ตัวอย่างคำฟ้องคดีผู้บริโภค/คดี สคบ./คดีผิดสัญญาซื้อขาย เรียกทรัพย์คืน|ตัวอย่างคำฟ้องคดีผู้บริโภค/คดี สคบ./คดีผิดสัญญาซื้อขาย เรียกทรัพย์คืน

ตัวอย่างคำฟ้องคดีผู้บริโภค/คดี สคบ./คดีผิดสัญญาซื้อขาย เรียกทรัพย์คืน

  • ทนายคลายทุกข์ ปรึกษากฎหมาย โทร 02-9485700
  • Email: [email protected]
Header Background Image

งานเผยแพร่ความรู้ทางด้าน กฎหมาย การบริหารการจัดการหนี้สินในองค์กรภาครัฐและภาคเอกชน การฝึกอบรมสัมมนาพัฒนาบุคลากร ในการประกอบธุรกิจ หากหน่วยงานของรัฐ บริษัทห้างร้าน มีความสนใจ เชิญทีมงานไปฝึกอบรมสัมมนาหรือต้องการข้อมูลข่าวสาร ติดต่อได้ที่ 02-948-5700 อ่านต่อ

ท่านใดที่สนใจเกี่ยวกับหลักสูตรฝึกอบรมการติดตามหนี้ ทวงหนี้อย่างไรให้ได้ผล ได้เงิน รักษาภาพลักษณ์ รักษาลูกค้า/หลักสูตรการป้องกันและการปราบปรามการทุจริตภายในองค์กร/หลักสูตรกฎหมายแรงงาน สำหรับเจ้าหน้าที่ฝ่ายบุคคลหรือผู้บริหารบริษัท สนใจโทร.02-9485700 อ่านต่อ

สืบทุกเรื่องที่คุณอยากรู้ มีเรื่องคาใจอยากรู้ความจริง โทรมาคุยกับกุ้งได้ที่ 081-625-2161หรือ 089-669-5026 "อย่าปล่อยให้มีเรื่องคาใจ อะไรที่ไม่สบายใจ ต้องหาทางปลดปล่อย สืบให้รู้ความจริง จะได้จบสิ้นกันเสียที สำหรับความทุกข์ที่คาใจมาเป็นเวลานาน อย่าปล่อยให้คนนอกใจลอยนวล" อ่านต่อ

รับแปลเอกสารต่างๆ อ่านต่อ

ตัวอย่างคำฟ้องคดีผู้บริโภค/คดี สคบ./คดีผิดสัญญาซื้อขาย เรียกทรัพย์คืน

ทนายคลายทุกข์ขอนำตัวอย่างคำฟ้องคดีผู้บริโภค/คดี สคบ./คดีผิดสัญญาซื้อขาย เรียกทรัพย์คืน

บทความวันที่ 10 มิ.ย. 2552, 00:00

มีผู้อ่านทั้งหมด 30486 ครั้ง


ตัวอย่างคำฟ้องคดีผู้บริโภค/คดี สคบ./คดีผิดสัญญาซื้อขาย เรียกทรัพย์คืน

                                                                            ศาลแขวงพระนครเหนือ

นาง พ.ที่ 1 ,นาง บ.ที่ 2, นาง น. ที่ 3     โจทก์
บริษัท บ.       จำเลย

เรื่อง พระราชบัญญัติคุ้มครองผู้บริโภค พ.ศ. 2522, ผิดสัญญาเช่า
จำนวนทุนทรัพย์ -  บาท

