย. 2562, 10:32

ความคิดเห็นที่ 21

ขอสอบถามค่ะ บจก.เป็นสำนักงานบัญชี ตามกฎบริษัทจะให้ทำโอทีช่วง ม.ค - พ.ค หรือมากกว่าตามงานค่ะ แต่บริษัดจะจ่ายค่าล่วงเวลาแบบเหมา ชม.ละ 80 บาท ทุกคนไม่ได้ยึดตามฐานรายได้ แบบนี้บริษัทถือว่าทำผิดกฎหมายไหมค่ะ

โดยคุณ มิล 9 ม.ค. 2560, 14:39

ตอบความคิดเห็นที่ 21

 กรณีตามปัญหา  การทำงานล่วงเวลา ตามกฎหมายกำหนดไว้ชัดเจน ว่า คือ 

1) เป็นการทำงานนอกเวลาทำงานปกติหรือ 
2) เป็นการทำงานเกินเวลาทำงานปกติ   หรือ 
3) เป็นการทำงานเกินชั่วโมงทำงานในแต่ละวันที่นายจ้างลูกจ้างตกลงกันตามมาตรา 23 ในวันทำงาน หรือวันหยุดแล้วแต่กรณี
ตามมาตรา 23 กำหนดให้นายจ้างกำหนดเวลาทำงานปกติเวลาเริ่มงานและเวลาเลิกงานในแต่ละวันไว้   ตามเวลาทำงานของงานแต่ละประเภท    แต่วันหนึ่งไม่เกิน 8 ชั่วโมงสำหรับงานทั่วไป ฯ   เช่น เข้างาน 08.00 เลิกงาน 17.00 น. เป็นต้น     
ดังนั้น การทำงานที่เกินเวลาทำงานปกติ หรือทำงานนอกเวลาทำงานปกติ จึงถือว่าเป็นการทำงานล่วงเวลา   
             ในบางกรณีพนักงานมาทำงานในเวลาทำงานปกติไม่ครบ 8 ชั่วโมง แล้วทำงานล่วงเวลาต่อ เช่น เข้างาน 13.00 น. เลิกงานเวลา 17.00 น. และทำงานต่อถึง 20.00 น. ถือว่าเป็นการทำงานล่วงเวลาหรือไม่    ทำได้หรือไม่    คำตอบคือ ช่วงเวลาตั้งแต่ 17.00 ถึง 20.00 น. ถือว่าเป็นการทำงานล่วงเวลา  เพราะถือว่าเป็นการทำงานนอกเวลาทำงานปกตินั่นเอง   สามารถทำได้หากเป็นไปตามหลักเกณฑ์ มาตรา 24
ข้อสำคัญของการทำงานในวันหยุด และการทำงานล่วงเวลา    การทำงานล่วงเวลาในวันหยุด คือกฎหมายห้ามไม่ให้นายจ้างให้ลูกจ้างทำงานล่วงเวลา   เว้นแต่จะได้รับความยินยอมจากลูกจ้างเป็นครั้งคราวไป ลักษณะหรือสภาพของงานต้องทำติดต่อกันไปถ้าหยุดจะเสียหายแก่งานหรือเป็นงานฉุกเฉินหรือเป็นงานอื่นตามที่กำหนดในกฎกระทรวงตามมาตรา 24    และห้ามมิให้นายจ้างให้ลูกจ้างทำงานในวันหยุดเว้นแต่ในกรณีที่ลักษณะหรือสภาพของงานต้องทำติดต่อกัน หากหยุดจะเสียหายแก่งาน ตามมาตรา 25
ในทางตรงกันข้าม    ลูกจ้างจะทำงานล่วงเวลาหรือมาทำงานในวันหยุดเอง   โดยไม่ได้รับอนุมัติจากหัวหน้างานผู้มีอำนาจหรือนายจ้างได้หรือไม่    คำตอบคือ ทำได้แต่ไม่ได้ค่าจ้าง เนื่องจากเป็นการมาทำงานเองโดยที่นายจ้างไม่ได้สั่ง หรือไม่ได้ตกลงให้มาทำงาน   นายจ้างจึงสามารถปฏิเสธการจ่ายค่าจ้างกรณีดังกล่าวได้   
  แต่ข้อเท็จจริงในแต่ละเรื่องอาจไม่เหมือนกันตลอดไป ขึ้นอยู่กับข้อเท็จจริงที่เกิดขึ้น เช่น ประเพณีปฏิบัติอาจมีการลงชื่อทำงานไว้ล่วงหน้าทุกครั้ง โดยการวางแผนการทำงานของหัวหน้างาน ตามแผนการทำงาน   และทำงานตามแผนงานที่วางไว้   โดยไม่ต้องรอผลการอนุมัติให้ทำงานล่วงเวลา เป็นอย่างนี้ทุกครั้งไป   ย่อมแสดงให้เห็นว่านายจ้างได้ตกลงให้ลูกจ้างทำงานล่วงเวลา ตามแผนการทำงานที่หน้างานวางแผนไว้แล้ว ดังนี้ถือว่ามีสิทธิได้รับค่าทำงานล่วงเวลา   ค่าทำงานในวันหยุด     
           ดังนั้นการทำงานในวันหยุด   ทำงานล่วงเวลา จึงต้องมีการตกลงกันทุกครั้งไป   ลักษณะของการตกลงกันที่ปฏิบัติกันทั่วไปคือ การลงชื่อทำงานล่วงเวลา ลงชื่อทำงานในวันหยุด และหัวหน้างานผู้มีอำนาจ อนุมัติ จึงถือว่ามีการตกลงกันทำงานล่วงเวลา 
โดยคุณ ทีมงานทนายคลายทุกข์ (สมาชิก) 3 ก.พ. 2560, 10:47

