ตัวอย่างคำฟ้องคดีผู้บริโภค/คดีสคบ./ผิดสัญญา เรียกเงินคืน |ตัวอย่างคำฟ้องคดีผู้บริโภค/คดีสคบ./ผิดสัญญา เรียกเงินคืน

ตัวอย่างคำฟ้องคดีผู้บริโภค/คดีสคบ./ผิดสัญญา เรียกเงินคืน

  • ทนายคลายทุกข์ ปรึกษากฎหมาย โทร 02-9485700
  • Email: [email protected]
Header Background Image

งานเผยแพร่ความรู้ทางด้าน กฎหมาย การบริหารการจัดการหนี้สินในองค์กรภาครัฐและภาคเอกชน การฝึกอบรมสัมมนาพัฒนาบุคลากร ในการประกอบธุรกิจ หากหน่วยงานของรัฐ บริษัทห้างร้าน มีความสนใจ เชิญทีมงานไปฝึกอบรมสัมมนาหรือต้องการข้อมูลข่าวสาร ติดต่อได้ที่ 02-948-5700 อ่านต่อ

ท่านใดที่สนใจเกี่ยวกับหลักสูตรฝึกอบรมการติดตามหนี้ ทวงหนี้อย่างไรให้ได้ผล ได้เงิน รักษาภาพลักษณ์ รักษาลูกค้า/หลักสูตรการป้องกันและการปราบปรามการทุจริตภายในองค์กร/หลักสูตรกฎหมายแรงงาน สำหรับเจ้าหน้าที่ฝ่ายบุคคลหรือผู้บริหารบริษัท สนใจโทร.02-9485700 อ่านต่อ

สืบทุกเรื่องที่คุณอยากรู้ มีเรื่องคาใจอยากรู้ความจริง โทรมาคุยกับกุ้งได้ที่ 081-625-2161หรือ 089-669-5026 "อย่าปล่อยให้มีเรื่องคาใจ อะไรที่ไม่สบายใจ ต้องหาทางปลดปล่อย สืบให้รู้ความจริง จะได้จบสิ้นกันเสียที สำหรับความทุกข์ที่คาใจมาเป็นเวลานาน อย่าปล่อยให้คนนอกใจลอยนวล" อ่านต่อ

