ตัวอย่างคำฟ้องคดีผู้บริโภค/คดีสคบ./คดีผิดสัญญากู้ยืมสินเชื่อเงินสด|ตัวอย่างคำฟ้องคดีผู้บริโภค/คดีสคบ./คดีผิดสัญญากู้ยืมสินเชื่อเงินสด

ตัวอย่างคำฟ้องคดีผู้บริโภค/คดีสคบ./คดีผิดสัญญากู้ยืมสินเชื่อเงินสด

  • ทนายคลายทุกข์ ปรึกษากฎหมาย โทร 02-9485700
  • Email: [email protected]
Header Background Image

งานเผยแพร่ความรู้ทางด้าน กฎหมาย การบริหารการจัดการหนี้สินในองค์กรภาครัฐและภาคเอกชน การฝึกอบรมสัมมนาพัฒนาบุคลากร ในการประกอบธุรกิจ หากหน่วยงานของรัฐ บริษัทห้างร้าน มีความสนใจ เชิญทีมงานไปฝึกอบรมสัมมนาหรือต้องการข้อมูลข่าวสาร ติดต่อได้ที่ 02-948-5700 อ่านต่อ

ท่านใดที่สนใจเกี่ยวกับหลักสูตรฝึกอบรมการติดตามหนี้ ทวงหนี้อย่างไรให้ได้ผล ได้เงิน รักษาภาพลักษณ์ รักษาลูกค้า/หลักสูตรการป้องกันและการปราบปรามการทุจริตภายในองค์กร/หลักสูตรกฎหมายแรงงาน สำหรับเจ้าหน้าที่ฝ่ายบุคคลหรือผู้บริหารบริษัท สนใจโทร.02-9485700 อ่านต่อ

สืบทุกเรื่องที่คุณอยากรู้ มีเรื่องคาใจอยากรู้ความจริง โทรมาคุยกับกุ้งได้ที่ 081-625-2161หรือ 089-669-5026 "อย่าปล่อยให้มีเรื่องคาใจ อะไรที่ไม่สบายใจ ต้องหาทางปลดปล่อย สืบให้รู้ความจริง จะได้จบสิ้นกันเสียที สำหรับความทุกข์ที่คาใจมาเป็นเวลานาน อย่าปล่อยให้คนนอกใจลอยนวล" อ่านต่อ

รับแปลเอกสารต่างๆ อ่านต่อ

ตัวอย่างคำฟ้องคดีผู้บริโภค/คดีสคบ./คดีผิดสัญญากู้ยืมสินเชื่อเงินสด

ทนายคลายทุกข์ขอนำตัวอย่างคำฟ้องคดีผู้บริโภค/คดีสคบ./คดีผิดสัญญากู้ยืมสินเชื่อเงินสด