ความคิดเห็นที่ 20

 กรณีตามปัญหา  การทำงานล่วงเวลา ตามกฎหมายกำหนดไว้ชัดเจน ว่า คือ 

1) เป็นการทำงานนอกเวลาทำงานปกติหรือ 
2) เป็นการทำงานเกินเวลาทำงานปกติ   หรือ 
3) เป็นการทำงานเกินชั่วโมงทำงานในแต่ละวันที่นายจ้างลูกจ้างตกลงกันตามมาตรา 23 ในวันทำงาน หรือวันหยุดแล้วแต่กรณี
ตามมาตรา 23 กำหนดให้นายจ้างกำหนดเวลาทำงานปกติเวลาเริ่มงานและเวลาเลิกงานในแต่ละวันไว้   ตามเวลาทำงานของงานแต่ละประเภท    แต่วันหนึ่งไม่เกิน 8 ชั่วโมงสำหรับงานทั่วไป ฯ   เช่น เข้างาน 08.00 เลิกงาน 17.00 น. เป็นต้น     
ดังนั้น การทำงานที่เกินเวลาทำงานปกติ หรือทำงานนอกเวลาทำงานปกติ จึงถือว่าเป็นการทำงานล่วงเวลา   
             ในบางกรณีพนักงานมาทำงานในเวลาทำงานปกติไม่ครบ 8 ชั่วโมง แล้วทำงานล่วงเวลาต่อ เช่น เข้างาน 13.00 น. เลิกงานเวลา 17.00 น. และทำงานต่อถึง 20.00 น. ถือว่าเป็นการทำงานล่วงเวลาหรือไม่    ทำได้หรือไม่    คำตอบคือ ช่วงเวลาตั้งแต่ 17.00 ถึง 20.00 น. ถือว่าเป็นการทำงานล่วงเวลา  เพราะถือว่าเป็นการทำงานนอกเวลาทำงานปกตินั่นเอง   สามารถทำได้หากเป็นไปตามหลักเกณฑ์ มาตรา 24
ข้อสำคัญของการทำงานในวันหยุด และการทำงานล่วงเวลา    การทำงานล่วงเวลาในวันหยุด คือกฎหมายห้ามไม่ให้นายจ้างให้ลูกจ้างทำงานล่วงเวลา   เว้นแต่จะได้รับความยินยอมจากลูกจ้างเป็นครั้งคราวไป ลักษณะหรือสภาพของงานต้องทำติดต่อกันไปถ้าหยุดจะเสียหายแก่งานหรือเป็นงานฉุกเฉินหรือเป็นงานอื่นตามที่กำหนดในกฎกระทรวงตามมาตรา 24    และห้ามมิให้นายจ้างให้ลูกจ้างทำงานในวันหยุดเว้นแต่ในกรณีที่ลักษณะหรือสภาพของงานต้องทำติดต่อกัน หากหยุดจะเสียหายแก่งาน ตามมาตรา 25
ในทางตรงกันข้าม    ลูกจ้างจะทำงานล่วงเวลาหรือมาทำงานในวันหยุดเอง   โดยไม่ได้รับอนุมัติจากหัวหน้างานผู้มีอำนาจหรือนายจ้างได้หรือไม่    คำตอบคือ ทำได้แต่ไม่ได้ค่าจ้าง เนื่องจากเป็นการมาทำงานเองโดยที่นายจ้างไม่ได้สั่ง หรือไม่ได้ตกลงให้มาทำงาน   นายจ้างจึงสามารถปฏิเสธการจ่ายค่าจ้างกรณีดังกล่าวได้   
  แต่ข้อเท็จจริงในแต่ละเรื่องอาจไม่เหมือนกันตลอดไป ขึ้นอยู่กับข้อเท็จจริงที่เกิดขึ้น เช่น ประเพณีปฏิบัติอาจมีการลงชื่อทำงานไว้ล่วงหน้าทุกครั้ง โดยการวางแผนการทำงานของหัวหน้างาน ตามแผนการทำงาน   และทำงานตามแผนงานที่วางไว้   โดยไม่ต้องรอผลการอนุมัติให้ทำงานล่วงเวลา เป็นอย่างนี้ทุกครั้งไป   ย่อมแสดงให้เห็นว่านายจ้างได้ตกลงให้ลูกจ้างทำงานล่วงเวลา ตามแผนการทำงานที่หน้างานวางแผนไว้แล้ว ดังนี้ถือว่ามีสิทธิได้รับค่าทำงานล่วงเวลา   ค่าทำงานในวันหยุด     
           ดังนั้นการทำงานในวันหยุด   ทำงานล่วงเวลา จึงต้องมีการตกลงกันทุกครั้งไป   ลักษณะของการตกลงกันที่ปฏิบัติกันทั่วไปคือ การลงชื่อทำงานล่วงเวลา ลงชื่อทำงานในวันหยุด และหัวหน้างานผู้มีอำนาจ อนุมัติ จึงถือว่ามีการตกลงกันทำงานล่วงเวลา 
โดยคุณ ทีมงานทนายคลายทุกข์ (สมาชิก) 3 ก.พ. 2560, 10:47

