อายุความของผู้ค้ำประกัน
คุณพ่อเป็นผู้ค้ำประกันหนี้ของบริษัทแห่งหนึ่งที่มีกับธนาคารเมื่อปี 2538 และบริษัทไม่สามารถชำระหนี้ธนาคารได้ ในปี 2542 ต่อมาบริษัทดังกล่าวถูกศาลล้มละลายกลางมีคำสั่งพิทักษ์ทรัพย์เด็ดขาดไปเมื่อปี 2550 (คดีแดง) โดยคดีล้มละลายมีโจทก์เป็นบริษัทอีกแห่งหนึ่ง มิใช่ธนาคาร แต่ได้รับคำชี้แจงว่า ธนาคารได้ยื่นขอเฉลี่ยทรัพย์แต่ไม่พอชำระหนี้ ปัจจุบันธนาคารดังกล่าวมีจดหมายเชิญให้คุณพ่อเข้าไปเจรจาชำระหนี้ ผมมีคำถามดังนี้
1. อายุความของผู้ค้ำประกันกรณีนี้เริ่มและสิ้นสุดเมื่อใด
2. คุณพ่อกำลังจะโอนบ้านให้ผม และเงินสดจำนวนหนึ่งให้ผมเพื่อเก็บเป็นเงินออมให้ลูกของผม จะมีปัญหาเรื่องการตามมายึดทรัพย์หรือไม่
คำแนะนำทนายคลายทุกข์
1. ก่อนอื่นต้องทราบก่อนว่า หนี้ที่ค้ำประกันเป็นหนี้อะไร เพราะอายุความไม่เหมือนกัน และต้องดูด้วยว่าพ่อของคุณถูกฟ้องให้ล้มละลายด้วยหรือไม่ เพราะหากถูกฟ้องให้ล้มละลาย ตามกฎหมายก็มีหน้าที่จะต้องแจ้งทรัพย์สินและหนี้สินให้ จพท.ทราบ ตาม พ.ร.บ.ล้มละลาย พ.ศ. 2483 มาตรา 30
2. ตามหลักกฎหมายแล้วน่าจะมีปัญหา เพราะการจำหน่ายจ่ายโอนทรัพย์สินของพ่อคุณ เป็นการจำหน่ายจ่ายโอนที่เพื่อพ้นจากการบังคับคดีและทำให้เจ้าหนี้เสียเปรียบ และอาจมีความผิดฐานโกงเจ้าหนี้ด้วย ตาม ป.อ. มาตรา 350
ตัวบทกฎหมายอ้างอิง
พระราชบัญญัติล้มละลาย พ.ศ. 2483
มาตรา 30 เมื่อศาลได้มีคำสั่งพิทักษ์ทรัพย์เด็ดขาดแล้ว ลูกหนี้ต้องปฏิบัติ ดั่งต่อไปนี้
(1) ภายในยี่สิบสี่ชั่วโมง นับแต่เวลาที่ลูกหนี้ได้ทราบคำสั่งนั้นลูกหนี้ ต้องไปสาบานตัวต่อเจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์ และยื่นคำชี้แจงตามแบบพิมพ์ว่า ได้มีหุ้นส่วนกับผู้ใดหรือไม่ ถ้ามีให้การระบุชื่อและตำบลที่อยู่ของห้าง หุ้นส่วนและผู้เป็นหุ้นส่วนทั้งหมด
(2) ภายในเวลาเจ็ดวันนับแต่วันที่ลูกหนี้ได้ทราบคำสั่งนั้น ลูกหนี้ต้องไป สาบานตัวต่อเจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์และยื่นคำชี้แจงเกี่ยวกับกิจการและทรัพย์ สินของลูกหนี้ตามแบบพิมพ์ แสดงเหตุผลที่ทำให้มีหนี้สินล้นพ้นตัว สินทรัพย์และ หนี้สิน ชื่อตำบลที่อยู่ และอาชีพของเจ้าหนี้ทรัพย์สินที่ได้ให้เป็นประกัน แก่เจ้าหนี้และวันที่ได้ให้ทรัพย์สินนั้น ๆ เป็นประกันรายละเอียดแห่งทรัพย์สิน อันจะตกได้แก่ตนในภายหน้าทรัพย์สินของคู่สมรส ตลอดจนทรัพย์สินของบุคคล อื่นซึ่งอยู่ในความยึดถือของตน
ระยะเวลาตาม มาตรา นี้ เมื่อมีเหตุผลพิเศษ เจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์ อาจขยายให้ได้ตามสมควร
ถ้าลูกหนี้ไม่อยู่หรือไม่สามารถทำคำชี้แจงตาม มาตรา นี้ได้ ให้เจ้าพนักงาน พิทักษ์ทรัพย์เป็นผู้ทำแทน หรือช่วยลูกหนี้ในการทำคำชี้แจงแล้วแต่กรณี และเพื่อการนี้ให้มีอำนาจจ้างบุคคลอื่นเข้าช่วยตามที่เห็นจำเป็น โดยคิดหัก ค่าใช้จ่ายจากกองทรัพย์สินของลูกหนี้
ประมวลกฎหมายอาญา
มาตรา 350 ผู้ใดเพื่อมิให้เจ้าหนี้ของตนหรือของผู้อื่นได้รับชำระ หนี้ทั้งหมดหรือแต่บางส่วน ซึ่งได้ใช้หรือจะใช้สิทธิเรียกร้องทางศาล ให้ชำระหนี้ ย้ายไปเสีย ซ่อนเร้นหรือโอนไปให้ผู้อื่นซึ่งทรัพย์ใดก็ดี แกล้งให้ตนเองเป็นหนี้จำนวนใดอันไม่เป็นความจริงก็ดี ต้องระวาง โทษจำคุกไม่เกินสองปี หรือปรับไม่เกินสี่พันบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