หักเงินในบัญชีโดยพลการ|หักเงินในบัญชีโดยพลการ

หักเงินในบัญชีโดยพลการ

  • ทนายคลายทุกข์ ปรึกษากฎหมาย โทร 02-9485700
  • Email: [email protected]
Header Background Image

งานเผยแพร่ความรู้ทางด้าน กฎหมาย การบริหารการจัดการหนี้สินในองค์กรภาครัฐและภาคเอกชน การฝึกอบรมสัมมนาพัฒนาบุคลากร ในการประกอบธุรกิจ หากหน่วยงานของรัฐ บริษัทห้างร้าน มีความสนใจ เชิญทีมงานไปฝึกอบรมสัมมนาหรือต้องการข้อมูลข่าวสาร ติดต่อได้ที่ 02-948-5700 อ่านต่อ

ท่านใดที่สนใจเกี่ยวกับหลักสูตรฝึกอบรมการติดตามหนี้ ทวงหนี้อย่างไรให้ได้ผล ได้เงิน รักษาภาพลักษณ์ รักษาลูกค้า/หลักสูตรการป้องกันและการปราบปรามการทุจริตภายในองค์กร/หลักสูตรกฎหมายแรงงาน สำหรับเจ้าหน้าที่ฝ่ายบุคคลหรือผู้บริหารบริษัท สนใจโทร.02-9485700 อ่านต่อ

สืบทุกเรื่องที่คุณอยากรู้ มีเรื่องคาใจอยากรู้ความจริง โทรมาคุยกับกุ้งได้ที่ 081-625-2161หรือ 089-669-5026 "อย่าปล่อยให้มีเรื่องคาใจ อะไรที่ไม่สบายใจ ต้องหาทางปลดปล่อย สืบให้รู้ความจริง จะได้จบสิ้นกันเสียที สำหรับความทุกข์ที่คาใจมาเป็นเวลานาน อย่าปล่อยให้คนนอกใจลอยนวล" อ่านต่อ

รับแปลเอกสารต่างๆ อ่านต่อ

หักเงินในบัญชีโดยพลการ

ทนายคลายทุกข์ขอนำคำฟ้องที่สมาชิกทนายคลายทุกข์ ฟ้องธนาคารกรุงเทพ เรื่องละเมิด,ผิดสัญญา

บทความวันที่ 22 ก.ค. 2552, 00:00

มีผู้อ่านทั้งหมด 22393 ครั้ง


หักเงินในบัญชีโดยพลการ

 

           ทนายคลายทุกข์ขอนำคำฟ้องที่สมาชิกทนายคลายทุกข์ ฟ้องธนาคารกรุงเทพ เรื่องละเมิด,ผิดสัญญา  กรณีที่สมาชิกเป็นหนี้บัตรเครดิตธนาคารกรุงเทพ  ต่อมามีเงินเข้าบัญชีธนาคารหักเงินจากบัญชีเงินฝากของลูกหนี้  จำนวน  109,800  บาท  โดยพลการ  จึงเข้ามาติดต่อทนายคลายทุกข์เพื่อให้ฟ้องเป็นคดีผู้บริโภค  เรียกค่าเสียหายธนาคารกรุงเทพ  ทนายคลายทุกข์  จึงขอนำคำฟ้องคดีผู้บริโภค  มาให้ท่านที่มีปัญหาเรื่องธนาคารหักเงินในบัญชีเป็นแนวทางในการฟ้องคดีต่อไป  ส่วนผลคดีจะเป็นอย่างไรให้ติดตามต่อไป

คำฟ้องคดีผู้บริโภค
                                                                                                     คดีหมายเลขดำที่ ...../2552

                                                                                             ศาล จังหวัดตลิ่งชัน
                                                                                ความแพ่ง


นาย ม                                             โจทก์
ธนาคาร  กรุงเทพ  จำกัด (มหาชน) จำเลย   
เรื่อง  ละเมิด,ผิดสัญญา
       