รับแปลเอกสารต่างๆ อ่านต่อ

ตัวอย่างคำฟ้องคดีผู้บริโภค/คดีสคบ./ผิดสัญญา เรียกเงินคืน

ทนายคลายทุกข์ขอนำตัวอย่างคำฟ้องคดีผู้บริโภค/คดีสคบ./ผิดสัญญา เรียกเงินคืน

บทความวันที่ 10 มิ.ย. 2552, 00:00

มีผู้อ่านทั้งหมด 20442 ครั้ง


ตัวอย่างคำฟ้องคดีผู้บริโภค/คดีสคบ./ผิดสัญญา เรียกเงินคืน 

                                                                                             ศาลจังหวัดธัญบุรี

นาย ส.       โจทก์
บริษัท ท      จำเลย

เรื่อง ผิดสัญญา  เรียกเงินคืน
จำนวนทุนทรัพย์  158,675  บาท

          ข้อ 1. จำเลยมีฐานะเป็นนิติบุคคลตามกฎหมายประเภท บริษัท  จำกัด  จดทะเบียน ณ  สำนักงานทะเบียนห้างหุ้นส่วนบริษัท  จังหวัดปทุมธานี  เดิมใช้ชื่อว่า...มีกรรมการของบริษัทมี 3 คน  จำนวนหรือชื่อกรรมการซึ่งลงลายมือชื่อผูกพันได้  คือนาย ส.  หรือนาย ม.  คนใดคนหนึ่งลงลายมือชื่อและประทับตราสำคัญของบริษัท  มีผลผูกพันบริษัทได้  เลขทะเบียนเดิมคือ...  ต่อมาเมื่อวันที่ 27  กันยายน 2548  ได้จดทะเบียนเปลี่ยนชื่อเป็น ..  ทะเบียนเลขที่ ...  จำเลยมีวัตถุประสงค์ดำเนินการลงทุนซื้อที่ดินแปลงใหญ่  และแบ่งแยกออกเป็นแปลงเล็ก  หรือซื้อขาย  แลกเปลี่ยน  เช่า  ให้ซื้อที่ดิน  อาคารสงเคราะห์  อาคารชุด  บ้าน  โรงเรือนหรือสิ่งปลูกสร้างเช่นว่านี้เป็นปกติการค้า  ไม่ว่าเพื่ออยู่อาศัย  การค้าหรือเพื่อการอื่นใด  และวัตถุประสงค์ตามที่จดทะเบียนไว้  ดังปรากฏตามสำเนาหนังสือรับรองบริษัทจำเลย  เอกสารท้ายฟ้องหมายเลข 1
          ข้อ 2.  จำเลยเป็นผู้ประกอบธุรกิจผู้ผลิตเพื่อขาย  ได้รับใบอนุญาตก่อสร้างเลขที่ ...  เมื่อประมาณต้นปี พ.ศ. 2536  จำเลยได้ดำเนินการโฆษณาและประกาศขายห้องชุดโครงการ  เคหะชุมชนคลองหลวง  ซึ่งตั้งอยู่ ณ ...  จำเลยอ้างว่ามีความประสงค์จะดำเนินการจัดทำโครงการสวัสดิการบ้านพักข้าราชการกองทัพอากาศขึ้นเพื่อให้พนักงานและลูกจ้างของกองทัพอากาศ  ที่ยังไม่มีที่พักอาศัยเป็นตนเอง  ได้มีโอกาสเป็นเจ้าของที่พักอาศัยที่มีคุณภาพในราคายุติธรรม  และ  จำเลยได้โฆษณาชวนเชื่อ  เกี่ยวกับโครงการเคหะชุมชนคลองหลวงว่าเป็นโครงการร่วมมือระหว่างรัฐและเอกชน  เช่น  การเคหะแห่งชาติ  กระทรวงมหาดไทย  กรมสวัสดิการทหารอากาศ  ดังมีรายละเอียดปรากฏตามแผ่นพับโฆษณาและเอกสารเกี่ยวกับแผนผังที่ตั้ง  ผังบริเวณโครงการ  แบบแฟลต  แบบอาคารพาณิชย์  แบบอาคารชุด  ราคาขายห้องชุด  โครงการเคหะชุมชน  คลองหลวง  จำเลยโฆษณาว่าโครงการดังกล่าวก่อสร้างในโฉฯดที่ดิน เลขที่ ... กว่า 100  ไร่  โครงการมีตลาดสด  สถานที่ออกกำลังกาย  สวนหย่อม  โรงเรียน  จำเลยเริ่มก่อสร้างภายในกำหนด 6 เดือน  นับแต่วันที่ออกบัตรส่งเสริม  ลงวันที่ 17 มกราคม 2537  ในเงื่อนไขที่ 1, ที่ 2  จะต้องดำเนินการให้แล้วเสร็จภายในกำหนดเวลาไม่เกิน 30 เดือนนับแต่วันที่ออกบัตรส่งเสริม  เริ่มก่อสร้างเดือนพฤษภาคม พ.ศ. 2536  คาดว่าน่าจะแล้วเสร็จเดือนสิงหาคม พ.ศ. 2538