          ข้อ 1. จำเลยมีฐานะเป็นนิติบุคคลประเภท บริษัท  จำกัด  มีนาย ส. เป็นกรรมการผู้มีอำนาจลงลายมือชื่อ  และประทับตราสำคัญของจำเลย  กระทำการแทนและผูกพันจำเลย  ดำเนินธุรกิจให้เช่าพื้นที่เพื่อทำการค้า รายละเอียดปรากฏตามสำเนาหนังสือรับรองการจดทะเบียนของนายทะเบียนหุ้นส่วนบริษัท กรุงเทพมหานคร  เอกสารท้ายฟ้องหมายเลข 1
          ข้อ 2.  จำเลยได้จัดทำพื้นที่สำหรับเป็นแหล่งช็อปปิ้ง  ใช้ชื่อโครงการว่า ...  บนที่ดินโฉนดเลขที่ ...  และแบ่งพื้นที่เป็นห้อง  หรือเป็นล็อค  เปิดให้พ่อค้าแม่ค้า ได้เช่าพื้นที่ขายสินค้า(ประเภทสินค้าและเครื่องประดับ)  แก่ประชาชนทั่วไป  โดยโฆษณาประชาสัมพันธ์  ให้คำมั่นสัญญาต่าง ๆ  ในลักษณะหลอกลวงด้วยข้อความอันเป็นเท็จต่อโจทก์ทั้งสาม  และผู้เช่ารายอื่น เช่น
          2.1 จะจัดให้มีที่จอดรถสำหรับลูกค้าที่มาใช้บริการมากกว่า 120  คัน
          2.2 จะมีการโฆษณาประชาสัมพันธ์ตามสื่อต่าง ๆ  เช่น  รายการตามสถานีวิทยุ
ต่าง ๆ กว่า 50 สถานี ,ป้ายริมทางและรถโฆษณา
         2.3 จะจัดให้มีป้ายรถประจำทาง  ตู้เอทีเอ็ม  รวมทั้งจัดพื้นที่ให้มีสภาพแวดล้อม
เหมือนกับสวนลุมไนท์บาซ่าร์
         2.4  จะจัดพิธีเปิดโครงการ  และแถลงข่าวต่อสื่อมวลชน
         2.5  จะตกแต่งสถานที่สวยงาม  และอำนวยความสะดวกให้เจ้าของร้านค้าและประชาชน เช่น  ปูพื้นบริเวณพื้นที่ขายสินค้า  รวมทั้งมีพัดลมเพดาน  ที่บังแดด  จัดเก็บขยะ
         2.6  จะจัดให้มีคอนเสิร์ตการแสดงของวงดนตรีต่าง ๆ 
         2.7  หากผู้เช่าพื้นที่ทำสัญญาแล้ว  ต้องการคืนพื้นที่  ทางจำเลยยินดีคืนเงินให้
          นอกจากนั้นยังหลอกลวงว่าตลาดนัดบริเวณรอบห้างฯ  ...ได้ปิดกิจการแล้ว  และจะไม่เปิดให้บริการอีก  แต่ในความเป็นจริง  จำเลยรู้อยู่แล้วว่าตลาดนัดรอบห้าง...จะต้องเปิดให้บริการอีก  รายละเอียดจะเสนอต่อศาลในชั้นพิจารณาคดี
          ข้อ 3.  โจทก์ทั้งสามหลงเชื่อจึงเข้าจองพื้นที่และทำสัญญาเช่าพื้นที่กับโจทก์  ดังต่อไปนี้
           โจทก์ที่ 1  ทำสัญญาเช่าเมื่อวันที่ 24 กรกฎาคม 2551  ห้องหมายเลข...
           โจทก์ที่ 2  ทำสัญญาเช่าเมื่อวันที่  24  กรกฎาคม 2551  ห้องหมายเลข...
           โจทก์ที่ 3  ทำสัญญาเช่าเมื่อวันที่ 26  กรกฎาคม 2551  ห้องหมายเลข...
          โดยสัญญามีระยะเวลาการเช่า 3 ปี  นับตั้งแต่วันที่ 15 ตุลาคม 25512  จนถึงวันที่ 14  ตุลาคม  2554  เหมือนกันทุกฉบับ  โดยจำเลยเก็บเงินกินเปล่าห้องละ 85,000  บาท  รายละเอียดการเช่าปรากฎตามสำเนาสัญญาเช่าเอกสารท้ายฟ้องหมาย 2-5  และสำเนาใบเสร็จรับเงินเอกสารท้ายฟ้อง หมายเลข 6-9
          ข้อ 4. เมื่อโจทก์ทั้งสามได้ทำสัญญาเช่าพื้นที่กับจำเลย  และรับมอบพื้นที่จากจำเลยเมื่อต้นเดือนตุลาคม 2551  จำเลยเปิดให้ขายสินค้าได้ในวันที่ 30 ตุลาคม 2551  จำเลยไม่เคยปฏิบัติตามสัญญาที่ได้ประชาสัมพันธ์หรือให้คำมั่นไว้ตามข้อ 2  และการส่งมอบสถานที่ให้โจทก์ได้ครอบครองก็อยู่ในสภาพที่ไม่เรียบร้อย  กล่าวคือการถ่ายเทอากาศไม่ดี  หลังคารั่ว  ไม่สามารถป้องกันน้ำฝนได้  มีฝุ่นมากและใช้งบประชาสัมพันธ์ที่น้อยเกินไป  ขาดประสบการณ์ในการบริหารและการจัดการที่ดีพอ  โจทก์ต้องตกแต่งห้องเพิ่มเติมอีกเป็นจำนวนมากกว่าที่จะควรทำ  และประกาศสำคัญที่จอดรถไม่เพียงพอด้วยสาเหตุหลายประการดังกล่าว  อันเป็นความผิดของจำเลย  ประชาชนจึงไม่เข้ามาซื้อสินค้า  ทำให้โจทก์ทั้งสามไม่สามารถขายสินค้าได้  ตามเจตนารมณ์ของการเข้าทำสัญญาเช่า  และตามที่จำเลยได้ประชาสัมพันธ์หรือให้คำมั่นไว้กับโจทก์ทั้งสาม  และผู้เช่ารายอื่น  การกระทำของจำเลยทำให้โจทก์ทั้งสามได้รับความเสียหาย ดังนี้
          โจทก์ที่ 1  ได้รับความเสียหายจากเงินกินเปล่าในการเช่าห้อง 2 ห้อง ๆละ 85,000 บาท  เป็นเงิน 170,000 บาท  ค่าตกแต่งห้องและค่าเช่าห้องตั้งแต่ 15 ตุลาคม 2551-14 ธันวาคม 2551  เป็นเงินจำนวน 80,000 บาท  รวมเป็นเงินค่าเสียหายทั้งหมด 250,000 บาท
          โจทก์ที่ 2  ได้รับความเสียหายจากเงินกินเปล่าในการเช่าห้อง จำนวน 85,000 บาท  ค่าเช่าห้องตั้งแต่ 15 ตุลาคม 2551-14 ธันวาคม 2551  เป็นเงินจำนวน 11,000 บาท  รวมเป็นเงินค่าเสียหายทั้งหมด 125,500 บาท