           จำเลยจดทะเบียนเป็นนิติบุคคลประเภทบริษัทจำกัดมหาชนใช้ชื่อว่า "บริษัท ธนาคารกรุงเทพ จำกัด (มหาชน)" มีกรรมการ 18 คน  มีวัตถุประสงค์ประกอบกิจการธนาคารพาณิชย์ รายละเอียดปรากฏตามสำเนาหนังสือรับรองการจดทะเบียน เอกสารท้ายฟ้องโจทก์หมายเลข 1  
           โจทก์เป็นลูกค้าของจำเลยประเภทบัตรเครดิตเมื่อวันที่ 11 ตุลาคม 2547 โดยสมัครเป็นสมาชิกบัตรเครดิต VISA CARD และ MASTER CARD หมายเลขบัตร VISA CARD เลขที่ 4546-2390-8354-3122 MASTER CARD เลขที่ 5444-8290-0819-5112 ตั้งแต่วันที่ 11 ตุลาคม  พ.ศ. 2547 เป็นต้นมาจนถึงปลายปี พ.ศ. 2551  หลังจากเป็นสมาชิกบัตรเครดิตของจำเลยทั้งสองบัตรข้างต้นแล้ว โจทก์ผิดนัดผิดสัญญาไม่สามารถหาเงินมาชำระหนี้หลังจากใช้จ่ายผ่านบัตรเครดิตแล้ว มียอดหนี้ค้างชำระตามใบแจ้งหนี้ของจำเลยรวมทั้งสิ้น  115,150.83 บาท (หนึ่งแสนหนึ่งหมื่นห้าพันหนึ่งร้อยห้าสิบบาทแปดสิบสามสตางค์) รายละเอียดปรากฏตามใบแจ้งหนี้ของจำเลยฉบับลงวันที่ 10 พฤษภาคม 2552 เอกสารท้ายคำฟ้องโจทก์หมายเลข 2  หลังจากที่โจทก์ได้รับใบแจ้งหนี้ฉบับลงวันที่ 10 พฤษภาคม 2552 แล้ว ได้มีตัวแทนจัดเก็บหนี้ของจำเลยคือเจ้าหน้าที่ของสำนักงานกฎหมาย ซี เอ แอล ได้โทรศัพท์ติดตามหนี้ทางโทรศัพท์มายังจำเลยเมื่อวันที่ 28 พฤษภาคม 2552 โดยโจทก์ได้ตกลงเงื่อนไขการผ่อนชำระกับนายธีรวัฒน์ จันทร์ที ตัวแทนของจำเลยเป็นที่เรียบร้อยแล้ว โดยโจทก์จะชำระเงินบางส่วนให้กับจำเลยในวันที่ 31 พฤษภาคม 2552 จำนวน 6,000 บาท และงวดที่ 2 จะชำระภายในวันที่ 15 มิถุนายน 2552  ส่วนหนี้ที่เหลืออีกจำนวน 97,878.20 บาท ตัวแทนของจำเลยจะทำรายงานเสนอจำเลยเพื่อให้ผ่อนชำระเป็นรายเดือนต่อไป และจะแจ้งให้โจทก์ทราบในภายหลัง หลังจากนั้นนายธีรวัฒน์  จันทร์ที ตัวแทนจัดเก็บหนี้ของจำเลยได้โทรศัพท์กลับมายังโจทก์ว่าจำเลยเห็นชอบตามข้อตกลงดังกล่าวเป็นที่เรียบร้อยแล้ว
           ข้อ 2.  ต่อมาเมื่อวันที่ 29 พฤษภาคม 2552 จำเลยได้กระทำละเมิดและผิดข้อตกลงกับโจทก์ กล่าวคือ จำเลยได้หักเงินซึ่งมีบุคคลภายนอกโอนหรือฝากนำเข้าบัญชีของโจทก์ ซึ่งฝากไว้กับธนาคารจำเลย สาขา หนองแขม บัญชีเลขที่ 236-0-04718-3 ไปเป็นจำนวนเงิน 109,800 บาท โดยโจทก์ไม่ได้ให้ความยินยอม การกระทำดังกล่าวของจำเลยเป็นการทุจริตต่อความไว้วางใจที่โจทก์มีต่อจำเลย และเป็นการผิดข้อตกลงที่โจทก์และตัวแทนจัดเก็บหนี้ของจำเลยเคยตกลงกันไว้ และเป็นการผิดสัญญาการฝากทรัพย์ที่โจทก์และจำเลยฝากเงินไว้กับจำเลย จำเลยหักเงินออกจากบัญชีของโจทก์โดยไม่มีสิทธิตามกฎหมาย และถึงแม้จะมีข้อตกลงอันเป็นลักษณะทั่วไประบุไว้ในเอกสารของจำเลย แต่ก็มิได้เป็นความประสงค์ของโจทก์ที่จะยอมให้จำเลยหักเงินจากบัญชีของโจทก์ ข้อสัญญาต่าง ๆ ที่จำเลยอ้างว่าโจทก์ได้ตกลงยินยอมให้จำเลยหักเงินจากบัญชีใด  