          ข้อ 3.  ต่อมาเมื่อวันที่ 30 กรกฎาคม พ.ศ. 2537  โจทก์ตกลงทำสัญญาจองและโจทก์ผู้ซื้อ  จำเลยผู้ขายได้ตกลงทำสัญญาจะซื้อจะขายห้องชุดในโครงการเคหะชุมชนคลองหลวงดังกล่าว  จำนวน 1 ห้อง คือ ห้องชุดเลขที่ …รวมเนื้อที่ 38 ตารางเมตร  ชั้นที่ 1 หลังที่ 5  ของอาคารชุดแบบ  เอฟ 2 ในราคาเงินสด 456,000  บาท  (สี่แสนห้าหมื่นหกพันบาทถ้วน)  ผู้ซื้อตกลงชำระเงินล่วงหน้าให้แก่ผู้ขายจำนวน 114,000  บาท (หนึ่งแสนหนึ่งหมื่นสี่พันบาทถ้วน)  โดยแบ่งชำระเงินเป็นงวด  จำนวน  27  งวด  งวดละ  1  เดือนในอัตราแต่ละงวดดังนี้
           - ชำระเงินล่วงหน้าในวันจองเป็นเงิน 2,000  บาท  โดยชำระในวันทำสัญญานี้
          - ชำระเงินช่วงหน้างวดที่ 1  ถึงงวดที่ 26  งวดละ 4,200 บาท
          - ชำระเงินล่วงหน้างวดที่ 27  งวดละ 2,800 บาท  โดยเริ่มชำระเงินล่วงหน้า
         งวดที่ 1  ตั้งแต่เดือนกันยายน 2537  เป็นต้นไปทุกเดือนจนกว่าจะครบ  โดยชำระเงินดังกล่าวภายในวันที่ 5 ของทุกเดือน ณ สถาบันการเงินหรือสถานที่ที่ผู้ขายกำหนด  เมื่อผู้ซื้อได้ชำระเงินล่วงหน้าครบถ้วนแล้ว  แต่ยังมิได้โอนกรรมสิทธิ์ห้องชุด  ผู้ซื้อจะต้องผ่อนชำระราคาที่เหลือเป็นเงินจำนวน 342,000  บาทแล้ว  ผู้ขายจะโอนกรรมสิทธิ์ให้แก่ผู้ซื้อได้ประมาณกลางปี พ.ศ. 2539  ดังมีรายละเอียดปรากฏตามสำเนาหนังสือจองซื้อห้องชุด  สำเนาหนังสือขอส่งสัญญาจะซื้อจะขายห้องชุด  และสำเนาสัญญาจะซื้อจะขายห้องชุดในโครงการเคหะชุมชนคลองหลวง  เอกสารท้ายฟ้องหมายเลข 3  ต่อมาเมื่อวันที่ 10  พฤษภาคม 2540  จำเลยได้มีหนังสือแจ้งค่าใช้จ่ายในการโอนให้แก่โจทก์ทราบและแจ้งว่าโจทก์ได้ชำระเงินดาวน์จำนวน 114,000  บาทครบถ้วนแล้ว  คาดว่าจะโอนกรรมสิทธิ์  เอกสารท้ายฟ้องหมายเลข 4  ต่อมาเมื่อวันที่ 8  มีนาคม 2542  จำเลยได้มีหนังสือถึงโจทก์ให้ไปรับโอนกรรมสิทธิ์ห้องชุดดังกล่าวในวันที่ 19 มีนาคม 2542  นั้น  ความจริงแล้วปรากฏว่า  โครงการเคหะชุมชนคลองหลวงดังกล่าวที่จำเลยดำเนินการยังไม่เสร็จสมบูรณ์ตามสัญญาและตามที่จำเลยได้โฆษณาตามโบว์ชัวน์  กล่าวคือ  ไม่ก่อสร้าง  ตลาดสด  สถานที่ออกกำลังกาย  สวนหย่อม  โรงเรียนอนุบาลและอื่น ๆ  ยังไม่ได้ดำเนินการก่อสร้างให้แล้วเสร็จ  ส่วนความละเอียดโจทก์จะได้รับประทานกราบเรียนเสนอต่อศาลในชั้นพิจารณาต่อไป  ดังนั้น  โดยหนังสือพิมพ์ฉบับนี้โจทก์จึงขอให้จำเลยดำเนินการก่อสร้างสิ่งอำนวยความสะดวกต่าง ๆ  ดังที่กล่าวมาแล้วนั้นให้แล้วเสร็จภายใน 30 วัน  นับแต่วันที่ได้รับหนังสือนี้หากจำเลยเพิกเฉยไม่ปฏิบัติตามภายในระยะเวลาดังกล่าวถือว่าจำเลย  เป็นฝ่ายผิดสัญญากับโจทก์  และขอถือหนังสือฉบับนี้แทนการแสดงเจตนาบอกเลิกสัญญาพร้อมทั้งขอให้จำเลยชำระเงินจำนวน 115,400  บาท (หนึ่งแสนหนึ่งหมื่นห้าพันสี่ร้อยบาทถ้วน)  ได้รับจากโจทก์แล้วคืนพร้อมดอกเบี้ยตามกฎหมาย  ดังมีรายละเอียดปรากฏตามหนังสือขอโต้แย้งในการโอนกรรมสิทธิ์และขอให้ปฏิบัติตามสัญญา  จำเลยได้รับหนังสือของโจทก์แล้วแต่ยังเพิกเฉยอยู่อีก  เอกสารท้ายฟ้องหมายเลข 5
           โจทก์ขอประทานกราบเรียนต่อศาลตามความจริงว่า  นับตั้งแต่วันทำสัญญา  จนถึงวันที่ 3 มกราคม 2544  เป็นเวลา 6 ปี 5 เดือน  จำเลยไม่ได้ดำเนินการดังกล่าวข้างต้นให้เสร็จสิ้นตามที่ได้โฆษณาไว้  ดังมีรายละเอียดตามสำเนาหนังสือบันทึกร้องเรียน เรื่อง  ที่ดิน  บ้ายจัดสรรที่ดิน  หรืออาคารชุด  โครงการ  เคหะชุมชนคลองหลวงพร้อมสำเนาใบตอบรับ  เอกสารหมายเลข 6