ความคิดเห็นที่ 19

 ดิฉันเคยเป็นพนักงานในร้านอาหารแห่งหนึ่ง ให้ค่าแรงวันล่ะ. 250 ทำงานตั้งแต่9:00ถึง 21:00หรือไม่ก็22:00 ทำงาน 12 ชั่วโมง ไม่ทราบว่าร้านแห่งนั้นมีความผิดไหมค่ะ

โดยคุณ 22 ต.ค. 2559, 10:05

ความคิดเห็นที่ 18

 นายจ้างมีสิทธิ์หักค่าแรงพนักงานได้เปล่าครับคือมีอยู่ว่สที่บริษัททำงานเกี่ยวกับเครื่องปั้มบังเอิญแม่พิมพ์มันพังแจ้งไปกับทางนายจ้างแล้วเขาก็ไม่ยอมซ่อมให้ทำให้ผลิตงานไม่ทันพอครบอาทิตย์นายจ้างเรียกเข้าออฟฟิตแล้วก็แจ้งว่าเดือนนี้โดนหักค่าแรง20ชั่วโมงโทษฐานทำงานไม่ได้เปัาหมาย(นายจ้างเป็นคนเกาหลี)ชอบเอาเปรียบคนไทยมากเลยเอะอะก็จะหักเงินอย่างเดียวอยากถามผู้รู้เราควรทำยังไงครับ นายจ้างต่างประเทศมาอาศัยเมืองไทยทำมาหากินแต่ก็มาเอาเปรียบคนไทยแย่มากเลยครับ

โดยคุณ 4 ต.ค. 2559, 06:22

ความคิดเห็นที่ 17

 คือเป็นลูกจ้างรายวัน300/วันคะอยากทราบคะว่าทำงานล่วงเวลา17.00คะไม่เคยได้ค่าโอทีคะลาป่วยก็ไม่ด้ายตังคะถึงจะมีใบรับรองแพทก้อตามประกันสังคมก็ไม่มีคะมีกฎทางโรงงานผ่านโป3เดือนจะปรับเงินให้400/วันพอครบกำหนดอ้างว่างกิจการขายม่ค่อยดีคะ..และอีกอย่างเวลาเบิกอุปกรที่จำเปนต้องใช้ในการทำงานมักจะมีคำพูดที่ว่าจะเบิกอะไรนักหนาของก้อขายม่ดีืทั้งๆของที่เบิกจำเปนต่อการทำงาน...