บทความวันที่ 10 มิ.ย. 2552, 00:00

มีผู้อ่านทั้งหมด 7687 ครั้ง


ตัวอย่างคำฟ้องคดีผู้บริโภค/คดีสคบ./คดีผิดสัญญากู้ยืมสินเชื่อเงินสด

                                                                                                  ศาลแขวงพระนครเหนือ

บริษัท จ. โดยนาย ส.   โจทก์
นาย บ.     จำเลย

เรื่อง ผิดสัญญากู้ยืม(สินเชื่อเงินสด)
จำนวนทุนทรัพย์  287,218  บาท  63 สตางค์

           ข้อที่ 1  จำเลยที่ 1 เป็นนิติบุคคล ประเภท บริษัทจำกัด ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ จดทะเบียน ณ สำนักงานทะเบียนหุ้นส่วนบริษัทกรุงเทพมหานคร  กรมพัฒนาธุรกิจและการค้าใช้ชื่อว่า บริษัท...มีวัตถุประสงค์ให้กู้ยืม  ออกบัตรเครดิต  บัตรชำระค่าสินค้าและบริการและธุรกิจอื่น  ซึ่งมีลักษณะทำนองเดียวกันแก่สมาชิกตามที่ได้จดทะเบียนไว้  มีนาง....และนาย...ลงลายมือชื่อร่วมกันและประทับตราสำคัญของบริษัท มีอำนาจกระทำการแทนโจทก์ได้  รายละเอียดปรากฏตามสำเนาหนังสือรับรองของบริษัทโจทก์  เอกสารท้ายคำฟ้องหมายเลข 1
          เกี่ยวกับคดีนี้  โจทก์มอบอำนาจให้นาย ศ.  หรือนางสาว จ.  เป็นผู้มีอำนาจฟ้องและกระทำการแทนโจทก์  ทั้งที่มีอำนาจมอบอำนาจช่วงให้บุคคลอื่นบุคคลเดียวหรือหลายคนดำเนินคดีแทนได้  รายละเอียดปรากฏตามสำเนาหนังสือมอบอำนาจ  เอกสารท้ายฟ้องหมายเลข 2
           ในการดำเนินคดีนี้  นาย ศ.  ผู้รับมอบอำนาจ ได้มอบอำนาจช่วงให้นาย ย. ...เป็นผู้รับมอบอำนาจช่วง  มีอำนาจฟ้องและดำเนินคดีแทนโจทก์ได้  รายละเอียดปรากฎตามสำเนาหนังสือมอบอำนาจช่วง  เอกสารท้ายฟ้องหมายเลข 3
          ข้อ2. โจทก์ประกอบธุรกิจให้บริการสินเชื่อส่วนบุคคลโดยให้บริการสินเชื่อเงินสด  ต่อมากระทรวงการคลังและธนาคารแห่งประเทศไทย ได้ประกาศให้  ให้บริการสินเชื่อส่วนบุคคลเป็นสินเชื่อภายใต้การกำกับและประกาศธนาคารแห่งประเทศไทยเกี่ยวกับการประกาศเรื่อง การกำหนด  หลักเกณฑ์  วิธีการ  และเงื่อนไขในการประกอบธุรกิจสินเชื่อส่วนบุคคลให้การกำกับสำหรับผู้ประกอบธุรกิจที่มิใช่สถาบันการเงิน  โดยกำหนดให้ประกอบธุรกิจสินเชื่อส่วนบุคคลต้องปฎิบัติตามประกาศดังกล่าว  ซึ่งโจทก์ได้รับอนุญาตให้ประกอบสินเชื่อส่วนบุคคลภายใต้การกำกับจากธนาคารแห่งประเทศไทยตั้งแต่เดือนกรกฎาคม 2549  เป็นต้นมา  และโจทก์ได้ปฎิบัติตามประกาศธนาคารแห่งประเทศไทย  ในเรื่องการเก็บดอกเบี้ย  ค่าปรับ  ค่าบริการ  ค่าธรรมเนียม  และค่าใช้จ่ายตามที่ได้จ่ายไปจริงและพอสมควรแก่เหตุ  เกี่ยวกับสินเชื่อส่วนบุคคลภายใต้การกำกับ  ทั้งนี้ดอกเบี้ยที่เรียกเก็บต้องไม่เกินกว่าอัตราที่กฎหมายกำหนดไว้ (ร้อยละ 15 ต่อปี)  เมื่อรวมดอกเบี้ย  ค่าปรับ  ค่าบริการ  และค่าธรรมเนียมต้องไม่เกินร้อยละ 28 ต่อปี  และประกาศโจทก์เรื่องรายละเอียดเกี่ยวกับอัตราดอกเบี้ย  ค่าธรรมเนียม  ค่าปรับ  และค่าใช้จ่ายอื่น ๆ รายละเอียดปรากฏตามสำเนาประกาศธนาคารแห่งประเทศไทย  สำเนาประกาศกระทรวงการคลัง  สำเนาหนังสืออนุญาตของกระทรวงการคลัง  และสำเนาประกาศโจทก์  เอกสารท้ายฟ้องหมายเลข 4,5,6, และ 7  ตามลำดับ
          ข้อ 3. เกี่ยวกับคดีนี้  จำเลยได้ขอใช้บริการสินเชื่อส่วนบุคคล  โดยกรอกรายละเอียดในใบสมัครสินเชื่อเงินสด...หรือลงลายมือชื่อในใบตอบรับที่โจทก์ได้จัดส่งให้  โดยโจทก์จะพิจารณาอนุมัติให้สินเชื่อเงินสดแก่จำเลย  ตามที่ปรากฏในใบสมัครสินเชื่อเงินสด..หรือที่จะแจ้งให้ทราบในภายหลัง  ซึ่งโจทก์อาจพิจารณา  ปรับลดหรือเพิ่มวงเงินสินเชื่อของจำเลยได้ตามหลักเกณฑ์ของโจทก์  โดยจำเลยอาจขอเบิกสินเชื่อทั้งหมดในคราวเดียวหรือจะขอรับสินเชื่อส่วนที่เหลือของวงเงินสินเชื่อที่ได้รับอนุมัติจากโจทก์เป็นครั้งคราวไป  และจำเลยอาจเบิกถอนต้นเงินกู้ได้โดยวิธีต่อไปนี้
