กองปราบบุกจับเจ้าของโรงเรียนกวดวิชาชื่อดัง “อาบาคัส” ตุ๋นนักเรียนผู้ปกครองเปิดติวภาษา

บทความวันที่ 10 พ.ย. 2552, 00:00

มีผู้อ่านทั้งหมด 4515 ครั้ง

จับเจ้าของ ร.ร.กวดวิชา “อาบาคัส” ตุ๋นเรียนพิเศษ!  

 
          ทนายคลายทุกข์ขอนำรายงานข่าวจากหนังสือพิมพ์ผู้จัดการ ที่นำเสนอเกี่ยวกับ  กองปราบบุกจับเจ้าของโรงเรียนกวดวิชาชื่อดัง “อาบาคัส” ตุ๋นนักเรียนผู้ปกครองเปิดติวภาษา แต่เบี้ยวไม่สอน หลังผู้เสียหายเข้าร้องหลายราย สอบประวัติพบมีหมายจับติดตัวถึง 11 คดี ส่วนใหญ่เป็นคดีเกี่ยวกับ “พ.ร.บ.เช็ค-แรงงาน” เผย “ครูอุ๊” ลูกสาวอดีตนางเอกภาพยนตร์ชื่อดัง “นัยนา ชีวานันท์” ร่วมเป็นหุ้นส่วนด้วย

รายละเอียดรายงานข่าว
       วันนี้ (9 พ.ย.) เมื่อเวลา 14.30 น.ที่ กองปราบปราม พ.ต.อ.พรศักดิ์ สุรสิทธิ์ ผกก.1 บก.ป.พร้อมด้วย พ.ต.ต.พุทธพงศ์ เมฆเอี่ยมนภา สว.กก.1 บก.ป.นำกำลังจับกุม นายกิตติภูมิ วัฒนศิริ อายุ 44 ปี อยู่บ้านเลขที่ 209/183 หมู่ 7 ต.หลักหก อ.เมือง จ.ปทุมธานี ตามหมายจับศาลจังหวัดนนทบุรี ที่ 562/2552 ลงวันที่ 30 กันยายน 2552 ข้อหาร่วมกันเป็นนายจ้างไม่จ่ายเงินให้แก่ลูกจ้าง และข้อหาไม่ปฏิบัติตามคำสั่งของพนักงานตรวจแรงงาน จับกุมได้ที่โรงเรียนกวดวิชา “อาบาคัส” เลขที่ 2955-2963 ซอยลาดพร้าว 101/2 แขวงคลองจั่น เขตบางกะปิ กทม.
      
       ทั้งนี้ มีผู้เสียหายเป็นผู้ปกครองเด็กนักเรียนระดับมัธยมศึกษาตอนปลายหลายราย เข้าร้องเรียนพนักงานสอบสวน บก.ป.ว่า หลังจากนำบุตรหลานเข้าสมัครเรียนกวดวิชาที่โรงเรียนกวดวิชาอาบาคัส โดยชำระเงินค่าเล่าเรียนไปแล้วแต่กลับไม่ได้เรียน เนื่องจากสถาบันดังกล่าวหลายสาขาทยอยปิดตัวลง เมื่อทวงถามเงินมัดจำค่าเรียนที่จ่ายล่วงหน้า ทางสถาบันพยายามบ่ายเบี่ยงโดยตลอด รวมมูลค่าความเสียหายประมาณหลายแสนบาท
      
       ต่อมาชุดสืบสวน กก.1 บก.ป.สืบทราบว่า โรงเรียนกวดวิชาแห่งนี้มี นายกิตติภูมิ และ น.ส.ซุ้มผกา ชีวานันท์ หรือ ครูอุ๊ เป็นผู้ดำเนินกิจการ โดยเป็นสถาบันกวดวิชาชื่อดังที่มีสาขาทั่วประเทศถึง 14 สาขา จากการตรวจสอบข้อมูลประวัติพบว่านายกิตติภูมิ มีหมายจับติดตัวถึง 11 คดี ส่วนใหญ่เป็นความผิดเกี่ยวกับ พ.ร.บ.เช็ค และ พ.ร.บ.แรงงาน รวมทั้งจัดตั้งโรงเรียนกวดวิชาโดยไม่ได้รับอนุญาต จึงเข้าจับกุมตัว นายกิตติภูมิ มาสอบสวน ที่ บก.ป.
      