          โจทก์ที่ 3  ได้รับความเสียหายจากเงินกินเปล่าในการเช่าห้อง จำนวน 85,000 บาท  เป็นเงิน 170,000 บาท  ค่าตกแต่งห้องและค่าเช่าห้องตั้งแต่ 15 ตุลาคม 2551-14 ธันวาคม 2551  เป็นเงินจำนวน 95,000 บาท  รวมเป็นเงินค่าเสียหายทั้งหมด 180,000 บาท  รวมเป็นเงินค่าเสียหายที่จำเลยต้องชำระให้โจทก์ทั้งสาม จำนวน 552,500 บาท (ห้าแสนห้าหมื่นสองพันห้าร้อยบาทถ้วน)  ซึ่งโจทก์ขอถือเอาทุนทรัพย์ในคดีนี้  รายละเอียดจะเสนอต่อศาลในชั้นพิจารณาคดี
          ข้อ 5.  โจทก์ทั้งสามได้ให้ทนายความมีหนังสือบอกเลิกสัญญาเช่า  และเรียกให้ชำระค่าเสียหายจากจำเลย  ซึ่งจำเลยได้รับหนังสือดังกล่าวแล้ว  ปรากฏตามสำเนาหนังสือบอกเลิกสัญญาและทวงถามให้ชำระหนี้  พร้อมใบตอบรับหนังสือดังกล่าวแล้ว  ปรากฏตามสำเนาหนังสือบกเลิกสัญญาและทวงถามให้ชำระหนี้  พร้อมใบตอบรับจดหมายลงทะเบียนทางไปรษณีย์   เอกสารท้ายฟ้องหมายเลข 11-15  แต่จำเลยยังคงเพิกเฉย  โจทก์ไม่มีทางอื่นใดที่จะบังคับให้จำเลยชำระหนี้ดังกล่าวให้โจทก์ได้  จึงต้องขอบารมีศาลเป็นที่พึ่ง
                                                                                      ควรมิควรแล้วแต่จะโปรด

