ศาลล้มละลายกลาง/ถูกฟ้องเป็นบุคคลล้มละลาย/กฎหมายล้มละลาย/ธ.ออมสิน
คำแนะนำและทางแก้ของลูกหนี้เมื่อถูกฟ้องล้มละลาย(ส่งขึ้นเมรุรอฌาปนกิจ)
1. เมื่อถูกฟ้องล้มละลายจะแก้อย่างไร(แก้ไขไม่ได้แก้ผ้า)
2. ต้องไปศาลหรือไม่ ถ้าไม่ไปจะถูกจับหรือไม่ (หรือต้องหนีไปอยู่ดูไบ)
3. ในชั้นฟ้องล้มละลาย ลูกหนี้มีสิทธิในการเจรจาประนอมหนี้หรือไม่ (หรือต้องแผ่นอย่างเดียว)
4. เลวร้ายสุดสำหรับลูกหนี้คืออะไรในการถูกฟ้องล้มละลาย (ถ้าต้องติดคุกจะได้บอกชูวิทย์ให้ซื้อข้าวผัดถุงละ 5,000 รอไว้ก่อน)
คำแนะนำทนายคลายทุกข์ (เอาทุกข์ของคุณมาไว้ที่นี่ เราจะทุกข์แทนคุณ)
1. ปรึกษาทนายคลายทุกข์ เพื่อขอคำแนะนำที่ถูกต้องในการช่วยเหลือตัวเอง โทร.081-912-5833,02-948-5700 หรือส่งอีเมล์มาที่ decha007 @cscoms.com จะให้คำแนะนำในการเตรียมตัวต่อสู้คดีตามขั้นตอนของกฎหมายล้มละลาย
2. คดีล้มละลายเป็นคดีแพ่ง ไม่ใช่คดีอาญา จะไม่เดินทางไปศาล เพื่อฟังการพิจารณาคดีหรือไม่ แต่ขอแต่งตั้งให้ทนายความให้ดำเนินการแทน จะเป็นประโยชน์มากกว่า เพราะทนายความจะมีความรู้เกี่ยวกับขั้นตอนการดำเนินคดีในศาลล้มละลายกลาง
3. การเจรจาประนอมหนี้ในชั้นล้มละลายง่ายกว่าการเจรจาหนี้ในชั้นพิจารณาในศาลแพ่ง เพราะเจ้าหนี้เริ่มมีความอ่อนล้า ในการติดตามทวงถามหนี้ เนื่องจากติดตามทวงถามหนี้มาเป็นเวลานานกว่า 10 ปี สืบหาทรัพย์สินของลูกหนี้ ทุกวิถีทางแล้ว ไม่พบทรัพย์สินของลูกหนี้ จึงจำเป็นต้องฟ้องล้มละลาย ซึ่งเป็นพิธีกรรมขั้นสุดท้ายที่เจ้าหนี้ต้องทำ (เปรียบเสมือนนิมนต์พระมาสวดศพ 4 รูป ก่อนฌาปนกิจ ผมเปรียบเทียบแบบนี้ท่านน่าจะนึกภาพออกนะครับ
4. ศาลล้มละลายกลางจะมีคำสั่งพิทักษ์ทรัพย์เด็ดขาด หลังจากนั้นถ้าไม่มีทรัพย์สิน ศาลจะพิพากษาล้มละลายต่อไป อีกเป็นเวลา 3 ปี นับแต่วันที่ศาลมีคำพิพากษาล้มละลายต่อไป อีกเป็นเวลา 3 ปี นับแต่วันที่ศาลมีคำพิพากษา แต่ถ้าเป็นลูกหนี้ทุจริต จะต้องล้มละลายถึง 10 ปี
ตัวอย่างคำฟ้องคดีล้มละลาย/ถูกฟ้องล้มละลาย/ธ.ออมสิน
ศาลล้มละลายกลาง
ธ.ออมสิน เจ้าหนี้ผู้เป็นโจทก์
นาย ภ. ลูกหนี้
เจ้าหนี้ผู้เป็นโจทก์ขอยื่นฟ้องลูกหนี้ดังจะกล่าวต่อไปนี้
ข้อ 1. เจ้าหนี้ผู้เป็นโจทก์เป็น นิติบุคล สัญชาติไทย
- ประเภทธุรกิจ กิจการธนาคาร
- ทะเบียนนิติบุคคลเลขที่ ตามพระราชบัญญัติธนาคารออมสิน พ.ศ. 2489
- มีภูมิลำเนาอยู่ที่ ...