         (1). ให้โจทก์ฝากเข้าบัญชีเงินฝากธนาคารพาณิชย์  ที่จำเลยได้แจ้งไว้ในคำขอสินเชื่อหรือที่จำเลยจะแจ้งเปลี่ยนแปลงในภายหลัง  และให้ถือว่าจำเลยได้รับต้นเงินกู้ตั้งแต่วันที่โจทก์นำเงินกู้เข้าบัญชีดังกล่าว  ไม่ว่าจำเลยจะได้เบิกถอนเงินจากบัญชีดังกล่าวไม่ว่าจำเลยจะได้เบิกถอนจากบัญชีดังกล่าวหรือไม่ก็ตาม
          (2). ทำคำขอเบิกใช้วงเงินสินเชื่อตามแบบที่โจทก์กำหนด  โจทก์จะส่งมอบเงินตามที่จำเลยร้องขดโดยจำเลยจะต้องลงนามในเอกสารการรับเงินกู้ตามที่โจทก์กำหนด
          (3). เบิกถอนจากเครื่องฝากถอนอัตโนมัติ (ATM) ของธนาคาร กรุงศรีอยุธยา (มหาชน) ในวงเงินสินเชื่อที่เบิกเพิ่มได้ซึ่งปรากฏในใบแจ้งยอดบัญชีรายเดือน  โดยการใช้บัตรสมาชิก (บัตรกดเงินสด...)  กับเลขรหัสประจำตัวที่โจทก์ออกให้  ซึ่งจำเลยตกลงยอมรับว่าการเบิกถอนเงินเชื่อของจำเลย  โดยวิธีการนี้ย่อมถือว่า  เป็นการเบิกถอนสินเชื่อของจำเลยที่จะต้องรับผิดชอบ  และจำเลยจะต้องระมัดระวังมิให้ผู้อื่นล่วงรู้เลขรหัสประจำตัวเป็นอันขาด
          (4). โดยวิธีอื่น ๆ ที่โจทก์จะกำหนดและแจ้งให้ภายหลัง  ทั้งนี้  โจทก์คิดดอกเบี้ยไม่เกินกว่าอัตราที่กฎหมายกำหนดไว้ (ร้อยละ 15 ต่อปี)  โดยอันตรารวมสูงสุดของดอกเบี้ย  ค่าปรับ  ค่าบริการ  และค่าธรรมเนียมรวมกันแล้วไม่เกินร้อยละ 28 ต่อปี
          จำเลยตกลงชำระเงินคืนเป็นรายเดือนตามที่ตกลงกับโจทก์  โจทก์จะส่งใบแจ้งยอดบัญชีเพื่อเรียกเก็บค่างวดกับจำเลยเป็นรายเดือนล่วงหน้าก่อนถึงวันกำหนดชำระไม่น้อยกว่า 10 วัน  และจำเลยตกลงชำระค่างวดหรือหนี้อื่นใดรวมทั้งค่าธรรมเนียมต่าง ๆ ให้แก่โจทก์ภายในระยะเวลาที่กำหนดในใบแจ้งยอดบัญชี  ทั้งนี้ค่างวดในแต่ละเดือนอาจมีจำนวนแตกต่างกันตามยอดรวมต้นเงินกู้ที่จำเลยได้เบิกใช้เป็นครั้งคราว  หากจำเลยผิดนัดหรือปฏิบัติผิดเงื่อนไขข้อใดข้อหนึ่ง  โจทก์มีสิทธิบอกเลิกสัญญาและเรียกให้จำเลยชำระเงินกู้  ดอกเบี้ย  ค่าธรรมเนียมและจำนวนเงินอื่นที่จำเลยต้องชำระแก่โจทก์ได้ทันที
          อนึ่งบรรดาเอกสารหรือหนังสือใด ๆ ที่โจทก์ได้จัดส่งไปยังจำเลยทางไปรษณีย์ลงทะเบียนตอบรับหรือให้คนนำไปส่งก็ตาม ถ้าหากได้ส่งไปยังที่อยู่และ/หรือ สถานที่ทำงานที่ได้แจ้งไว้  ให้ถือว่าโจทก์ได้ส่งให้จำเลยโดยชอบและถือว่าจำเลยได้รับเอกสาร หรือหนังสือใด ๆ นั้นไว้โดยชอบแล้ว
          ข้อ 4.  เมื่อวันที่ 18  มกราคม 2548  จำเลยได้ตกลงทำสัญญากู้ยืมเงินจากโจทก์ในสินเชื่อใช้ชื่อว่า ... และโจทก์รับจำเลยเป็นสมาชิกโดยออกบัตรสมาชิกหมายเลข...ให้แก่จำเลย  โดยจำเลยตกลงขอรับสินเชื่อเงินสดจากโจทก์ในวงเงินที่โจทก์ได้อนุมัติและการลงนามในใบสมัครหรือใบตอบรับสินเชื่อดังกล่าว  จำเลยได้ตกลงว่าจะปฏิบัติและยินยอมตามข้อกำหนดและเงื่อนไขสัญญาให้สินชื่อทุกประการ  โจทก์อนุมัติวงเงินสินเชื่อให้แก่จำเลยเป็นเงินจำนวน 30,000.00 บาท โดยจำเลยแจ้งความประสงค์ให้โจทก์จ่ายต้นเงินกู้ผ่านบัญชีธนาคารกรุงเทพ จำกัด (มหาชน)  สาขาโชคชัย 4 ลาดพร้าวชื่อบัญชี ...หมายเลขบัญชี ...  และโจทก์ได้โอนเงินให้แก่จำเลยแล้วเมื่อวันที่ 19 มกราคม 2548  เป็นเงินจำนวน 28,500.00 บาท และให้ถือว่าจำเลยได้รับต้นเงินกู้นับแต่วันที่โจทก์ได้โอนเงินเข้าบัญชีดังกล่าวแล้ว  ไม่ว่าจำเลยจะได้เบิกถอนเงินจากบัญชีธนาคารที่แจ้งไว้แล้ว  หรือไม่ก็ตามโดยตกลงชำระดอกเบี้ยในต้นเงินกู้  ค่าธรรมเนียมการใช้วงเงินและค่าใช้จ่ายต่าง ทๆ ดังต่อไปนี้