คำขอท้ายฟ้องคดีผู้บริโภค
          ขอศาลได้โปรดออกหมายเรียกจำเลยมาพิจารณาพิพากษาและบังคับจำเลยตามคำขอต่อไปนี้
          1.  ให้จำเลยชำระเงินให้แก่โจทก์ที่ 1 จำนวน 250,000 บาท ชำระเงินให้แก่โจทก์ที่ 2 จำนวน 122,500  บาท  ชำระเงินให้แก่โจทก์ที่ 3  จำนวน 180,000 บาท  รวมเป็นเงินทั้งหมด 552,500 บาท  (ห้าแสนห้าหมื่นสองพันห้าร้อยบาทถ้วน) พร้อมดอกเบี้ยในอัตราร้อยละ 7.5 ต่อปี  ของเงินต้นดังกล่าว  นับตั้งแต่วันถัดจากวันฟ้องเป็นต้นไปกว่าจะชำระเงิน


 

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นที่ 83

ถ้าในกรณีที่แจ้งไปนี่ เราจะฟ้อง สคบ.ได้ไหมค่ะ. รบกวนสอบถามค่ะ 

โดยคุณ Por 26 มิ.ย. 2559, 11:27

ความคิดเห็นที่ 82

รบกวนสอบถามค่ะ ดิฉันได้ซื้อครอสเสริมความงามไว้กับสถานบริการแห่งหนึ่งในห้างสรรพสินค้าเซ็นทรัล เมื่อวันที่ 31 มค.59 ต่อมาบริษัทแจ้งจะปิดกิจการและออกหนังสือมาเมื่อวันที่ 1 กพ 59 ว่าจะปิดกิจการ. แต่ไม่มีการแจ้งลูกค้าล่วงหน้าแถมตอนออกเอกสารนี่ก้ไม่ได้โทรแจ้งรึบอกกล่าวแต่อย่างใด. แต่ทราบเพราะทางดิฉันจะเข้าไปใช้บริการเลยโทรติดต่อกับพนักงานเพื่อจองคิว. พนักงานจึงส่งข้อมูลให้แต่บริษัทประกาศจะปิดกิจการ. ซึ่งงงเพราะทางร้านพึ่งขายครอสให้ดิฉันแล้ววันรุ่งขึ้นก้มีประกาศมาบอกว่าปิดกิจการ. โดยพนักงานของร้านบอกดิฉันว่าไม่รู้และไม่ทราบข้อมูลเลย. พึ่งรู้ตอนเต้าของส่งเมลมาแจ้งค่ะ. แล้วเค้าแจ้งทางดิฉันว่าให้ไปทำเรื่องขอเงินคืน ซึ่งทางเราจ่ายเงินค่าครอสไปจำนวน 12,000 บาท ทำเรื่องไปตั้งแต่วันที่ 26 กพ 59 รอจนประมานต้นเดือนเมษายนได้โทรไปสอบถาม. ทางบริษัทแจ้งว่าจะมีจดหมายส่งมาให้เซ็นที่บ้าน. พอเดือนพฤษภาคมได้มีจดหมดส่งมาถึงที่บ้าน. แต่ข้อความในจดหมายระบุวันที่ 4เมษายน 59 ว่าให้ทางดิฉันเซ็นข้อความแจ้งความจำนงเพื่อขอรับเงินคืน และจะได้รับเงินคืนในจำนวน 11,040 บาท ทั้งที่ดิฉันไม่ได้รับการบริการอะไรเลยหลังจากจ่ายเงินค่าบริการไป แล้วเมื่อวีนที่ 26 กพ 59 ก้ได้เข้าไปทำเรื่องขอรับเงินคืนแล้ว โดยวันนั้นทางบริษัทแจ้งว่าจะไดิรับเงินคืนเต็มจำนวนเพราะทางเรายังไม่ทันได้รับการบริการเลย ดฉันเลยอยากสอบถามค่ะ เพราะแบบนี้ก้เท่ากับเราโดนโกง. ปััจบันก้ยังไม่ได้รับเงินคืนเลยค่ะรอบกวนสอบถามด้วยนะค่ะ. ขขอบคุมากๆค่ะ