ข้อ 2. ลูกหนี้เป็น บุคคลธรรมดา
- อาชีพ ไม่ปรากฎชัด
- หมายเลขบัตรประชาชน...
- มีภูมิลำเนา...
ข้อ 3. สาระสำคัญแห่งมูลหนี้ของลูกหนี้ผู้เป็นโจทก์
- เจ้าหนี้ผู้เป็นโจทก์เป็นเจ้าหนี้ของลูกหนี้จำนวน 4,803,806.26 บาท
โดยเจ้าหนี้ผู้เป็นโจทก์เป็น นิติบุคคลตามพระราชบัญญัติธนาคารออสิน พ.ศ. 2489 มีวัตถุประสงค์ในการรับฝากเงิน ออกพันธบัตร และสลากออมสิน ลงทุนแสวงหาประโยชน์ตามที่รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังอนุญาต รวมทั้งให้กู้เงินอันเป็นธุรกิจอย่างหนึ่งของเจ้าหนี้ผู้เป็นโจทก์ โดยกำหนดให้ผู้อำนวยการเป็นผู้บริหารในฐานะผู้จัดการ มีอำนาจในการบริหารงานและกิจการต่าง ๆ ของธนาคาร ปรากฎตามสำเนาพระราชบัญญัติ (เอกสารท้ายคำฟ้องหมายเลข 1)
โดยอำนาจของรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง ได้เห็นชอบให้แต่งตั้งนาย ล. เป็นผู้อำนวยการธนาคารออมสิน ปรากฏตามสำเนาบันทึกข้อความส่วนราชการ กระทรวงการคลัง สำนักงานคณะกรรมการนโยบายรัฐวิสาหกิจ (เอกสารท้ายคำฟ้องหมายเลข2)
เจ้าหนี้ผู้เป็นโจทก์ โดย นาย ล. ผู้อำนวยการธนาคารออมสิน ผู้มีอำนาจกระการการแทนๆได้มอบอำนาจให้ นาย พ. ผู้อำนวยการธนาคารออมสินภาค 3 เป็นผู้มีอำนาจกระทำการแทนเจ้าหนี้ผู้เป็นโจทก์ในกิจการเกี่ยวกับการฟ้องคดีแพ่ง คดีอาญา คดีล้มละลายกับลูกหนี้ของเจ้าหนี้ผู้เป็นโจทก์ และให้มีอำนาจให้แต่งตั้งทนายความ หรือมอบอำนาจช่วงให้ตัวแทนดำเนินการแทนได้และให้ผู้รับมอบอำนาจช่วงต่อไปได้ด้วย ปรากฏตามสำเนาหนังสือมอบอำนาจ ลงวันที่ 30 กรกฎาคม 2551 (เอกสารท้ายคำฟ้อ
หมายเลข 3)
ในการดำเนินคดีนี้ นาย พ. ผู้อำนวยการธนาคารออมสิน ภาค 3 ได้มอบอำนาจให้นางสาว ป. และ/หรือ นาย ส. เป็นผู้มีอำนาจกระทำการอย่างหนึ่งอย่างใด เกี่ยวกับการฟ้องคดีแพ่ง คดีอาญา คดีล้มละลาย กับลูกหนี้ของเจ้าหนี้ผู้เป็นโจทก์ในนามของเจ้าหนี้ผู้เป็นโจทก์ได้ ปรากฏตามสำเนาคำสั่งธนาคารออมสิน และสำเนาหนังสือมอบอำนาจ (เอกสารท้ายฟ้องหมายเลข 4 และ 5 )