          1.  ค่าธรรมเนียมจัดการเงินกู้  ร้อยละ 0.5 ของวงเงินกู้  ทั้งนี้ไม่น้อยกว่า 1,500  บาท  โดยโจทก์จะหักค่าธรรมเนียมส่วนนี้  จากต้นเงินกู้ที่จะจ่ายให้แก่จำเลยเมื่อนำเงินเข้าบัญชีธนาคารที่จะจ่ายให้แก่โจทก์โดยวิธีตามที่โจทก์ร้องขอ
          2.  ค่าธรรมเนียมการใช้วงเงินร้อยละ 1.75 ต่อเดือน
          3.  ดอกเบี้ยอัตราร้อยละ 1 ต่อเดือน
          4.  ค่าปรับชำระหนี้ล่าช้าร้อยละ 10 ของยอดค่างวดคงค้างทั้งหมดหรือไม่น้อยกว่า 150 บาท
          5.  ค่าปรับเช็คคืน 200  บาท  ในกรณีที่ธนาคารปฏิเสธการจ่ายเงินตามเช็ค
          6.  ค่าปรับบัญชีไม่ผ่าน  100  บาท  ในกรณีที่ผู้กู้แจ้งความประสงค์ให้หักเงินบัญชีธนาคาร
          อนึ่ง  จำเลยได้ชำระหนี้ให้แก่โจทก์ครบถ้วนแล้ว  รายละเอียดปรากฎตามสำเนาภาพถ่ายใบสมัครสินเชื่อพร้อมสัญญาให้สินเชื่อ  และสำเนาหลักฐานการโอน  เอกสารท้ายคำฟ้องหมายเลข 8 และ 9 ตามลำดับ  และจำเลยได้ชำระหนี้ให้แก่โจทก์ครบถ้วนแล้ว
          4.1 เมื่อประมาณเดือน สิงหาคม 2549  จำเลยได้ตกลงทำสัญญากู้ยืมเงินเพิ่มจากโจทก์ในสินเชื่อใช้ชื่อว่า...  ให้แก่จำเลย  โดยจำเลยตกลงขอรับสินเชื่อเงินสดจากโจทก์ในวงเงินที่โจทก์ได้อนุมัติ  และในการลงนามในใบสมัครหรือใบตอบรับขอสินเชื่อดังกล่าว  จำเลยได้ตกลงว่าจะปฏิบัติและยินยอมตามเงื่อนไขสัญญาสินเชื่อทุกประการ  โจทก์อนุมัติวงเงินสินเชื่อให้แก่จำเลยเป็นเงินจำนวน 50,000.00 บาท  โดยจำเลยแจ้งความประสงค์ให้โจทก์จ่ายต้นเงินกู้ผ่านบัญชีธนาคาร กรุงเทพ จำกัด(มหาชน) สาขาโชคชัย 4  ชื่อบัญชีนาย บ.  หมายเลขบัญชี... และโจทก์ได้โอนเงินให้แก่จำเลยเมื่อวันที่ 30 ตุลาคม 2549  เป็นเงินจำนวน 50,000.00 บาท  และให้ถือว่าจำเลยได้รับต้นเงินกู้นับแต่วันที่โจทก์ได้โอนเงินเข้าบัญชีดังกล่าวแล้ว  ไม่ว่าจำเลยจะได้เบิกถอนเงินจากบัญชีธนาคารที่แจ้งไว้แล้วหรือไม่ก็ตาม  โดยตกลงชำระดอกเบี้ยในต้นเงินกู้  ธรรมเนียมการใช้วงเงิน  และค่าใช้จ่ายต่าง ๆ ดังต่อไปนี้
          1.  ค่าธรรมเนียมจัดการเงินกู้ ร้อยละ –ของวงเงิน  ทังนี้ไม่น้อยกว่า-บาท โดยโจทก์จะหักค่าธรรมเนียมส่วนนี้  จากต้นเงินที่จะจ่ายให้แก่จำเลยเมื่อนำเงินเข้าบัญชีธนาคารหรือจะจ่ายให้แก่โจทก์โดยวิธีตามที่โจทก์ร้องขอ
          2.  ดอกเบี้ยและค่าธรรมเนียมการใช้วงเงินร้อยละ 1.3 ต่อเดือน
          3.  ค่าปรับชำระหนี้ล่าช้าร้อยละ 10 ของยอดค่างวดคงค้างทั้งหมดหรือไม่น้อยกว่า 150 บาท
          4.  ค่าปรับหักบัญชีไม่ผ่าน 100  บาท  ในกรณีที่ผู้กู้แจ้งความประสงค์ให้หักบัญชีธนาคาร
 จำเลยตกลงชำระเงินคืนให้แก่โจทก์เป็นเงินจำนวนทั้งสิ้น 73,400.00 บาท  โดยแบ่งชำระเป็นงวดรายเดือน  จำนวน 36 งวด  งวดละ 2,039.00 บาท  รายละเอียดปรากฏตามสำเนาภาพถ่ายใบสมัครสินเชื่อพร้อมสัญญาให้สินเชื่อ  และสำเนาหลักฐานการโอน  เอกสารท้ายคำฟ้องหมายเลข 10 และ 11 ตามลำดับ