ๆ ของโจทก์ได้ เป็นข้อสัญญาที่ไม่เป็นธรรม และเป็นการเพิ่มภาระหรือเอาเปรียบโจทก์เกินควร ประกอบกับจำเลยไม่เคยได้รับแจ้งจากโจทก์ล่วงหน้าว่าหากมีการผิดนัดชำระหนี้ จำเลยจะใช้วิธีการหักเงินจากบัญชีต่าง ๆ ที่โจทก์เป็นเจ้าของบัญชีและฝากเงินไว้กับจำเลย โดยไม่ผ่านกระบวนการทางศาล หากโจทก์ทราบว่าจำเลยจะใช้วิธีการบังคับชำระหนี้ด้วยตนเองโดยไม่ผ่านวิธีการฟ้องต่อศาลเป็นคดีผู้บริโภค โจทก์คงไม่ใช้บริการบัตรเครดิตของจำเลย การบังคับชำระหนี้ของจำเลยในคดีนี้ได้กระทำกับผู้บริโภครายอื่นหลายราย  ซึ่งผู้บริโภครายอื่นได้มีการร้องเรียนไปยังสำนักงานคุ้มครองผู้บริโภคเพื่อให้เป็นคนกลางในการเจรจาไกล่เกลี่ยหลายคดี ปรากฏตามสื่อสารมวลชนทั้งทางหนังสือพิมพ์ และทางอินเตอร์เน็ต ได้สร้างความเดือดร้อนให้กับผู้บริโภคเป็นจำนวนมาก ซึ่งคณะกรรมการคุ้มครองผู้บริโภคอยู่ระหว่างการศึกษาเพื่อร่างประกาศและออกกฎหมายห้ามมิให้สถาบันการเงินรวมทั้งจำเลยในคดีนี้เอารัดเอาเปรียบผู้บริโภคโดยการหักจากบัญชีเงินฝากของลูกค้าที่ผิดนัดชำระหนี้บัตรเครดิตและบัตรเงินด่วน  รายละเอียดของการออกกฎหมายโจทก์จะนำเสนอต่อศาลในชั้นพิจารณาคดีต่อไป  และนอกจากนี้การบังคับชำระหนี้ของจำเลยเป็นการบังคับชำระหนี้เอากับจำนวนเงินทั้งหมดของลูกหนี้ที่จำเลยตรวจพบว่าลูกหนี้รายใดฝากเงินไว้กับจำเลย สร้างความเดือดร้อนให้กับโจทก์ในฐานะลูกหนี้และผู้บริโภครายอื่น ๆ ไม่มีเงินสดหมุนเวียนในการดำเนินชีวิตและทำธุรกิจ  การบังคับชำระหนี้ตามคำพิพากษาของศาลเกี่ยวกับเงินเดือนยังบังคับชำระหนี้เพียงร้อยละ 30 ของเงินเดือนเท่านั้น  หลังจากจำเลยได้หักเงินจากบัญชีของโจทก์แล้วจำเลยได้มีหนังสือแจ้งการหักกลบลบหนี้มายังโจทก์เมื่อวันที่ 29 พฤษภาคม 2552  รายละเอียดปรากฏตามหนังสือของจำเลย เอกสารท้ายคำฟ้องโจทก์หมายเลข 3  และต่อมาเมื่อวันที่ 31 พฤษภาคม 2552 จำเลยได้แจ้งยอดหนี้มายังโจทก์ว่ายังมียอดค้างชำระหนี้กับจำเลยอีก 5,350.83 บาท รายละเอียดปรากฏตามหนังสือแจ้งภาระหนี้บัตรเครดิตของจำเลย เอกสารท้ายคำฟ้องโจทก์หมายเลข 4 
           ข้อ 3. ต่อมาเมื่อวันที่ 3 มิถุนายน 2552 โจทก์ได้มีหนังสือไปถึงจำเลยเพื่อให้คืนเงินจำนวนดังกล่าว รายละเอียดปรากฏตามหนังสือขอให้คืนเงินของโจทก์ เอกสารท้ายคำฟ้องโจทก์หมายเลข 5   หลังจากนั้นจำเลยได้มีหนังสือตอบกลับมายังโจทก์เมื่อวันที่ 10 มิถุนายน 2552 ว่าจะพิจารณาคำร้องของโจทก์โดยเร็วและจะแจ้งให้โจทก์ทราบในภายหลัง รายละเอียดปรากฏตามหนังสือของจำเลยเรื่องขอให้คืนเงิน เอกสารท้ายคำฟ้องโจทก์หมายเลข 6  หลังจากนั้นเมื่อวันที่ 11 มิถุนายน 2552 โจทก์ได้มีหนังสือขอให้จำเลยคืนเงินเป็นครั้งที่ 2  รายละเอียดปรากฏตามหนังสือของโจทก์เอกสารท้ายคำฟ้องโจทก์หมายเลข 7   