โรงงานคะไม่มีสวัสดิการรัยไม่เป็นตามกฎหมายเลยคะแร้วแบบนี้จะฟ้องได้ที่หนัยคะ

โดยคุณ แก้ว 21 เม.ย. 2558, 09:09

ความคิดเห็นที่ 16

ผมทำงานมาเกือบหกปีโดยที่นายจ้างจ่ายค่าล่วงเวลาไม่ตรงกับความเป็นจริง และผมโดนนายจ้างบีบให้ลาออกจากงาน ผมทนไม่ได้ก็เลยไปลาออกแล้วครับ ไม่ทราบว่าค่าล่วงเวลาที่ขาดหายไปสมารถเรียกร้องได้ไหมครับ

โดยคุณ ปิยะ บุญรังษี 26 พ.ค. 2556, 14:00

ตอบความคิดเห็นที่ 16

สามารถเรียกร้องเอาค่าล่วงเวลาจากนายจ้างได้โดยยื่นคำร้องต่อพนักงานตรวจแรงงานดำเนินการตามกฎหมายต่อไป

โดยคุณ ทีมงานทนายคลายทุกข์ (สมาชิก) 9 มิ.ย. 2556, 14:47

ความคิดเห็นที่ 15

สามารถเรียกร้องเอาค่าล่วงเวลาจากนายจ้างได้โดยยื่นคำร้องต่อพนักงานตรวจแรงงานดำเนินการตามกฎหมายต่อไป

โดยคุณ ทีมงานทนายคลายทุกข์ (สมาชิก) 9 มิ.ย. 2556, 14:47

ความคิดเห็นที่ 14

 1. ดิฉันทำงาร้านอาหารญี่ปุ่นใน กทม เข้างาน10.00-20.00 (มีเวลาพัก2 ชม.)นายจ้างให้พนักงานร้านทำงานล่วงเวลาถึง23.00 ปกติเลิกงาน23.00 จะได้โอที3 ชม.บางวันลูกค้าไม่มีก็เลิก 22.45 บ้าง 22.50 บ้าง แต่นายจ้างเค้าไม้ได้คิดโอทีให้เรา 45หรือว่า50นาทีนะคะ เค้าคิดให้แค่30นาที อยากทราบว่าแล้วส่วนที่เกินมา 45-50นาที เรามีสิทธิได้มั้ยคะ แล้วแบบนี้นายจ้างทำผิดกฎหมายแรงงายมั้ยคะ

2. นายจ้างไม่ได้ออกกฎระเบียบการขาดงานเป็นลายลักอักษรมาว่าถ้าขาดงานโดยไมแจ้งจะหักเงิน 

โดยคุณ แอม 24 พ.ค. 2556, 02:52

ตอบความคิดเห็นที่ 14

1. นายจ้างต้องจ่ายค่าล่วงเวลาให้แก่ลูกจ้างตามจำนวนชั่วโมงที่ลูกจ้างได้ทำงานล่วงเวลาจริง
2. ไม่มีกฎหมายกำหนดให้นายจ้างต้องออกกฎระเบียบเกี่ยวกับการขาดงานเป็นลายลักษณ์อักษรแต่อย่างใด

โดยคุณ ทีมงานทนายคลายทุกข์ (สมาชิก) 31 พ.ค. 2556, 09:47

ความคิดเห็นที่ 13

1. นายจ้างต้องจ่ายค่าล่วงเวลาให้แก่ลูกจ้างตามจำนวนชั่วโมงที่ลูกจ้างได้ทำงานล่วงเวลาจริง
2. ไม่มีกฎหมายกำหนดให้นายจ้างต้องออกกฎระเบียบเกี่ยวกับการขาดงานเป็นลายลักษณ์อักษรแต่อย่างใด