         4.2  เมื่อวันที่ 20 มีนาคม 2550  จำเลยได้ตกลงทำสัญญากู้ยืมเงินเพิ่มจากโจทก์ในสินเชื่อใช้ชื่อว่า  … ให้แก่จำเลยโดยตกลงขอรับสินเชื่อเงินสดจากโจทก์ในวงเงินที่โจทก์ได้อนุมัติ  และในการลงนามในใบสมัครหรือใบตอบรับสินเชื่อดังกล่าว  จำเลยได้ตกลงว่าจะปฏิบัติและยินยอมตามข้อกำหนดและเงื่อนไขสัญญาให้สินเชื่อทุกประการ  โจทก์อนุมัติวงเงินสินเชื่อให้แก่จำเลยเป็นเงินจำนวน 50,000.00 บาท  โดยจำเลยแจ้งควาประสงค์ให้โจทก์จ่ายต้นเงินกู้ผ่านบัญชีธนาคารกรุงเทพ  จำกัด (มหาชน) สาขาโชคชัย 4 ลาดพร้าว ชื่อบัญชี ...หมายเลขบัญชี... และโจทก์ได้โอนเงินให้แก่จำเลยแล้วเมื่อวันที่ 22 มีนาคม 2550  เป็นเงินจำนวน 50,000.00 บาท  และให้ถือว่าจำเลยได้รับต้นเงินกู้นับแต่วันที่โจทก์ได้โอนเงินเข้าบัญชีดังกล่าวแล้ว  ไม่ว่าจำเลยจะได้เบิกถอนเงินจากบัญชีธนาคารที่แจ้งไว้แล้ว  หรือไม่ก็ตามา  โดยตกลงชำระดอกเบี้ยในต้นเงินกู้  ค่าธรรมเนียมการใช้วงเงิน  และค่าใช้จ่ายต่าง ๆ ดังต่อไปนี้
           1.  ค่าธรรมเนียมจัดการเงินกู้ ร้อยละ-ของวงเงินกู้ ทั้งนี้ไม่น้อยกว่า – บาท  โดยโจทก์จะหักค่าธรรมเนียมส่วนนี้  จากต้นเงินที่จะจ่ายให้แก่จำเลยเมื่อนำเงินเข้าบัญชีธนาคารหรือที่จะจ่ายให้แก่โจทก์โดยวิธีตามที่โจทก์ร้องขอ
           2.  ค่าธรรมเนียมการใช้วงเงินร้อยละ 0.61 ต่อเดือน
           3.  ดอกเบี้ยในอัตราร้อยละ 0.72 ต่อเดือน
           4.  ค่าปรับชำระหนี้ล่าช้าร้อยละ 10  ของยอดค่างวดคงค้างทั้งหมดหรือไม่น้อยกว่า 150 บาท
           5.  ค่าปรับเช็คคืน 200 บาท ในกรณีที่ธนาคารปฏิเสธการจ่ายเงินตามเช็ค
          6.  ค่าปรับหักบัญชีไม่ผ่าน 100 บาท  ในกรณีที่ผู้กู้แจ้งความประสงค์ให้หักดงินบัญชีธนาคาร
           จำเลยตกลงชำระเงินคืนให้แก่โจทก์เป็นเงินจำนวนทั้งสิ้น 65,952.00 บาท  โดยแบ่งชำระเป็นงวดรายเดือน จำนวน 24 งวด  งวดละ 2,478.00 บาท   รายละเอียดปรากฏตามสำเนาภาพถ่ายใบสมัครสินเชื่อพร้อมสัญญาให้สินเชื่อพร้อมสัญญาให้สินเชื่อ  และสำเนาหลักฐานการโอน  เอกสารท้ายคำฟ้องหมายเลข 12 และ 13 ตามลำดับ 
          4.3  เมื่อวันที่ 17 ตุลาคม2550  จำเลยได้ตกลงทำสัญญากู้ยืมเงินเพิ่มจากโจทก์  ในสินเชื่อใช้ชื่อว่า ... ให้แก่จำเลยโดยจำเลยตกลงขอรับสินเชื่อเงินสดจากโจทก์ในวงเงินที่โจทก์ได้อนุมัติ  และในการลงนามในใบสมัครหรือใบตอบรับขอสินเชื่อธนาคารดังกล่าว  จำเลยได้ตกลงว่าจะปฏิบัติและยินยอมตามข้อกำหนดและเงื่อนไขสัญญาให้สินเชื่อทุกประการ  โจทก์อนุมัติวงเงินสินเชื่อให้แก่จำเลยเป็นเงินจำนวน 50,000.00 บาท โดยจำเลยแจ้งความประสงค์ให้โจทก์จ่ายต้นเงินกู้ผ่านบัญชีธนาคารกรุงเทพ จำกัด (มหาชน) สาชาโชคชัย 4 ชื่อบัญชี ... หมายเลขบัญชี ...  และโจทก์ได้โอนเงินให้แก่จำเลยแล้วเมื่อวันที่ 22 ตุลาคม 2550  เป็นเงินจำนวน 50,000.00 บาท  และให้ถือว่าจำเลยได้รับต้นเงินให้แก่จำเลยแล้วเมื่อวันที่ 22 ตุลาคม 2550  เป็นเงินจำนวน 50,000.00 บาท  และให้ถือว่าจำเลยได้รับต้นเงินกู้นับแต่วันที่โจทก์ได้โอนเงินเข้าบัญชีดังกล่าวแล้ว  ไม่ว่าจำเลยจะได้เบิกถอนเงินจากบัญชีธนาคารที่แจ้งไว้แล้ว  หรือไม่ก็ตาม  โดยตกลงชำระดอกเบี้ยในต้นเงินกู้  ค่าธรรมเนียมการใช้วงเงิน  และค่าใช้จ่ายต่าง ๆ ดังต่อไปนี้
           1.  ค่าธรรมเนียมจัดการเงินกู้ ร้อยละ – ของวงเงินกู้  ทั้งนี้ไม่น้อยกว่า – บาท  โดยโจทก์จะหักค่าธรรมเนียมส่วนนี้  จากต้นเงินกู้ที่จะจ่ายให้แก่จำเลยเมื่อนำเงินเข้าบัญชีธนาคารหรือที่จะจ่ายให้แก่โจทก์โดยวิธีตามที่โจทก์ร้องขอ
          2.  ค่าธรรมเนียมการใช้วงเงินร้อยละ 0.63 ต่อเดือน
          3.  ดอกเบี้ยอัตราร้อยละ 0.73 ต่อเดือน
          4.  ค่าปรับชำระหนี้ล่าช้าร้อยละ 10 ของยอดค่างวดคงค้างทั้งหมดหรือไม่น้อยกว่า 150 บาท
          5.  ค่าปรับเช็คคืน 200 บาท  ในกรณีที่ธนาคารปฎิเสธการจ่ายเงินตามเช็ค
          6.  ค่าปรับหักบัญชีไม่ผ่าน 100 บาท  ในกรณีที่ผู้กู้แจ้งความประสงค์ให้หักเงินบัญชีธนาคาร