ต่อมาเมื่อวันที่ 15 มิถุนายน 2552 จำเลยได้ยินยอมคืนเงินให้กับโจทก์ จำนวน 40,000 บาท โดยนำเงินนำฝากเข้าบัญชีของโจทก์ที่ธนาคารของจำเลย รายละเอียดปรากฏตามเอกสารท้ายคำฟ้องโจทก์หมายเลข 8  หลังจากนั้นโจทก์ได้พยายามติดตามทวงถามจำเลยให้คืนเงินส่วนที่เหลือจำเลยได้รับหนังสือจากโจทก์แล้วแต่เพิกเฉย การกระทำดังกล่าวของจำเลยเป็นการโต้แย้งสิทธิโจทก์อย่างร้ายแรง และเป็นการเอารัดเอาเปรียบผู้บริโภคเช่นโจทก์และผู้บริโภครายอื่นอย่างมาก ทั้งที่จำเลยเป็นธนาคารพาณิชย์ขนาดใหญ่เป็นที่ไว้วางใจของประชาชน  แต่พฤติการณ์ของจำเลยเป็นการเอาเปรียบผู้ฝากเงิน  จำเลยมีหน้าที่ต้องคืนเงินให้กับโจทก์แต่ไม่ยอมคืนเงิน  โจทก์ได้พยายามติดตามทวงถามเพื่อขอถอนเงินจากบัญชีเงินฝากของโจทก์ แต่ถูกจำเลยปฏิเสธมาโดยตลอด ผลจากการกระทำของจำเลยทำให้โจทก์ได้รับความเสียหายอย่างร้ายแรงในการดำรงชีวิตและในการทำธุรกิจโดยมีรายละเอียดดังต่อไปนี้คือ
           1. สูญเสียเงินจากการถูกหักบัญชี จำนวน 69,800 บาท
           2. ความเสียหายต่อชื่อเสียงเกียรติยศของตนเองและชื่อเสียงทางการค้าของโจทก์และสูญเสียโอกาสในการทำธุรกิจทั้งในปัจจุบันและในอนาคต   เนื่องจากต้องกู้เงินจากบุคคลภายนอกมาใช้ในการดำเนินชีวิตและทำธุรกิจ  กล่าวคือโจทก์มีอาชีพเป็นวิศวกรและเป็นเจ้าของกิจการรับเหมาก่อสร้างให้กับบุคคลภายนอก เมื่อถูกจำเลยหักเงินจากบัญชีของโจทก์ไปโดยไม่ทราบล่วงหน้าทำให้ขาดเงินทุนหมุนเวียนไม่มีเงินชำระหนี้ค่าแรงงาน , ค่าวัสดุก่อสร้าง และค่าใช้จ่ายในการดำเนินชีวิต ผ่อนบ้านกับสถาบันการเงินอื่น  จำนวนหลายรายการ รวมเป็นเงินทั้งสิ้น 600,000  บาท รายละเอียดเกี่ยวกับความเสียหายโจทก์จะนำเสนอต่อศาลในชั้นพิจารณาคดีต่อไป 
          3. สูญเสียสุขภาพทางจิต เนื่องจากเกิดความเครียด วิตกกังวล คิดมาก นอนไม่หลับ จึงต้องไปปรึกษาจิตแพทย์ รายละเอียดปรากฏตามเอกสารท้ายคำฟ้องโจทก์หมายเลข 9 ทำให้สุขภาพเสื่อม ซึ่งโจทก์ขอคิดค่าเสียหายในส่วนนี้จำนวน 50,000 บาท
           รวมเงินค่าเสียหายอันเกิดจากการกระทำของจำเลยทั้งสิ้น  719,800 บาท (เจ็ดแสนหนึ่งหมื่นเก้าพันแปดร้อยบาทถ้วน)  นอกจากนี้จำเลยยังต้องรับผิดในดอกเบี้ยอันเป็นผลจากการกระทำละเมิดและผิดข้อตกลงตามฟ้องในอัตราร้อยละ 7.5 ต่อปี นับแต่วันที่จำเลยได้ทำการหักบัญชีของโจทก์ แต่โจทก์ขอคิดเพียงนับแต่วันถัดจากวันฟ้องเป็นต้นไปจนกว่าจำเลยจะชำระเงินให้โจทก์เสร็จสิ้น โจทก์ไม่มีทางอื่นใดที่จะบังคับเอากับจำเลยได้ นอกจากขอบารมีศาลเป็นที่พึ่ง  และโจทก์ต้องการให้ศาลพิพากษาคดีประเภทนี้เพื่อเป็นบรรทัดฐานสำหรับสถาบันการเงินอื่น ๆ ต่อไป 
                                                                                          ควรมิควรแล้วแต่จะโปรด
 