โดยคุณ ทีมงานทนายคลายทุกข์ (สมาชิก) 31 พ.ค. 2556, 09:47

ความคิดเห็นที่ 12

ดิฉันทำงานตำแหน่งพยาบาลวิชาชีพที่โรงพยาบาลแห่งหนึ่งในกรุงเทพค่ะ มีข้อสงสัยเกี่ยวกับการจ่ายค่าล่วงเวลาค่ะ งานจะแบ่งออกเป็น 3 กะ 7-15,15-23,23-7เวลาคิดเงินจะนับเวรทั้งหมดที่ต้องทำเช่นเดือนที่มี 30 วันจะกำหนดให้ทำงานไม่น้อยกว่า 22 เวร เดือนที่มี 31วันจะต้องทำ 23เวร และเวรที่เกินจะตัดให้เป็นค่าล่วงเวลา ที่สงสัยค่าทางโรงพยาบาลจะจ่ายค่าล่วงเวลาเป็นอัตราส่วน 30:70 หมายถึงถ้าเราทำงานเกินมา 10 เวร หรือเดือนที่มีสามสิบวันทำงานทั้งหมด 32 เวร จะได้ โอที 1เท่าสามเวร และ 1.5 เท่า 7เวร แบบนี้ถือว่าโรงพยาบาลฝ่าฝืนกฏหมายแรงงานหรือเป่ลาคะ และอีกไม่นานจะปรับเป็น 50:50 ด้วยค่ะ ขอความกรุณาให้ข้อมูลหน่อยค่ะ

โดยคุณ ไม่ระบุ 28 เม.ย. 2556, 16:30

ความคิดเห็นที่ 11

อยากทราบว่าเป็นพนักงานรายวัน ตอนรับสมัครบอกพนักงานว่ามีวันหยุดให้อาทิตย์ละวันแต่พอทำจริงวันหยุดแล้วแต่จะจัดให้ ซึ่งก็อาจจะมีหรือไม่มีก็ได้แล้วแต่ว่ามี่คนพอทำงานไหม ดิฉันทำงาน 7.00-19.00 (รวม 12 ฃม.) ได้ค่าแรงวันละ 468.- วันไหนหยุดก็ไม่ได้่ค่าแรง  ได้ค่าแรงเท่ากันทุกวันยกเว้นวันนักขัตฤกษ์่ จะเพิ่มให้ 300.- เช่น สงการนต์ที่จะถึงก็ให้ 300.- วันเดียวคือวันที่ 13  อยากทราบว่าที่ถูก ทางบริษัท ควรจะให้คิดให้แบบนี้ใช่ไหมคือ 468*468 คือ เบิ้ลให้ และ่ควรเบิลให้กี่วัน และใน1 อาทิตย์่ควรจัดวันหยุดให้หรือถ้าไม่ได้หยุดก็ต้องเบิ้ลให้เช่นกัน ถูกไหมค่ะ  ประกันสังคมปรกติทางบริษัทจะหักพนักงานเท่าไรค่ะ ดิฉันโดนหัก 4% ดิฉันขอบพระคุณมาก ล่วงหน้าที่ให้ความกระจ่าง เพราะว่ามีความรู้สึกว่าเหมือนทางบริษัทเอาเปรียบพนักงานเกินไป

โดยคุณ แมว 10 มี.ค. 2556, 21:29

ตอบความคิดเห็นที่ 11

นายจ้างต้องจัดให้ลูกจ้างมีวันหยุดประจำสัปดาห์ๆ หนึ่งไม่น้อยกว่า 1 วัน โดยวันหยุดประจำสัปดาห์ต้องมีระยะห่างกันไม่เกิน 6 วัน นายจ้างและลูกจ้างอาจตกลงกันล่วงหน้ากำหนดให้มีวันหยุดประจำสัปดาห์วันใดก็ได้ และในกรณีที่นายจ้างให้ลูกจ้างทำงานในวันหยุดตามประเพณี นายจ้างต้องจ่ายค่าทำงานในวันหยุดให้แก่ลูกจ้างรายวันในอัตราไม่น้อยกว่าสองเท่าของอัตราค่าจ้างต่อชั่วโมงในวันทำงานตามจำนวนชั่งโมงที่ทำ ตาม พรบ.คุ้มครองแรงงาน 2541 มาตรา 28, 62(2)

โดยคุณ ทีมงานทนายคลายทุกข์ (สมาชิก) 3 เม.ย. 2556, 14:06

แสดงความเห็น

ข่าวที่มีผู้อ่านมาก