          จำเลยตกลงชำระเงินคืนให้แก่โจทก์เป็นเงินจำนวนทั้งสิ้น 74,484.00 บาท  โดยแบ่งชำระเป็นงวดรายเดือน  จำนวน 36 งวด  งวดละ 2,063.00 บาท  รายละเอียดปรากฏตามสำเนาภาพถ่ายใบสมัครสินเชื่อพร้อมสัญญาให้สินเชื่อ  และสำเนาหลักฐานการโอน  เอกสารท้ายำฟ้องกมายเลข 14 และ 15 ตามลำดับ
          4.4  เมื่อวันที่ 23  มกราคม 2551  จำเลยได้ตกลงทำสัญญากู้ยืมเงินเพิ่มจากโจทก์  ในสินเชื่อใช้ชื่อว่า…  ให้แก่จำเลย  โดยจำเลยตกลงขอรับสินเชื่อเงินสดจากโจทก์ในวงเงินที่โจทก์ได้อนุมัติ  และการลงนามในในสมัครหรือใบตอบรับขอสินเชื่อดังกล่าว  จำเลยได้ตกลงว่าจะปฏิเสธหรือยินยอมตามข้อกำหนดและเงื่อนไขสัญญาให้สินเชื่อทุกประการ  โจทก์อนุมัติวงเงินสินเชื่อให้แก่จำเลยเป็นเงินจำนวน 40,000.00 บาท  โดยจำเลยแจ้งความประสงค์ให้โจทก์จ่ายต้นเงินกู้ผ่านบัญชีธนาคารกรุงเทพ จำกัด (มหาชน) สาขาโชคชัย 4  ชื่อบัญชี นาย บ.หมายเลขบัญชี…  และโจทก์ได้โอนเงินให้แก่จำเลยแล้วเมื่อวันที่ 29 มกราคม 2551  เป็นเงินจำนวน 40,000.00 บาท  ให้ถือว่าจำเลยได้รับต้นเงินกู้นับแต่วันที่โจทก์ได้โอนเงินเข้าบัญชีดังกล่าวแล้ว  ไม่ว่าจำเลยจะได้เบิกถอนเงินจากบัญชีธนาคารที่แจ้งไว้แล้วหรือไม่ก็ตาม  โดยตกลงชำระดอกเบี้ยในต้นเงินกู้  ค่าธรรมเนียมการใช้วงเงิน  และค่าใช้จ่ายต่าง ๆ ดังต่อไปนี้
           1.  ค่าธรรมเนียมจัดการเงินกู้  ร้อยละ – ของวงเงินกู้  ทั้งนี้ไม่น้อยกว่า – บาท  โดยโจทก์จะหักค่าธรรมเนียมส่วนนี้ จากต้นเงินที่จะจ่ายให้แก่จำเลยเมื่อนำเงินเข้าบัญชีธนาคารหรือที่จะจ่ายให้แก่โจทก์โดยวิธีตามที่โจทก์ร้องขอ
          2. ค่าธรรมเนียมการใช้วงเงินร้อยละ 0.62 ต่อเดือน
          3. ดอกเบี้ยในอัตราร้อยละ 0.72 ต่อเดือน
          4. ค่าปรับชำระหนี้ล่าช้าร้อยละ 10 ของยอดค่างวดคงค้างทั้งหมดหรือไม่น้อยกว่า 150 บาท
          5. ค่าปรับเช็คคืน 200 บาท ในกรณีที่ธนาคารปฏิเสธการจ่ายเงินตามเช็ค
          6. ค่าปรับหักบัญชีไม่ผ่าน 100 บาท  ในกรณีที่ผู้กู้แจ้งความระสงค์ให้หักบัญชีธนาคาร
จำเลยตกลงชำระคืนให้แก่โจทก์เป็นเงินจำนวนทั้งสิ้น 56,080.00  น.  โดยแบ่งชำระเป็นรายเดือน จำนวน 30 งวด   งวดละ 1,869.00 บาท  รายละเอียดปรากฏตามสำเนาภาพถ่ายใบสมัครสินเชื่อพร้อมสัญญาให้สินเชื่อ  และสำเนาหลักฐานการโอน  เอกสารท้ายฟ้องหมายเลข 16 และ 17 ตามลำดับ
          4.5  เมื่อวันที่ 24 กุมภาพันธ์  2551 จำเลยตกลงทำสัญญากู้ยืมเงินเพิ่มจากโจทก์  ในสินเชื่อใช้ชื่อว่า…  ให้แก่จำเลย  โดยจำเลยตกลงขอรับสินเชื่อเงินสดจากโจทก์ในวงเงินที่โจทก์ได้อนุมัติ  และในการลงนามในใบสมัครหรือตอบรับขอสินเชื่อดังกล่าว  จำเลยได้ตกลงว่าจะปฏิบัติและยินยอมตามข้อกำหนดและเงื่อนไขสัญญาให้สินเชื่อทุกประการ  โจทก์อนุมัติวงเงินสินเชื่อให้แก่จำเลยเป็นเงินจำนวน 40,000.00 บาท  โดยจำเลยแจ้งความประสงค์ให้โจทก์จ่ายต้นเงินกู้ผ่านธนาคารกรุงเทพ จำกัด (มหาชน)  สาขาโชคชัย 4 ชื่อบัญชี นาย บ. เลขที่บัญชี …  และโจทก์ได้โอนเงินให้แก่จำเลย  เมื่อวันที่ 4  มีนาคม 2551  เป็นเงินจำนวน 40,000.00 บาท  และให้ถือว่าจำเลยได้รับต้นเงินกู้นับแต่วันที่โจทก์ได้โอนเงินเข้าบัญชีดังกล่าวแล้ว  ไม่ว่าจำเลยจะได้เบิกถอนเงินจากบัญชีธนาคารที่แจ้งไว้แล้ว  หรือไม่ก็ตาม  โดยตกลงชำระดอกเบี้ยในต้นเงินกู้  ค่าธรรมเนียมการใช้วงเงิน และค่าใช้จ่ายต่าง ๆ ดังต่อไปนี้
          1. ค่าธรรมเนียมจัดการเงินกู้   ร้อยละ- ของวงเงินกู้ ทั้งนี้ไม่น้อยกว่า – บาท  โดยโจทก์จะหักค่าธรรมเนียมส่วนนี้  จากต้นเงินที่จะจ่ายให้แก่จำเลยเมื่อนำเงินเข้าบัญชีธนาคารหรือจะจ่ายให้แก่โจทก์โดยวิธีตามที่โจทก์ร้องขอ
          2. ค่าธรรมเนียมการใช้วงเงินร้อยละ 0.62 ต่อเดือน
          3. ดอกเบี้ยในอัตราร้อยละ 0.72 ต่อเดือน
          4. ค่าปรับชำระหนี้ล่าช้าร้อยละ 10 ของยอดค่างวดคงค้างทั้งหมดหรือไม่น้อยกว่า 150 บาท 
         5. ค่าปรับเช็คคืน 200 บาท  ในกรณีที่ธนาคารปฏิเสธการจ่ายเงินตามเช็ค
         6. ค่าปรับหักบัญชีไม่ผ่าน 100 บาท  ในกรณีที่ผู้กู้แจ้งความประสงค์ให้หักเงินบัญชีธนาคาร
          จำเลยตกลงชำระคืนให้แก่โจทก์เป็นเงินจำนวนทั้งสิ้น 56,080.00  น.  โดยแบ่งชำระเป็นรายเดือน จำนวน 30 งวด  งวดละ 1,869.00 บาท  รายละเอียดปรากฏตามสำเนาภาพถ่ายใบสมัครสินเชื่อพร้อมสัญญาให้สินเชื่อ  และสำเนาหลักฐานการโอน  เอกสารท้ายฟ้องหมายเลข 18 และ 19 ตามลำดับ
          4.6  เมื่อวันที่ 29 กุมภาพันธ์  2551 จำเลยตกลงทำสัญญากู้ยืมเงินเพิ่มจากโจทก์  ในสินเชื่อใช้ชื่อว่า…  ให้แก่จำเลย  โดยจำเลยตกลงขอรับสินเชื่อเงินสดจากโจทก์ในวงเงินที่โจทก์ได้อนุมัติ  และในการลงนามในใบสมัครหรือตอบรับขอสินเชื่อดังกล่าว  จำเลยได้ตกลงว่าจะปฏิบัติและยินยอมตามข้อกำหนดและเงื่อนไขสัญญาให้สินเชื่อทุกประการ  โจทก์อนุมัติวงเงินสินเชื่อให้แก่จำเลยเป็นเงินจำนวน 30,000.00 บาท  โดยจำเลยแจ้งความประสงค์ให้โจทก์จ่ายต้นเงินกู้ผ่านธนาคารกรุงเทพ จำกัด (มหาชน)  สาขาโชคชัย 4 ชื่อบัญชี นาย บ. เลขที่บัญชี …  และโจทก์ได้โอนเงินให้แก่จำเลย  เมื่อวันที่ 1  เมษายน 2551  เป็นเงินจำนวน 30,000.00 บาท  และให้ถือว่าจำเลยได้รับต้นเงินกู้นับแต่วันที่โจทก์ได้โอนเงินเข้าบัญชีดังกล่าวแล้ว  ไม่ว่าจำเลยจะได้เบิกถอนเงินจากบัญชีธนาคารที่แจ้งไว้แล้ว  หรือไม่ก็ตาม  โดยตกลงชำระดอกเบี้ยในต้นเงินกู้  ค่าธรรมเนียมการใช้วงเงิน และค่าใช้จ่ายต่าง ๆ ดังต่อไปนี้