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นที่ 26

เนื่องจากเพื่อนผมได้ไปกู้เงินธนาคารออมสินจำนวนหนึ่งและผมได้เป็นคนค้ำร่วมกับเพื่อนอีกคนนึง ต่อมาคนกู้ได้ทำเรื่องประนอมหนี้แต่ก็ยังจ่ายบ้างหยุดบ้าง แต่ก่อนหน้านี้ผมมีฉลากออมสินซึ่งซื้อไว้นานแล้วแต่พอผมจะไปทำเรื่องถอนทางเจ้าหน้าที่ไม่ยอมให้ถอนบอกว่าอายัดไว้เนื่องจากคนกู้ชำระไม่สม่ำเสมอ แต่ไม่มีการแจ้งทางผมก่อนและไม่มีเอกสารมาแจ้งผมเลย แบบนี้เข้าข่ายละเมิดไหมครับ พอผมถามถึงเอกสารในการอายัดก็บอกว่ากำลังดำเนินการ ซึ่งถ้าจะอายัดได้ก็ต้องมีคำสั่งของศาลก่อนใช่ไหมครับ แล้วยอดฉลากออมสินของผมมีจำนวนมากกว่ายอดที่เพื่อนค้างอีกครับ

โดยคุณ สหกรณ์ 28 มี.ค. 2561, 18:28

ตอบความคิดเห็นที่ 26

เป็นเหมือนของญาติเลยตอนแรกผู้ค้ำโดนอายัดแต่ผู้กู้จ่ายหมดแล้วแต่ผู้ค้ำโดนหักเงินในบัญชีหมดจริงไมที่ธนาคารหักเงินผู้ค้ำ

โดยคุณ สิริกร ชาติวันนา 13 ก.พ. 2562, 13:19

ตอบความคิดเห็นที่ 26

ถ้าอย่างนั้นต้องดูที่รายละเอียดสัญญาตอนเซ็นต์ค้ำประกันใช้ไหมครับ
แล้วถ้าไม่มีระบุจะเข้าข่ายละเมิดไหมครับ
โดยคุณ สหกรณ์ 21 พ.ค. 2561, 10:20