 ต่อมาเมื่อวันที่ 29  มิถุนายน 2544  โจทก์ได้มีหนังสือขอความเป็นธรรมเกี่ยวกับโครงการเหคะชุมชนคลองหลวงต่อสำนักงานคณะกรรมการคุ้มครองผู้บริโภค  ทำเนียบรัฐบาล  ได้รับแจ้งว่าเป็นการโต้แย้งส่วนตัว  หากผู้ร้องเห็นว่ายังไม่ได้รับความเป็นธรรม  ก็ย่อมจะใช้สิทธิตามศาลเพื่อจะดำเนินการแก่จำเลยด้วยตนเอง  ดังมีรายละเอียดปรากฎตามสำเนาหนังสือขอความเป็นธรรม  เอกสารท้ายคำฟ้องหมายเลข 7
           ข้อ 4.  การกระทำดังกล่าวข้างต้นของจำเลย  เป็นการโต้แย้งสิทธิของโจทก์  ทำให้โจทก์ได้รับความเสียหาย  กล่าวคือ  การที่จำเลยก่อสร้างแฟลตห้องชุดดังกล่าวเพียงอย่างเดียว  และโครงการยังดำเนินการไม่แล้วเสร็จสมบูรณ์ตามสัญญาและตามที่จำเลยได้โฆษณาไว้  อาทิเช่น  ไม่ก่อสร้างตลาดสก  สถานที่ออกกำลังกาย  สวนหย่อม  โรงเรียนอนุบาล และอื่น ๆ  ตามสัญญาและที่โฆษณาไว้  เนื้อที่ไม่ถึง 100  ไร่  ฉะนั้นจำเลยมิได้สร้างอาคารแฟลตให้เต็มตามโครงการที่ได้โฆษณาไว้  ย่อมทำให้ทำเลที่ตั้งของอาคารแฟลตของโครงการดังกล่าวที่สร้างขึ้น  แตกต่างเป็นคนละอย่างไม่เหมือนทำเลที่ตั้งตามแผนผังโฆษณา  ถือได้ว่าจำเลยผิดสัญญา  โจทก์ก็มีสิทธิบอกเลิกสัญญาได้โดยไม่ต้องคำนึงว่าตลาดสด  สถานที่ออกกำลังกาย  สวนหย่อม  โรงเรียนอนุบาลและอื่น ๆ  เป็นสิ่งอำนวยความสะดวกของอาคารแฟลตห้องชุดหรือไม่  หรือจำเลยเคยแจ้งให้โจทก์มารับโอนห้องชุดพร้อมที่ดินที่จองไว้หรือผู้ซื้อรายอื่นยอมรับโอนห้องชุดจากจำเลย  ก็ไม่ทำให้จำเลยพ้นจากการเป็นผู้ผิดสัญญาแต่ประการใด  เมื่อโจทก์บอกเลิกสัญญากับจำเลย  ทางไปรษณีย์ตอบรับจ่าหน้าซองส่งถึงจำเลย  ตามภูมิลำเนา  และมีผู้ลงลายมือชื่อรับไว้  ย่อมถือได้ว่าการบอกเลิกสัญญาดังกล่าวของโจทก์มีผลนับแต่ที่หนังสือบอกเลิกสัญญาส่งถึงจำเลยแล้ว  การบอกเลิกสัญญาของโจทก์จึงชอบด้วยกฎหมาย  ฉะนั้นจำเลยต้องรับผิดชดใช้เงินจำนวน 115,400 บาท  คืนให้แก่โจทก์พร้อมดอกเบี้ยในอัตราร้อยละ 7.5 ต่อปีของต้นเงินดังกล่าวนับแต่วันที่ 16 เมษายน 2548  จนถึงวันฟ้อง (10 เมษายน 2552)  เป็นเวลา 5 ปี  คิดเป็นเงินดอกเบี้ยจำนวน 43,275 บาท  รวมเป็นเงินต้นและดอกเบี้ยจำนวน 158,675 บาท (หนึ่งแสนห้าหมื่นแปดพันหกร้อยเจ็ดสิบห้าบาทถ้วน)  และดอกเบี้ยในอัตราร้อยละ 7.5 ต่อปี  ของต้นเงินดังกล่าวนับถัดจากวันฟ้องเป็นต้นไปจนกว่าจำเลยจะชำระเสร็จสิ้นแก่โจทก์
           โจทก์ไม่มีทางอื่นที่จะบังคับเอากับจำเลยได้  จำต้องนำคดีนี้มาฟ้องขอบารมีศาลเป็นที่พึ่งต่อไป
            อนึ่ง  คดีนี้มูลคดีเกิดขึ้น ณ   อาคารที่ 5  ชั้นที่ 1 ห้องชุดเลขที่ 29  อาคารชุดแบบเอฟ 2 โครงการเคหะชุมชนคลองหลวง  จ.ปทุมธานี  โจทก์จึงขอประทานกราบเรียนศาลได้โปรดอนุญาตให้โจทก์ฟ้องจำเลยต่อศาลจังหวัดธัญบุรี  ซึ่งเป็นศาลที่มูลคดีเกิด  ขอประทานศาลได้โปรดอนุญาต
                                                                               ควรมิควรแล้วแต่จะโปรด
 