โดยคุณ Por 26 มิ.ย. 2559, 11:23

ความคิดเห็นที่ 81

 กรณีเรายื่น สช รถยนต์ วันที่เซ็นสัญญา เค้าให้เรามัดจำไว้ 3000 บาท ทางเซลบอกว่าถ้าไม่อนุมัติจะคืนเงินประกันให้ เเละ ผลไม่อนุมัติ ตอนแรกยื่นแบงค์ที่ 1 ไม่ผ่าน แบงค์ที่ 2 ไม่ผ่าน เพราะฐานเงินเดือนค่อนข้างน้อย ทางเซลให้เปลี่ยนสเปครถ ความต้องการของเรา คือ innova เพื่อที่จะมาใช้สอยต่างๆ แต่ทางเต้นจะให้เปลี่ยนเปนรถเก๋ง เราเลย จะขอยกเลิก เพราะทางเซลบอกว่ายื่นเกิน 3 ครั้ง จะไม่สามารถยืนสช ใดๆ อะไรได้เลยใน 6 เดือน เราจึงขอเอกสารกลับมาก่อน และ เงินประกัน ปรากฎว่าทางเต้นไม่คืนเงินประกันให้ เซลบอกว่ายื่นแต่ละเคสเต้ามีค่าใช้จ่าย กรณีแบบนี้ สรุปแล้วเราได้คืนหรือ ไม่คะ

โดยคุณ โม 14 ก.พ. 2559, 18:23

ตอบความคิดเห็นที่ 81

 หากสัญญาจองเลิกกันโดยฝ่ายที่วางเงินจองไมได้กระทำผิด ฝ่ายที่รับเงินจองก็ต้องคืนเพื่อการกลับคืนสู่ฐานะเดิมตาม ป.พ.พ.มาตรา 378(3), 391 วรรคแรก

โดยคุณ ทีมงานทนายคลายทุกข์ (สมาชิก) 20 เม.ย. 2559, 11:42

ความคิดเห็นที่ 80

 หากสัญญาจองเลิกกันโดยฝ่ายที่วางเงินจองไมได้กระทำผิด ฝ่ายที่รับเงินจองก็ต้องคืนเพื่อการกลับคืนสู่ฐานะเดิมตาม ป.พ.พ.มาตรา 378(3), 391 วรรคแรก