ตอบความคิดเห็นที่ 26

หากมีข้อตกลงก็สามารถอายัดได้ครับ

โดยคุณ ทีมงานทนายคลายทุกข์ 10 พ.ค. 2561, 14:45

ความคิดเห็นที่ 25

โดน TMB หักเงินจากบ/ชออมทรัพย์ เหมือนกัน กำลังอยู่ระหว่างประนอมหนี้ เป็นหนี้บัตรเครดติธ.ทหารไทย 40,000 บาท หักเงินที่เหลือในบ๊วย/ช 3,100.บาท โดยไม่แจ้งให้ทราบ มีวิธีจัดการอย่างไร ในเมื่อเราก้อกำลังตกลงเรื่องผ่อนชำระอยู่

โดยคุณ พรชัย เดชเ่าน 29 ม.ค. 2561, 12:56

ตอบความคิดเห็นที่ 25

หากในสัญญาที่ทำไว้กำหนดเงื่อนไขให้ธนาคารสามารถหักได้ ธนาคารก็สามารถหักได้ครับ 

โดยคุณ ทีมงานทนายคลายทุกข์ 8 ก.พ. 2561, 13:50

ความคิดเห็นที่ 24

ดิฉันพึ่งจะถูกระบบธนาคารหักเงินออกจากบัญชีธนาคารกรุงเทพ เพราะบริษัทโอนเงินผ่านธนาคารกรุงเทพ แล้วดิฉันผิดนัดชำระบัตรเครดิตธนาคารกรุงเทพค่ะ วงเงิน 25000  เป็นพนักงานบริษัทเงินเดือนก็น้อย พอวันที่ 23 /11/17 มีเจ้าหน้าที่โทมาถามมีเงินชำระมั้ยเราก็บอกไปว่าไม่มีเลยค่ะ เจ้าหน้าที่ตอบแค่คับ เราก็ถามว่าจะทำยังงัยได้บ้างค่ะ ก็ไม่มีคำตอบให้เรา วันที่ 24/11/17 เงินเดือนออกตอน 9 โมงมีข้อความเข้ายอดเงินมี 0 บาท ตกใจมากเพราะเป็นเงินเดือนที่เราต้องใช้จ่ายทั้งเดือน  ค่าเทอมลูก ค่ากินทั้งเดือน ของครอบครัว พ่อแม่อีก ค่าใช้จ่ายอื่นๆอีก  ไม่มีเงินเลยค่ะตอนนี้ ต้องยืมคนอื่น ได้แค่ 1000 บาท จะทำยังงัยดีค่ะ หักคอกันแบบนี้จะให้เอาเงินจากที่ไหนเลี้ยงครอบครัว   24/11/17

โดยคุณ วิไลลักษณ์ 24 พ.ย. 2560, 16:42

ความคิดเห็นที่ 23

ผมอยากทรายว่า ธนาคารที่ไปเก็บเงินฝากกับเด็กในโรงเรียน จะหักเงินค่ารักษาบัญชีได้ไหม เพราะเด็กปิดเทอมใหญ่ 3 เดือน แล้วกว่าจะมาเก็บอีกก็ทิ้งระยะเวลานานประมาณอีก 4 เดือน พอเด็กเห็นเงินในบัญชีหายไปก็ตกใจว่าเงินค่าขนมที่เก็บในบัญชีหายไปไหน ขอบคุณครับ

โดยคุณ ปิติพง 15 ก.ย. 2559, 09:22

ความคิดเห็นที่ 22

 เวลากู้เงินกลับธนาคารเข้าโอนเงินเข้าขันชียอดเต๊มแล้วมาหักทีหลังใด้ไมธนคารบอกหักยอดเก่าพอดีกู้เพิมครับ

โดยคุณ น้ำ 28 มิ.ย. 2559, 20:12

ความคิดเห็นที่ 21

 สามีมีอาชีพเป๊นอสเขาไปกู้เงินธนาคารออมสินคบปีเขาไห้กู้เพิมธนารอนมัตเข้าบันชีสามี160000บาทในวันที24แล้วบันชีถอนไป80000บาทสามีบอกว่าเข้าหักยอดเก่าจริงไม่คะ