คำขอท้ายฟ้องคดีผู้บริโภค
          ขอศาลโปรดออกหมายเรียกจำเลยมาพิจารณาพิพากษาและบังคับจำเลยตามคำขอต่อไปนี้
           1.  ให้จำเลยชำระเงิน จำนวน 158,675 บาท (หนึ่งแสนห้าหมื่นแปดพันหกร้อยเจ็ดสิบห้าบาทถ้วน) พร้อมดอกเบี้ยในอัตราร้อยละ 7.5 ต่อปี  ของต้นเงินจำนวน 115,400 บาท  นับถัดจากวันฟ้องเป็นต้นไปจนกว่าจำเลยจะชำระเสร็จแก่โจทก์


 

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นที่ 3

 สอบถาม เกี่ยวกับ การ ผิดสัญญาจ้างค่ะ

พอดีว่า ทำธุรกิจ เวดดิ้ง ค่ะ เมื่อวันที่ 11 พ.ค. 57 ได้รับงานจัดงานแต่งลูกค้า รายหนึ่ง   เป็นงานพิธีเช้า รวม ช่างถ่ายภาพในงาน ด้วย แต่นื่องจากเมื่อวันที่ 10 มิ.ย. ที่ผ่านมา ทางช่างถ่ายภาพ ได้แจ้งว่า รถโดนทุบกระจก ทำให้ ไฟล์งานลูกค้า รายนี้หายไปด้วย แล้วจะขอ คืนเงินค่าจ้าง จำนวน 4,500 ให้  แต่ทางเราได้แจ้งไปยังลูกค้าท่านนี้แล้ว ลูกค้าไม่พอใจ และต้องการได้รับค่าเสียหายเพิ่มเติมเป็นเงิน 30,000 บาท ทางช่างถ่ายภาพ ไม่ยินยอมจะชดใช้ค่าเสียหายให้กับทางลูกค้า และยืนยันที่จะคืนเงิน ให้เพียง 4,500 บาทเท่านั้น

อยากทราบว่า ทางเราจะดำเนินการอย่างไรได่บ้างคะ เนื่องจากทาง ร้าน เป็นผู้ทำสัญญากับ ลูกค้า ค่ะ ในส่วนของช่างภาพ ไไม่ได้ มี การทำสัญญาว่าจ้างคะ  

โดยคุณ ธีรยา โกสุระ 16 มิ.ย. 2557, 22:39

ความคิดเห็นที่ 2

สุดยอด....แห่งความละเอียด

โดยคุณ มดซี่ 21 เม.ย. 2554, 16:34

ความคิดเห็นที่ 1

ยังคงไว้ซึ่งกระบวนท่า  อาจารย์  ผู้น้อยขอคาระวะ

โดยคุณ Boonom 24 ก.ค. 2553, 20:13

แสดงความเห็น

ข่าวที่มีผู้อ่านมาก