โดยคุณ ทีมงานทนายคลายทุกข์ (สมาชิก) 20 เม.ย. 2559, 11:42

ความคิดเห็นที่ 79

 จองคอนโดและจ่ายเงินดาวน์ไปแล้ว

 ต่อมากู้แบงค์แล้วธนาคารไม่ผ่าน

ทางโครงการจะยึดเงินทั้งหมด. เราควรทำอย่างไรต่อดีค่ะ

โดยคุณ ทูน 20 ต.ค. 2558, 15:54

ตอบความคิดเห็นที่ 79

ควรปรึกษาทนายเพื่อทำหนังสือบอกเลิกสัญญาและเรียกเงินคืนต่อไปตาม ป.พ.พ.มาตรา 391

โดยคุณ ทีมงานทนายคลายทุกข์ (สมาชิก) 17 พ.ย. 2558, 14:55

ความคิดเห็นที่ 78

ควรปรึกษาทนายเพื่อทำหนังสือบอกเลิกสัญญาและเรียกเงินคืนต่อไปตาม ป.พ.พ.มาตรา 391

โดยคุณ ทีมงานทนายคลายทุกข์ (สมาชิก) 17 พ.ย. 2558, 14:55

ความคิดเห็นที่ 77

 อยากทราบว่า กรณีตัวอย่างที่ท่านเขียนไว้นี้ 

สุดท้ายแล้ว จบลงอย่างไรหรือคะ เราสามารถฟ้องเองได้ไหม

และจำเลยจ่ายเงินคืนแก่โจทย์ไหมคะ อยากทราบจริงๆ เพื่อเป็นแนวทาง

สู้คดีต่อไป 

เพราะตอนนี้กำลังเจอกรณีเหมือนเรื่องนี้อยู่

ตอนนี้เรื่องอยู่ในสคบ.รอขั้นตอนที่จะให้ทางสคบ.ฟ้องให้

แต่ยังล่าช้าอยู่มาก 

โดยคุณ ภคมน 30 ก.ค. 2558, 02:02

ความคิดเห็นที่ 76

  ผมได้ทำการเช่าซื้อรถแท็กซี่กับทางบริษัทแห่งหนึ่งโดยได้วางเงินดาวน์ไป50,000โดยไม่มีการทำสัญญา(เพราะคิดว่าเจ้าของบริษัทเป็นคนรู้จักกัน)ตกลงกันว่าจะผ่อน48เดือน เดือนละ24,000บาทกระผมก็ผ่อนไปได้ช่วงนึงทางบริษัทก็มาบอกว่าขอเพิ่มเงินดาวน์อีก50,000บาทรวมกับของเก่าแล้วจะเป็น100,000บาทพอดีโดยเค้าให้เหตุผลว่าไม่มีที่ไหนหรอกเค้าดาวน์รถป้ายแดงแค่50,000ผมก็ไม่รู้จะพูดยังไงเพราะสัญญาก็ไม่ได้ทำผมก็ต้องยอมจ่าย ผมก็จ่ายมาเรื่อยๆจนถึงปัจจุบัน(ผมเก็บใบเสร็จไว้ทุกงวด)ค่างวดเหลืออยู่7งวด รวมเป็นเงินก็จะประมาณแสนกว่าๆ พอดีผมไปได้เงินมาก้อนหนึ่งคิดจะไปปิดบัญชีรถกับทางบริษัทจึงให้เค้าคิดยอดมาให้ปรากฎว่าเค้าคิดมาให้เป็นยอด350,000บาทแต่ตามจริงแล้วยอดมันเหลือแค่7งวดรวมเป็นเงินแล้วก็แค่แสนกว่าบาทเค้าให้เหตุผลว่าคิดค่าส่งล่าช้าก็ยอมรับว่ามีส่งล่าช้าบ้างแต่ค่าปรับจะเป็นแสนเลยหรอ ผมขอรบกวนถามคุณทนายหน่อยครับว่าผมจะทำอย่างไรดี

โดยคุณ สิริพงษ์ รื่นเริง (สมาชิก) 16 มิ.ย. 2558, 00:42

ตอบความคิดเห็นที่ 76

กรณีตามปัญหาท่านควรนำรายละเอียดแห่งคดีตลอดเอกสารการชำระหนี้มาปรึกษาทนายเพื่อดำเนินคดีกับคู่กรณีอีกฝ่ายหนี้ตามสิทธิที่ตนมีอยู่โดยกฎหมายต่อไป

โดยคุณ ทีมงานทนายคลายทุกข์ (สมาชิก) 22 ก.ค. 2558, 17:03

ความคิดเห็นที่ 75

กรณีตามปัญหาท่านควรนำรายละเอียดแห่งคดีตลอดเอกสารการชำระหนี้มาปรึกษาทนายเพื่อดำเนินคดีกับคู่กรณีอีกฝ่ายหนี้ตามสิทธิที่ตนมีอยู่โดยกฎหมายต่อไป

โดยคุณ ทีมงานทนายคลายทุกข์ (สมาชิก) 22 ก.ค. 2558, 17:03

ความคิดเห็นที่ 74

รบกวนค่ะ ดิฉันซื้อทาว์นเอ้าเอาไว้ราคา 2 ล้านผ่อนดาว์นไป สองแสนห้า แต่เนื่องจากกู้ธนาคารได้แค่ล้านห้า ดิฉันจึงแจ้งกับเจ้าของโครงการว่าไม่สามารถจ่ายส่วนต่างได้ จึงประสงค์ที่จะขอเงินดาว์นคืน แต่เค้าก็พยายามที่จะให้เราไปทำการโอนแล้วผ่อนกับธนาคาร เรื่องยื้อมาเกือบปี ดิฉันจึงไปร้องกับ สคบ.ไกล่เกลี้ย ทำหนังสือบันทึกนัดวันที่จะจ่ายคืนเรียบร้อย จบที่  2 แสน (5หมื่นอ้างว่าค่าดำเนินการบริษัทไม่สามารถคืนได้)แต่เมื่อถึงวันจ่ายกลับมาแจ้ง สคบ.ว่าไม่มีเงินจ่าย เจ้าหน้าที่ สคบ จึงบอกให้ดิฉันไปฟ้องที่ศาล ดิฉันจะชนะคดีหรือเปล่าค่ะ แล้วเรื่องต้องใช้เวลาดำเนินการมั้ย  รบกวนหน่อยค่ะ