โดยคุณ น้าหวาน 28 มิ.ย. 2559, 19:55

ความคิดเห็นที่ 20

 ผมกู้เงินเพิมใด้160000บาทแล้วธนาคารหักออกจากบันชี80000บาทงงครับ

โดยคุณ นำ้ 28 มิ.ย. 2559, 19:50

ความคิดเห็นที่ 19

 โดนหักไป8980.15ค่ะหักอัตโนมัติเลยของกรุงศรีเป็นหนีหลายใบเงินเดือน16570บาทแล้วยังต้องส่งบ้านจ่ายค่าเช่าอีกอยู่ๆมาหักแบบนี้ได้ไงไม่เข้าใจเลยส่วนหนี้ที่อื่นก็โทรๆอยู่ตลอดปวดหัวจนไม่อยากรับสายว่าจะเก็บเงินก้อนไปปิดที่ค้างทีละใบตอนนี้แทบไม่มีเงินใช้จ่ายชีวิต

โดยคุณ 3 มิ.ย. 2559, 01:41

ความคิดเห็นที่ 18

 ข้าพเจ้านายวณัฐพงศ์ ลิ้มศรัณกุลได้ถูกกลั่นแกล้งจากทางธนาคารออมสินเป็นอย่างมาก โดยสืบเนื่องมากผู้ปกครองของข้าพเจ้าได้ถึงแก่กรรมในปี 2551 และได้ทำสินเชื่อ OD โดยเอาบ้านค้ำประกันกับทางธนาคารไว้ในวงเงิน1,000,000แต่นำเงินออกมาใช้เพียง 640,000 บาทและมีฉลากออมสินอีกจำนวนหนึ่ง เมื่อข้าพเจ้าดำเนินเรื่องขอรับชำระหนี้กับทางธนาคารออมสิน ทางธนาคารออมสินกลับบ่ายเบี่ยงที่จะดำเนินการรับชำระหนี้กับทางข้าพเจ้ามาโดยตลอดจนถึงปัจจุบัน หนี้ได้ทบต้นและดอก เป็นจำนวนเงินถึง 1,300,000 บาท เมื่อข้าพเจ้าติดต่อครั้งล่าสุด กลับให้ข้าพเจ้าชำระหนี้ 900,000 บาท ทั้งที่ข้าพเจ้าเองดำเนินเรื่องนี้มาโดยตลอดว่าทำไมถึงไม่หยุดการคิดดอกเบี้ยเนื่องจากผู้ทำสัญญาได้เสียชีวิตแล้วสัญญาการทำODต้องสิ้นสุดลง และเมื่อมีผู้รับขอชำระหนี้แล้วเหตุใดถึงไม่ยอมรับการชำระหนี้ พร้อมยังคิดดอกเบี้ยเพิ่ม ซึ่ง ณ ตอนนี้ข้าพเจ้าได้กู้เงินจากในและนอกระบบมาเพื่อชำระหนี้จำนวน 640,000 บาท กลับพยายามให้จ่ายหนี้ 900,000 บาท จนตอนนี้ข้าพเจ้าหมดหนหากต้องการให้ชำระหนี้ 900,000 บาทให้ได้โดยให้เหตุผลว่าที่ดินมีมูลค่าเพิ่มขึ้นจึงต้องเสียดอกเบี้ยเพิ่มขึ้น เหมือนกับว่าทางธนาคารต้องการที่ดินของข้าพเจ้าเป็นอย่างมากพยายามบีบบังคับให้ข้าพเจ้าต้องฆ่าตัวตายแล้วเอาเงินประกันที่ได้บวกด้วยเงินสงเคราะห์ศพข้าพเจ้ามาชำระหนี้ให้กับทางธนาคารเป็นแน่แท้ บ้านหลังนี้ข้าพเจ้าเติบโตอาศัยอยู่มานานนับสิบๆปี จึงอยากวิงวอนให้ ท่านผู้มีอำนาจช่วยเหลือข้าพเจ้าและครอบครัวด้วยเถอะ

โดยคุณ นายวณัฐพงศ์ ลิ้มศรัณกุล 25 ก.พ. 2559, 11:18

ความคิดเห็นที่ 17

 ทำสินเชื่อธนวัฏและต้องทำประกันสินเชื่อกับกรุงไทยแอกซ่าปีละประมาณ 16,000 บาท ส่ง2งวด/ปีต่อมาปีที่แล้วไม่ได้ส่งเงินประกัน จนเมื่อวานเงินเดือนออกไปกดเงิน ปรากฎว่าไม่มีเงินให้กดเลย ทางกรุงไทยสามารถหักเงินเราโดยที่เราไม่ยินยอมได้หรือไม่ และควรทำอย่างไร(ตอนที่เราไม่ส่งงวดแรกมีหนังสือแจ้งว่าจะหักเงินจากยอดเบี้ยประกันที่เราได้รับ เราก็ไม่ว่าอะไร)