         1. ค่าธรรมเนียมจัดการเงินกู้   ร้อยละ- ของวงเงินกู้ ทั้งนี้ไม่น้อยกว่า – บาท  โดยโจทก์จะหักค่าธรรมเนียมส่วนนี้  จากต้นเงินที่จะจ่ายให้แก่จำเลยเมื่อนำเงินเข้าบัญชีธนาคารหรือจะจ่ายให้แก่โจทก์โดยวิธีตามที่โจทก์ร้องขอ
         2. ค่าธรรมเนียมการใช้วงเงินร้อยละ 0.63 ต่อเดือน
         3. ดอกเบี้ยในอัตราร้อยละ 0.73 ต่อเดือน
         4. ค่าปรับชำระหนี้ล่าช้าร้อยละ 10 ของยอดค่างวดคงค้างทั้งหมดหรือไม่น้อยกว่า 150 บาท 
         5. ค่าปรับเช็คคืน 200 บาท  ในกรณีที่ธนาคารปฏิเสธการจ่ายเงินตามเช็ค
         6. ค่าปรับหักบัญชีไม่ผ่าน 100 บาท  ในกรณีที่ผู้กู้แจ้งความประสงค์ให้หักเงินบัญชีธนาคาร
         จำเลยตกลงชำระคืนให้แก่โจทก์เป็นเงินจำนวนทั้งสิ้น 44,688.00  น.  โดยแบ่งชำระเป็นรายเดือน จำนวน 36 งวด  งวดละ 1,241.00 บาท  รายละเอียดปรากฏตามสำเนาภาพถ่ายใบสมัครสินเชื่อพร้อมสัญญาให้สินเชื่อ  และสำเนาหลักฐานการโอน  เอกสารท้ายฟ้องหมายเลข 20 และ 21 ตามลำดับ
         4.7  เมื่อวันที่ 18 เมษายน  2551 จำเลยตกลงทำสัญญากู้ยืมเงินเพิ่มจากโจทก์  ในสินเชื่อใช้ชื่อว่า…  ให้แก่จำเลย  โดยจำเลยตกลงขอรับสินเชื่อเงินสดจากโจทก์ในวงเงินที่โจทก์ได้อนุมัติ  และในการลงนามในใบสมัครหรือตอบรับขอสินเชื่อดังกล่าว  จำเลยได้ตกลงว่าจะปฏิบัติและยินยอมตามข้อกำหนดและเงื่อนไขสัญญาให้สินเชื่อทุกประการ  โจทก์อนุมัติวงเงินสินเชื่อให้แก่จำเลยเป็นเงินจำนวน 30,000.00 บาท  โดยจำเลยแจ้งความประสงค์ให้โจทก์จ่ายต้นเงินกู้ผ่านธนาคารกรุงเทพ จำกัด (มหาชน)  สาขาโชคชัย 4 ชื่อบัญชี นาย บ. เลขที่บัญชี …  และโจทก์ได้โอนเงินให้แก่จำเลย  เมื่อวันที่ 22 เมษายน 2551  เป็นเงินจำนวน 30,000.00 บาท  และให้ถือว่าจำเลยได้รับต้นเงินกู้นับแต่วันที่โจทก์ได้โอนเงินเข้าบัญชีดังกล่าวแล้ว  ไม่ว่าจำเลยจะได้เบิกถอนเงินจากบัญชีธนาคารที่แจ้งไว้แล้ว  หรือไม่ก็ตาม  โดยตกลงชำระดอกเบี้ยในต้นเงินกู้  ค่าธรรมเนียมการใช้วงเงิน และค่าใช้จ่ายต่าง ๆ ดังต่อไปนี้
         1. ค่าธรรมเนียมจัดการเงินกู้  ร้อยละ- ของวงเงินกู้ ทั้งนี้ไม่น้อยกว่า – บาท  โดยโจทก์จะหักค่าธรรมเนียมส่วนนี้  จากต้นเงินที่จะจ่ายให้แก่จำเลยเมื่อนำเงินเข้าบัญชีธนาคารหรือจะจ่ายให้แก่โจทก์โดยวิธีตามที่โจทก์ร้องขอ
         2. ค่าธรรมเนียมการใช้วงเงินร้อยละ 0.63 ต่อเดือน
         3. ดอกเบี้ยในอัตราร้อยละ 0.73 ต่อเดือน
         4. ค่าปรับชำระหนี้ล่าช้าร้อยละ 10 ของยอดค่างวดคงค้างทั้งหมดหรือไม่น้อยกว่า 150 บาท 
         5. ค่าปรับเช็คคืน 200 บาท  ในกรณีที่ธนาคารปฏิเสธการจ่ายเงินตามเช็ค
         6. ค่าปรับหักบัญชีไม่ผ่าน 100 บาท  ในกรณีที่ผู้กู้แจ้งความประสงค์ให้หักเงินบัญชีธนาคาร
         จำเลยตกลงชำระคืนให้แก่โจทก์เป็นเงินจำนวนทั้งสิ้น 44,688.00 น.  โดยแบ่งชำระเป็นรายเดือน จำนวน 36 งวด  งวดละ 1,241.00  บาท  รายละเอียดปรากฏตามสำเนาภาพถ่ายใบสมัครสินเชื่อพร้อมสัญญาให้สินเชื่อ  และสำเนาหลักฐานการโอน  เอกสารท้ายฟ้องหมายเลข 22 และ 23 ตามลำดับ
         ข้อ 5.  ภายหลังจากที่จำเลยได้รับเงินไปจากโจทก์ตามฟ้องแล้ว  โจทก์ได้ปฏิบัติ
ตามสัญญาทุกประการ  และได้จัดส่งใบแจ้งยอดบัญชีไปเรียกเก็บเงินจากจำเลยทุกเดือน  แต่จำเลยปฏิบัติผิดสัญญาการชำระหนี้  กล่าวคือ  ชำระให้แก่โจทก์เพียงบางส่วน  ซึ่งโจทก์ได้นำเงินจำนวนดังกล่าวหักทอนบัญชีให้จำเลยแล้ว  โดยปรากฎยอดหนี้ค้างชำระ ร วันที่ 28  พฤศจิกายน 2551  ประกอบด้วยต้นเงินกู้จำนวน 234,445.60 บาท ดอกเบี้ย 23,036.73 บาท  ค่าธรรมเนียมการใช้วงเงิน21,036.73 บาท  และค่าธรรมเนียมอื่น ๆ – บาท  รวมเป็นจำนวนเงินทั้งสิ้น 278,643.70 บาท  ซึ่งจำเลยมีหน้าที่ต้องชำระหนี้ทันที  แต่จำเลยเพิกเฉยไม่ชำระหนี้ให้แก่โจทก์แต่อย่างใด รายละเอียดปรากฏตามสำเนาใบแจ้งยอดบัญชี เอกสารท้ายคำฟ้องหมายเลข 24
 การกระทำดังกล่าวของจำเลยทำให้โจทก์ได้รับความเสียหาย ดังนั้นจำเลยจึงต้องต้องรับผิดชดใช้หนี้แก่โจทก์เป็นเงินจำนวน 278,643.70 บาท พร้อมดอกเบี้ยในอัตราร้อยละ 15 ต่อปี  ของต้นเงินจำนวน 234,445.60 บาท  นับตั้งแต่งวันที่ 29  พฤศจิกายน 2551  จนถึงวันที่ 25 กุมภาพันธ์ 2552  เป็นเงินจำนวน 8,574.93 บาท  รวมเป็นเงินที่จำเลยต้องชำระให้แก่โจทก์จำนวนทั้งสิ้น 287,218.63 บาท  ซึ่งเป็นจำนวนทุนทรัพย์ในคดีนี้  รายละเอียดปรากฏตามสำเนาใบตารางคำนวณทุนทรัพย์  เอกสารท้ายคำฟ้องหมายเลข 25
          ก่อนฟ้องคดนี้  โจทก์ได้ติดตามทวงถามแล้วหลายครั้งหลายหน  แต่จำเลยก็เพิกเฉย  โจทก์จึงมอบอำนาจให้ทนายความมีหนังสือทวงถาม  เอกสารท้ายคำฟ้องหมายเลข 26
          โจทก์ไม่มีทางอื่นที่จะบังคับชำระหนี้เอากับจำเลยได้  จึงจำเป็นต้องนำคดีมาฟ้องศาลเพื่อขอบารมีศาลเป็นที่พึ่งต่อไป
     