เดิมลูกหนี้เป็นหนี้เจ้าหนี้ผู้เป็นโจทก์ตามคำพิพากษาของศาลจังหวัดธัญบุรี คดีหมายเลขดำที่... คดีหมายเลขแดงที่...ระหว่างธนาคารออมสิน (โจทก์) นาย ภ. โดยศาลพิพากษาให้จำเลยชำระเงินจำนวน 2,309,780.82 บาท พร้อมดอกเบี้ยอัตราร้อยละ 15 ต่อปี ของต้นเงินจำนวน 2,000,000 บาท นับแต่วันถัดจากวันฟ้องเป็นต้นไป (ฟ้องวันที่ 19 มิถุนายน 2541) จนกว่าจะชำระเสร็จแก่โจทก์และให้จำเลยชำระค่าเบี้ยประกันภัย จำนวน 1,107 บาท ในเดือนมิถุนายนของทุกปีนับแต่ปี 2541 เป็นต้นไปจนกว่าโจทก์จะสามารถนำทรัพย์จำนองออกขายทอดตลาดได้ หากไม่ชำระให้ยึดที่ดิน โฉนดเลขที่ ...พร้อมสิ่งปลูกสร้างออกขายทอดตลาดนำเงินมาชำระหนี้แก่โจทก์ หากได้เงินไม่พอชำระหนี้ให้ยึดทรัพย์สินอื่นของจำเลยนำออกขายทอดตลาดชำระหนี้แก่โจทก์ครบถ้วนกับให้จำเลยชดใช้ค่าฤชาธรรมเนียมแทนโจทก์ โดยกำหนดค่าทนายความ 5,000 บาท ปรากฏตามสำเนาคำพิพากษา (เอสารท้ายฟ้องหมายเลข 6)
หลังจากที่ศาลธัญบุรีได้มีคำพิพากษาแล้ว ปรากฏว่าลูกหนี้(จำเลย) ไม่ได้ปฏิบัติตามคำพิพากษาแต่อย่างใด เจ้าหนี้ผู้เป็นโจทก์จึงได้ดำเนินการขายทอดตลาดทรัพย์จำนองของลูกหนี้ (จำเลย) และได้จัดสรรเงินชำระหนี้ให้แก่โจทก์เพียงบางส่วน โดยเจ้าหนี้ผู้เป็นโจทก์ได้รับชำระหนี้เป็นเงินจำนวน 651,718 บาท ปรากฏตามสำเนาบัญชีรายรับ-รายจ่าย (ครั้งที่ 1) (เอกสารท้ายฟ้องหมายเลข 7)
เมื่อคำนวณภาระหนี้ตามคำพิพากษาแล้ว ลูกหนี้ (จำเลย) ยังคงมีภาระหนี้ต่อเจ้าหนี้ผู้เป็นโจทก์โดยหักจากการขายทอดตลาด คงเหลือเงินจำนวน 3,479,696.67 บาท และดอกเบี้ยอัตราร้อยละ 15 ต่อปีจากต้นเงิน 2,000,000 บาท นับตั้งแต่วันที่ 21 เมษายน 2551 จนถึงวันที่ 17 กันยายน 2551 เป็นเงินจำนวน 1,324,109.59 บาท รวมเป็นเงินทั้งสิ้น 4,803,806.26 บาท ปรากฏตามสำเนารายการคำนวณยอดหนี้ (เอกสารท้ายคำฟ้องหมายเลข 8)
ข้อ 4. ความมีหนี้สินล้นพ้นตัวของลูกหนี้
ลูกหนี้เป็นผู้มีหนี้สินล้นพ้นตัวเพราะ
*ลูกหนี้มีสินทรัพย์ไม่พอกับหนี้สิน
-ต้องข้อสันนิษฐานตามมาตรา 8 แห่งพระราชบัญญัติล้มละลาย พุทธศักราช 2483 โดย
-ลูกหนี้ได้โอนทรัพย์สินหรือสิทธิจัดการทรัพย์สินของตนให้แก่บุคคลอื่นเพื่อประโยชน์แห้งเจ้าหนี้ทั้งหลายของตน ไม่ว่าได้กระทำการนั้นในหรือนอกราชอาณาจักร
-ลูกหนี้ได้โอนหรือส่งมอบทรัพย์สินของตนหรือก่อให้เกิดทรัพย์สินอย่างหนึ่งอย่างใดขึ้นเหนือทรัพย์สินนั้นในหรือนอกราชอาณาจักร
-ลูกหนี้ได้โอนทรัพย์สินของตนหรือก่อให้เกิดทรัพย์สิทธิอย่างหนึ่งอย่างใดขึ้นเหนือทรัพย์สินนั้น ซึ่งถ้าลูกหนี้ล้มละลายแล้งจะต้องถือว่าเป็นการให้เปรียบ ไม่ว่าได้กระทำการนั้นในหรือนอกราชอาณาจักร