       จากการสอบสวน นายกิตติภูมิ ให้การว่า เปิดโรงเรียนกวดวิชา มาเป็นเวลากว่า 20 ปีแล้ว โดยสาขาแรกย่านสยามสแควร์ ซึ่งได้รับการตอบรับจากเด็กนักเรียนและผู้ปกครองเป็นจำนวนมากโดยเฉพาะการติววิชาคณิตศาสตร์ วิทยาศาสตร์และภาษาอังกฤษ จากนั้นได้ลงทุนตั้งโรงเรียนกวดวิชาเพิ่มเป็น 14 สาขาทั่วประเทศ เพราะเห็นว่าธุรกิจเติบโตอย่างรวดเร็ว นอกจากนี้ยังเริ่มขายเฟรนไชส์ให้กับผู้ที่สนใจลงทุนเปิดโรงเรียนกวดวิชาอีกด้วย
      
       นายกิตติภูมิ ให้การต่อว่า หลังจากปี 2549 เศรษฐกิจเริ่มซบเซา ทำให้สาขาต่างจังหวัดเริ่มประสบปัญหาขาดทุน แต่ก็ยังสามารถนำรายได้จากสถาบันกวดวิชาใน กทม.ที่มีกำไรอยู่บ้างไปช่วย แต่เมื่อช่วงที่เกิดโรคไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์ใหม่ 2009 ระบาดหนักใน กทม.ก็ทำให้ไม่มีเด็กมาสมัครเรียนเลยทำให้ขาดรายได้ไปเป้นจำนวนมาก นอกจากนี้ ตนก็ยังมาถูกลูกน้องโกงเงินค่าจ้างครูสอนพิเศษ และโกงเงินของบริษัทไปอีกด้วย ซึ่งในส่วนนี้ตนได้แจ้งความดำเนินคดีทางแพ่งไปแล้ว
      
       ด้าน นายสุนัย วิโรจน์ศิริ อายุ 52 ปี หนึ่งในผู้เสียหายซึ่งเป็นผู้ปกครองนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 5 โรงเรียนแห่งหนึ่ง ที่สมัครเข้าเรียนกวดวิชาภาษาอังกฤษกับโรงเรียนกวดวิชาดังกล่าว ระบุว่า เมื่อประมาณเดือนมกราคมที่ผ่านมา ลูกตนได้รับการชักชวนจาก น.ส.ซุ้มผกา หรือ ครูอุ๊ ให้สมัครเข้าเรียนกวดวิชาที่เริ่มเปิดคอร์สในเดือนเมษายน ต่อมาหลังจากตนโอนเงินค่าเรียนจำนวน 5,000 บาท ทางบัญชีธนาคารของโรงเรียนกวดวิชาแห่งนี้ไปแล้ว เมื่อถึงช่วงเวลาเรียนกลับพบว่าไม่มีการเรียนการสอนแต่อย่างใด เมื่อติดต่อสอบถามไปก็ได้รับคำตอบว่า กำหนดการเช่าสถานที่หมดลงแล้ว โดยในเดือนมิถุนายนจะมีการเปิดเรียนใหม่อีกครั้ง แต่เมื่อรอถึงเดือนมิถุนายนก็ยังไม่มีโรงเรียนแต่อย่างใด
      
       นายสุนัย กล่าวอีกว่า หลังจากนั้น ตนได้ค้นหาข้อมูลทางอินเทอร์เน็ตเกี่ยวกับสถาบันกวดวิชานี้ก็พบว่ามีผู้โพสต์ข้อความระบุว่าถูกฉ้อโกงเป็นจำนวนมาก ภายหลังเมื่อติดต่อไปอีกครั้งทางนายกิตติภูมิ ระบุว่าจะยอมคืนเงินให้นัดหมายในวันที่ 8 พฤศจิกายนที่ผ่านมา แต่แล้วก็ยังถูกบ่ายเบี่ยงตนจึงแจ้งชุดสืบสวน กก.1 บก.ป.ก่อนมีการเข้าจับกุม นายกิตติภูมิ มาดำเนินคดี
       
       ผู้สื่อข่าวรายงานว่า สำหรับ น.ส.ซุ้มผกา หรือ ครูอุ๊ นั้น เป็นบุตรสาวของอดีตนางเอกภาพยนตร์ชื่อดัง “นัยนา ชีวานันท์” และเคยเข้าประกวดนางสาวไทย, มิสไทยแลนด์ยูนิเวิร์ส รวมทั้งชนะเลิศการประกวดนางงามเวทีระดับท้องถิ่นหลายรายการ นอกจากนี้ เคยเป็นดาราของสถานีโทรทัศน์สีช่อง 7 ร่วมแสดงละครหลายเรื่อง อาทิ พระสุธนมโนราห์ ยอพระกลิ่น หลงไฟ ฯลฯ รวมทั้งยังเคยเป็นแอร์โฮสเตสสายการบินแห่งหนึ่ง ต่อมาจึงหันมารับงานสอนพิเศษวิชาภาษาอังกฤษของโรงเรียนชื่อดังหลายแห่ง และเป็นอาจารย์พิเศษของมหาวิทยาลัยเอกชนชื่อดังย่านหัวหมากอีกด้วย
 

      
ขอขอบคุณรายงานข่าวและภาพประกอบจากหนังสือพิมพ์ผู้จัดการ  อ่านข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ http://www.manager.co.th/