โดยคุณ K.Y 7 ต.ค. 2557, 15:57

ตอบความคิดเห็นที่ 74

ท่านควรนำรายละเอียดเข้ามาพบและปรึกษาทนายเพื่อประเมินรูปคดีและดำเนินกระบวนพิจารณาตามที่ตนมีสิทธิอยู่ตามกฎหมายต่อไป ทั้งนี้ การที่คดีจะแพ้ชนะกันได้อย่างไรย่อมขึ้นอยู่กับพยานหลักฐานที่คู่ความฝ่ายใดสามารถนำสืบเพื่อสนับสนุนคำคู่ความของตนให้ศาลรับฟังได้เพียงใดซึ่งเป็นประเด็นข้อพิพาทแห่งคดี ฝ่ายนั้นก็มีโอกาสที่จะชนะคดีนั้นได้

โดยคุณ ทีมงานทนายคลายทุกข์ (สมาชิก) 4 พ.ย. 2557, 09:13

ความคิดเห็นที่ 73

ท่านควรนำรายละเอียดเข้ามาพบและปรึกษาทนายเพื่อประเมินรูปคดีและดำเนินกระบวนพิจารณาตามที่ตนมีสิทธิอยู่ตามกฎหมายต่อไป ทั้งนี้ การที่คดีจะแพ้ชนะกันได้อย่างไรย่อมขึ้นอยู่กับพยานหลักฐานที่คู่ความฝ่ายใดสามารถนำสืบเพื่อสนับสนุนคำคู่ความของตนให้ศาลรับฟังได้เพียงใดซึ่งเป็นประเด็นข้อพิพาทแห่งคดี ฝ่ายนั้นก็มีโอกาสที่จะชนะคดีนั้นได้

โดยคุณ ทีมงานทนายคลายทุกข์ (สมาชิก) 4 พ.ย. 2557, 09:13

ความคิดเห็นที่ 72

 ทำป้ายเหลืองติดไฟแน้นซ์ธ.ไทยพานิชขอยืมเล่มทะเบียน ไทยพานิชเรียกเก็บเงินค่าเปลี่ยนสมุดเป็นดอกเบี้ย47,260บาท+ยืมเล่ม5,300บาทรวมต้องจ่าย52,300บาทถ้าไม่จ่ายไม่ให้ยืมเล่มสมุดทะเบียน งงมากว่าทำไมถึงใช้วิธีหากินแบบโหดร้ายมาก แล้วจะเอาเงินที่ไหนไปจ่าย เลยต้องหยุดชะงักการทำป้ายเหลืองไว้ก่อน ทำส่ิงที่ถูกต้องลำบากจริงๆ คสบ.มีแนวทางช่วยไหมค่ะ

โดยคุณ Noy Tawin 20 ส.ค. 2557, 22:50

ความคิดเห็นที่ 71

 ผมซื้อรถที่ศูนย์แห่งหนึ่งประมาณเดือน สค 2013 ในสัญญาจองระบุรถต้องผลิตปี2013 แต่รถที่ได้รับเป็นปีที่ผลิต 2012 ซึ่งมารู้ภายหลังจากที่ได้จดทะเบียนรถแล้วจะทำอย่างไรดีครับและเคยมีกรณีอย่างนี้หรือเปล่าครับและสามารถขอเปลียนรถได้หรือเปล่าครับเนื่องจากเขาทำผิดสัญญา