- ลูกหนี้ออกไปเสียนอกราชอาณาจักร หรือได้ออกไปก่อนแล้วและคงอยู่นอกราชอาณาจักรเพื่อประวิงการชำระหนี้หรือมิให้เจ้าหนี้ได้รับชำระหนี้
-ลูกหนี้ไปเสียจากเคหะสถานที่เคยอยู่ หรือซ่อนตัวอยู่ในเคหะสถาน หรือหลบไปหรือวิธีอื่น หรือปิดสถานที่ประกอบธุรกิจ เพื่อประวิงการชำระหนี้หรือมิใช้เจ้าหนี้ได้รับชำระหนี้
-ลูกหนี้ยักย้ายทรัพย์ไปให้พ้นอำนาศาลเพื่อประวิงการชำระหนี้หรือมิให้เจ้าหนี้ได้รับชำระหนี้
-ลูกหนี้ยอมตนให้ต้องคำพิพากษาซึ่งบังคับให้ชำระเงินซึ่งตนไม่ควรต้องชำระ เพื่อประวิงการชำระหนี้หรือมิให้เจ้าหนี้ได้รับชำระหนี้
*ลูกหนี้ถูกยึดทรัพย์ตามหมายบังคับคดีหรือไม่มีทรัพย์สินอย่างหนึ่งอย่างใดที่จะพึงยึดมาชำระหนี้ได้
- ลูกหนี้ได้แถลงต่อศาลในคดีใด ๆ ว่าไม่สามารถชำระหนี้ได้
- ลูกหนี้ได้แจ้งให้เจ้าหนี้คนใดคนหนึ่งของตนทราบว่าไม่สามารถชำระหนี้ได้
- ลูกหนี้ได้เสนอคำขอประนอมหนี้ให้แก่เจ้าหนี้ตั้งแต่สองคนขึ้นไป
- ลูกหนี้ได้รับหนังสือทวงถามจากเจ้าหนี้ให้ชำระหนี้แล้วไม่น้อยกว่าสองครั้ง ซึ่งมีระยะเวลาห่างกันไม่น้อยกว่าสามสิบวัน และลูกหนี้ไม่ยอมชำระหนี้
โดยมีรายละเอียดดังต่อไปนี้ หลังจากที่เจ้าพนักงานบังคับคดีได้ดำเนินการขายทอดตลาดทรัพย์จำนองของลูกหนี้แล้ว เจ้าหนี้ผู้เป็นโจทก์ได้ดำเนินการตรวจสอบ และสืบหาทรัพย์สินของลูกหนี้ เพื่อดำเนินการอายัดและยึดทรัพย์สินอื่นแล้วนำออกขายทอดตลาดแล้วนำเงินมาชำระหนี้แก่เจ้าหนี้ผู้เป็นโจทก์ แต่ปรากฏว่า เจ้าหนี้ผู้เป็นโจทก์ไม่พบทรัพย์สินอื่นของลูกหนี้แต่อย่างใด
ด้วยข้อเท็จจริงดังกล่าวข้างต้นลูกหนี้ต้องด้วยข้อสันนิษฐานของกฎหมายว่า เป็นบุคคลที่มีหนี้สินล้นพ้นตัว เป็นหนี้ที่กำหนดจำนวนได้แน่นอน และหนี้ดังกล่าวถึงกำหนดชำระแล้ว เกินกว่า 1,000,000 บาท โดยลูกหนี้เป็นหนี้เจ้าหนี้ผู้เป็นโจทก์ คิดถึงวันฟ้อง เป็นเงินทั้งสิ้นจำนวน 4,803,80.26 บาท
ด้วยเหตุดังที่ได้กราบเรียนต่อศาลดังกล่าวข้างต้น เจ้าหนี้ผู้เป็นโจทก์จึงได้นำคดีมาฟ้องต่อศาลเพื่อขอให้ศาลมีคำสั่งพิทักษ์ทรัพย์ลูกหนี้ และพิพากษาให้บุคคลล้มละลายต่อไป
ควรมิควรแล้วแต่จะโปรด
คำขอท้ายฟ้องคดีล้มละลาย
เพราฉะนั้นศาลออกหมายเรียกตัวลูกหนี้มาพิจารณาพิพากษาและบังคับลูกหนี้ตามคำขอต่อไปนี้
