บ้านถูกบังคับคดีขายทอดตลาด
วันนี้มีปัญหาอยากถามครับ คือตอนนี้บ้านถูกบังคับคดีขายทอดตลาด โดยการอายัดของธนาคารที่เราเป็นหนี้บัตรเครดิตอยู่ แต่บ้านนั้นได้จำนองไว้กับ ธอส.อยากถามว่า
1.เป็นหนี้ ธอส อยู่5แสนกว่า แต่บ้านมีราคาประเมินประมาน 2แสนกว่า หากขายทอดตลาดแล้วต้องนำเงินไปใช้ให้ ธอส. ทั้งหมดแล้วชำระหนี้ที่เหลือ ตาม ปพพ. มาตรา733 ใช่หรือไม่
2.แล้วธนาคารที่เราเป็นหนี้บัตรเครดิตก็จะไม่ได้อะไรจากเราเลยใช่รึป่าวครับ เพราะ ธอส.เป็นเจ้าหนี้บุริมสิทมีสิทธิได้รับการชำระหนี้ก่อน
3.ตอนนี้ผมอายุ 22 เรียนปีสุดท้าย ค้าขายด้วยพอมีรายได้ ต้องการจะซื้อบ้านได้หรือไม่ครับ
คำแนะนำทนายคลายทุกข์
1-2. ส่วนใหญ่แล้วสัญญาจำนองของธนาคาร จะมีข้อตกลงเพื่อยกเว้นบทบัญญัติของมาตรา 733 แห่ง ป.พ.พ. โดยหากนำทรัพย์ซึ่งจำนองออกขายทอดตลาด ได้เงินจำนวนสุทธิน้อยกว่าจำนวนเงินที่ค้างชำระกันอยู่ ลูกหนี้ยังต้องรับผิดในเงินนั้น ดังนั้น เมื่อนำบ้านของคุณออกขายทอดตลาด ได้เงินเท่าใดต้องชำระหนี้ให้แก่ ธอส.ก่อน เพราะถือว่าธอส.เป็นเจ้าหนี้บุริมสิทธิ์ที่มีสิทธิได้รับชำระหนี้ก่อนเจ้าหนี้อื่น ตาม ป.วิ.แพ่ง มาตรา 287,289 และธนาคารบัตรเครดิต คุณก็ต้องเป็นหนี้อยู่ต่อไป และมีหน้าที่ต้องชำระหนี้ให้แก่ ธอส.และธนาคารบัตรเครดิต ซึ่งเป็นเจ้าหนี้ตามคำพิพากษา
3. เจ้าหนี้ตามคำพิพากษามีสิทธิยึดหรืออายัดทรัพย์สินที่เป็นของคุณได้ภายใน 10 ปี นับแต่วันมีคำพิพากษา ตาม ป.วิ.แพ่ง มาตรา 271 ดังนั้น หากคุณไม่ได้ติดแบล็คลิสต์และมีคุณสมบัติตามหลักเกณฑ์ที่ธนาคาร กำหนดคุณก็สามารถซื้อบ้านได้ แต่หากคุณซื้อบ้านได้ภายใน 10 ปี นับแต่วันมีคำพิพากษา คุณก็อาจถูกเจ้าหนี้ตามคำพิพากษายึดบ้านดังกล่าวได้อีก เช่นเดียวกัน
ตัวบทกฎหมายอ้างอิง
ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์
มาตรา 733 ถ้าเอาทรัพย์จำนองหลุดและราคาทรัพย์สินนั้นมีประมาณต่ำกว่าจำนวนเงินที่ค้างชำระกันอยู่ก็ดี หรือถ้าเอาทรัพย์สินซึ่งจำนองออกขายทอดตลาดใช้หนี้ ได้เงินจำนวนสุทธิน้อยกว่าจำนวนเงินที่ค้างชำระกันอยู่นั้นก็ดี เงินยังขาดจำนวนอยู่เท่าใดลูกหนี้ไม่ต้องรับผิดในเงินนั้น
มาตรา 287 ภายใต้บังคับแห่งบทบัญญัติมาตรา 288 และ 289 บทบัญญัติแห่งประมวลกฎหมายนี้ว่าด้วยการบังคับคดีแก่ทรัพย์สินของลูกหนี้ตามคำพิพากษานั้น ย่อมไม่กระทบกระทั่งถึงบุริมสิทธิหรือสิทธิอื่น ๆ ซึ่งบุคคลภายนอกอาจร้องขอให้บังคับเหนือทรัพย์สินนั้นได้ตามกฎหมาย
มาตรา 289 ถ้าบุคคลใดชอบที่จะบังคับการชำระหนี้เอาจากทรัพย์สินของลูกหนี้ตามคำพิพากษาที่เจ้าพนักงานบังคับคดีได้ยึดไว้ หรือชอบที่จะได้เงินที่ขายหรือจำหน่ายทรัพย์สินเหล่านั้นได้โดยอาศัยอำนาจแห่งการจำนองที่อาจบังคับได้ก็ดี หรืออาศัยอำนาจแห่งบุริมสิทธิก็ดี บุคคลนั้นอาจยื่นคำร้องขอต่อศาลที่ออกหมายบังคับคดีให้เอาเงินที่ได้มานั้นชำระหนี้ตนก่อนเจ้าหนี้อื่น ๆ ตามบทบัญญัติแห่งประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ ในกรณีที่อาจบังคับเอาทรัพย์สินซึ่งจำนองหลุด ผู้รับจำนองจะมีคำขอดังกล่าวข้างต้นให้เอาทรัพย์สินซึ่งจำนองนั้นหลุดก็ได้
ในกรณีจำนองอสังหาริมทรัพย์ หรือบุริมสิทธิเหนืออสังหาริมทรัพย์อันได้ไปจดทะเบียนไว้นั้น ให้ยื่นคำร้องขอก่อนเอาทรัพย์สินนั้นออกขายทอดตลาด ส่วนในกรณีอื่น ๆ ให้ยื่นคำร้องขอเสียก่อนส่งคำบอกกล่าวตามที่บัญญัติไว้ในมาตรา 319
ถ้าศาลมีคำสั่งอนุญาตให้เอาทรัพย์ที่จำนองหลุด การยึดทรัพย์ที่จำนองนั้นเป็นอันเพิกถอนไปในตัว ในกรณีอื่น ๆ ที่ศาลมีคำสั่งอนุญาตตามคำร้องขอ เจ้าหนี้ตามคำพิพากษาชอบที่จะได้รับแต่เงินที่เหลือ ถ้าหากมี ภายหลังที่หักชำระค่าธรรมเนียมการบังคับจำนองและชำระหนี้ผู้รับจำนอง หรือเจ้าหนี้บุริมสิทธิแล้ว