โดยคุณ เสาวรส สีสด 27 ม.ค. 2559, 10:35

ความคิดเห็นที่ 16

 ผมพึ่งได้ทำงานเดือนแรกหลังจากที่ตกงานมา 2 ปี  ก่อนหน้านี้ก็ยอมรับครับว่ามีหนี้กับธนาคารกรุงเทพหนี้บัตรเครดิต เมื่อวันที่ 29/12/58 ที่ผ่านมาทางบริษัทได้เข้าเงินเดือนให้เป็นบัญชีเงินฝากของธนาคารกรุงเทพคับ วันนี้ผมไปกดเงินที่ตู้ เอทีเอ็ม ปารกฎว่าไม่มีเงินเหลือใบัญชีเลยคับ ผมตกใจมากรีบโทรไปสอบถามทางธนาคารบอกหักหนี้บัตรเคดิต ซึ่งการทำแบบนี้เท่ากับฆ่ากันทั้งเป็นเพราะผมพึ่งได้งานเดือนแรกผมต้องไปยืมเงินเค้ามาเป็นทุนทำงานเดือนนี้ก็จะเอาไปคืนเค้าปรากฎว่ามาถูกหักหนี้แบบไม่เป็นธรรมจะทำไงดีครับใครช่วยผมได้กรุณาแนะนำขั้นตอนด้วยคับ  ทางธนาคารพูดอย่างเดียวเลยว่าต้องติดต่อเจ้าหน้าที่วันจันทร์หยุดปีใหม่ แล้วผมจะเอาอะไรกิน จะเอาอะไรใช้หนี้เค้า คับ

โดยคุณ ฐิติวัชร์ โตงาม 31 ธ.ค. 2558, 16:42

ความคิดเห็นที่ 15

 ต่อไปใครจะกล้าฝากเงิน  แถมทำแบบนี้อีก 

ดีที่อ่าน อยากให้มีกฎหมายคุ้มครองผู้โภคบ้าง

กว่าจะฟ้องศาลยื่นอุทรณ์ ก็นานมากกว่าจะได้เงิน

คืน  

โดยคุณ 14 ต.ค. 2557, 07:50

ความคิดเห็นที่ 14

 สอบถามอะไรหน่อยครับ เมื่อวันที่ 30 มิถุนายน 2557 ที่ผ่านมา ผมโดนระบบหักบัญชีเงินฝากอัตโนมัติไปจำนวน 1815 บาท ครับ (ระบบใน IBanking แจ้งเป็นรายการค่าสินค้า/บริการ) ผมไม่เคยสมัครบริการใด ๆ เลย กับทางธนาคารกรุงเทพ ยกเว้นสมัคร IBanking ซึ่งเสียค่าสมัครประมาณ 200 บาท อย่างเดียวครับ ผมสามารถร้องเรียนขอเงินคืนจำนวน 1815 บาท ได้ไหมครับ  จะต้องดำเนินการอย่างไรครับ ขอบคุณครับ

โดยคุณ bank9128 3 ก.ค. 2557, 15:18

ความคิดเห็นที่ 13

 โดนนเหมือนกันค่ะจ่ายหนี้ไปแล้ววันที่10   ตามใบเรียกเก็บแต่ดันมาหักของเราซ้ำอีกวันที่13  

พอโทรปัยถามดันบอกว่ายอดจ่ายมั่ยชั่ยยอดนี่ค่ะ   

โดยคุณ &$ 18 ม.ค. 2557, 10:16

ความคิดเห็นที่ 12

เจ้าหน้าที่การเงิน หักเงินการศึกษาบุตร โดยไม่ได้รับความยินยอมจากตัวดิฉัน ถือว่ามีความผิดหรือไม่

โดยคุณ บุญญาภรณ์ 13 ธ.ค. 2556, 20:49

แสดงความเห็น

ข่าวที่มีผู้อ่านมาก