                                                                      ควรมิควรแล้วแต่จะโปรด

คำขอท้ายฟ้องคดีผู้บริโภค
 ขอศาลโปรดออกหมายเรียกตัวจำเลยมาพิจารณาพิพากษาและบังคับจำเลยตามขอต่อไปนี้
 1.  ให้จำเลยชำระเงินให้แก่โจทก์เป็นเงินจำนวน 287,218.63 บาท  พร้อมดอกเบี้ยในอัตราร้อยละ 15 ต่อปี ของต้นเงินจำนวน 234,445.60 บาท  นับแต่วันถัดจากวันฟ้องเป็นต้นไปจนกว่าจะชำระเสร็จแก่โจทก์
 2.  ให้จำเลยชำระค่าฤชาธรรมเนียมศาลและค่าทนายความแทนโจทก์ด้วย

 

 


      

 

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นที่ 2

 การเป็นลูกหนี้ที่ดีไม่เป็น  ก็สมควรที่จะได้รับการลงโทษ

โดยคุณ 7 เม.ย. 2556, 10:17

ความคิดเห็นที่ 1

ไม่เป็นเลย

เป็นประโยชย์กับเจ้าหนี้มากกว่าเพราะผมเป็นลูกหนี้

โดยคุณ 9 พ.ค. 2554, 12:19

แสดงความเห็น

ข่าวที่มีผู้อ่านมาก