ช่วยแนะนำด้วยครับ

ขอบคุณครับ

โดยคุณ นายชัยวัฒน์ พัฒนโภครัตนา 1 ส.ค. 2557, 13:16

ความคิดเห็นที่ 70

 สอบถามค่ะดิฉันทำสัญญาซื้อขายเครื่องถ่ายเอกสารกับ บริษัทแห่งหนึ่ง ณ วันซื้อขายได้ทำสัญญาบริการ และการซื้อขายมีข้อตกลงผ่อนชำระเป็นรายเดือนโดยจ่ายเช็คล่วงหน้า ทั้งหมด ส่วนสัญญาบริการจะเก็บตามมิเตอร์ที่ใช้ในแต่ละเดือน ดิฉันซื้อเครื่องมา 1 ปีกว่า ช่างไม่สนใจในการดูแล แจ้งว่าเครื่องมีปัญหาก็ไม่เคยมาดู เมื่อหยุดชำระค่ามิเตอร์ ก็อ้างว่าช่างจะเข้ามาดูแลเมื่อจ่ายค่ะมิเตอร์แล้ว ข้าพเจ้าจึงระงับการชำระค่างวด ทางบริษัทถึงส่งช่างมาซ่อม และเก็บค่ามิเตอร์ หลังจากนั้นก็เป็นเหมือนเดิมไม่เคยเข้ามาดูแลแม้แต่มิเตอร์ไม่เคยเข้ามาจดให้ดิฉันรายงานเป็นเอกสารส่งแฟกซ์ไปให้ เมื่อแจ้งว่าเครื่องมีปัญหาก็นิ่งเฉยจนขณะนี้ข้าพเจ้าได้ระงับการจ่ายเช็คที่เหลือไปเพื่อให้ทางบริษัทรับผิดชอบก่อน อย่างนี้ข้าพเจ้าต้องทนการเอาเปรียบกับบริษัทนี้ไปตลอดเลยใช่มั้ยค่ะ เพราะถ้าขายเครื่่องคืนเขาคงซื้อด้วยราคาที่เหลืออยู่ซึ่งมันก็ไม่เป็นธรรมแก่ข้าพเจ้า ถ้าข้าพเจ้าต้องยอมจ่ายค่าเครื่องทั้งหมด จากนั้นก็รับชะตากรรมที่เขาเก็บค่ามิเตอร์ไปแล้วไม่ค่อยสนใจในการบริการต่อไป ถ้าต้องการการบริการต้องไปซื้อเครื่องกับบริษัทอื่นอีก แล้วบริษัทนี้ก็ได้ขายเครื่องในราคาแสนแพงโดยไม่ต้องรับผิดชอบหรือเปล่าค่ะ

โดยคุณ ชนิกา 20 มิ.ย. 2557, 21:47

ตอบความคิดเห็นที่ 70

เมื่อมีข้อพิพาทเกี่ยวกับสิทธิหรือหน้าที่การให้บริการของผู้ประกอบกิจ ท่านก็ชอบที่จะฟ้องบังคับคดีเอกกับบริษัทผู้ขายซึ่งเป็นผู้ประกอบธุรกิจดังกล่าวเพื่อให้ปฏิบัติตามสัญญาและเรียกค่าเสียหายได้ ทั้งนี้ท่านอาจร้องทุกข์ไปยัง สคบ.ให้ดำเนินการตามอำนาจหน้าที่กับผู้ประกอบธุรกิจดังกล่าวได้

โดยคุณ ทีมงานทนายคลายทุกข์ (สมาชิก) 17 ก.ค. 2557, 10:21

ความคิดเห็นที่ 69

เมื่อมีข้อพิพาทเกี่ยวกับสิทธิหรือหน้าที่การให้บริการของผู้ประกอบกิจ ท่านก็ชอบที่จะฟ้องบังคับคดีเอกกับบริษัทผู้ขายซึ่งเป็นผู้ประกอบธุรกิจดังกล่าวเพื่อให้ปฏิบัติตามสัญญาและเรียกค่าเสียหายได้ ทั้งนี้ท่านอาจร้องทุกข์ไปยัง สคบ.ให้ดำเนินการตามอำนาจหน้าที่กับผู้ประกอบธุรกิจดังกล่าวได้

โดยคุณ ทีมงานทนายคลายทุกข์ (สมาชิก) 17 ก.ค. 2557, 10:21

แสดงความเห็น

ข่าวที่มีผู้อ่านมาก