1. ขอให้มีคำสั่งพิทักษ์ทรัพย์ของลูกหนี้มาพิจารณาพิพากษาให้เป็นบุคคลล้มละลายกับใช้ค่าฤชาธรรมเนียมแทนเจ้าหนี้ผู้เป็นโจทก์
ภูมิลำเนาของเจ้าหนี้ผู้เป็นโจทก์ตามที่ระบุในคำฟ้องและบัญชีภูมิลำเนานั้นเป็นภูมิลำเนาเฉพาะการในคดีนี้ หากมีการเปลี่ยนแปลงประการใดข้าพเจ้าจะแจ้งให้ศาลทราบทันที พร้อมกันนี้ข้าพเจ้าไปยื่นสำเนาคำฟ้องโดยข้อความถูกต้องตรงเป็นอย่างเดียวกันมาด้วย ... ฉบับ และรอฟังคำสั่งอยู่ ถ้าไม่รอให้ถือว่าทราบแล้ว
....................................เจ้าหนี้ผู้เป็นโจทก์
คำฟ้องฉบับนี้ข้าพเจ้า ...........................................ทนายความของเจ้าหนี้ผู้เป็นโจทก์ ปรากฏตามใบแต่งทนายความที่แนบมาพร้อมคำฟ้องนี้ เป็นผู้เรียงและพิมพ์
......................................ผู้เรียงและผู้พิมพ์
คำสั่งศาล คดีหมายเลขดำที่ ล ............./25....
รับฟ้อง ดำเนินการตามกฎหมาย บัญชีภูมิลำเนา ใบแต่งทนาย ใบมอบฉันทะ คำแถลงยืนยันภูมิลำเนา และบันทึกถ้อยคำพยาน (ถ้ามี) ให้รวมไว้ อนุญาตตามคำร้องขอส่งสำเนาเอกสารท้ายฟ้อง ตาม พ.ร.บ.จัดตั้งศาลล้มละลายฯ มาตรา 14 ป.วิ.แพ่ง มาตรา 90 คำร้องขอส่งบันทึกถ้อยคำแทนการสืบพยานบัญชีพยาน (ถ้ามี)
หากประสงค์จะเสนอบัญชีถ้อยคำแทนการซักถามพยาน ให้ยื่นต่อศาลและส่งให้แก่ลูกหนี้ก่อนวันนัดพิจารณา 7 วัน
นัดพิจารณา วันที่ ...........................................เวลา .......................นาฬิกา
อนุญาตให้ตรวจคืนเอกสารแก่ผู้ขอเมื่อคดีถึงที่สุด ในกรณีที่ศาลมีคำสั่งพิทักษ์ทรัพย์เด็ดขาดแล้ว อนุญาตให้คืนเงินประกันค่าใช้จ่ายที่เหลือ เมื่อศาลมีคำสั่งปิดคดีตาม พ.ร.บ.ล้มละลาย มาตรา 133
.........................................ผู้พิพากษา
หมายเหตุ :-
ค่าขึ้นศาล 500 บาท
ค่าใบแต่งทนาย 20 บาท
ค่าคำร้อง .................. บาท
ค่าคำขอ ................. บาท
ค่าอ้างเอกสาร ................. บาท
ใบเสร็จเลขที่ ..................
เงินวางประกันค่าใช้จ่าย 5,000 บาท
ใบเสร็จเลขที่ .............................................
...................................................................
เจ้าพนักงานศาล
วันที่ ..........................................................