ตัวอย่างคำฟ้องคดีผู้บริโภค/คดีสคบ./ละเมิด นายจ้าง-ลูกจ้าง
ศาลจังหวัดนนทบุรี
นาย บ. โจทก์
บริษัท ร. จำเลย
เรื่อง ละเมิด นายจ้าง-ลูกจ้าง เรียกค่าเสียหาย
จำนวนทุนทรัพย์ 422,186 บาท 51 สตางค์
ข้อ 1. โจทก์เป็นผู้ครองครองรถยนต์กระบะ ยี่ห้อโตโยต้า รุ่นไฮลักซ์ สีเทา คันหมาขเลขทะเบียน... กรุงเทพมหานคร รายละเอียดปรากฏตามสำเนารายการจดทะเบียน เอกสารแนบท้ายคำฟ้องหมาย 1
จำเลยเป็นนิติบุคคลตามกฎหมายประเภทบริษัทจำกัด มีวัตถุประสงค์ให้บริการทำความสะอาดเคลือบสี พ่นน้ำยากันสนิม จำหน่ายอุปกรณ์ตกแต่งยานพาหนะ ใช้ชื่อในการประกอบธุรกิจว่า ... โดยลำพังมี นางสาง ฐ. เป็นกรรมการผู้มีอำนาจลงลายมือชื่อและประทับตราสำคัญของบริษัทจำเลย สามารถกระทำการแทนจำเลยได้ รายละเอียดปรากฎตามสำเนาเอกสารหนังสือรับรองการเป็นนิติบุคคลของจำเลยและภาพถ่ายสถานประกอบกิจการ เอกสารแนบท้ายคำฟ้องหมาย 2 และ 3
ข้อ 2. เมื่อวันที่ 23 ตุลาคม 2551 เวลาประมาณ 7.30 นาฬิกา ซึ่งเป็นเวลาเปิดกิจการของจำเลย โจทก์ได้นำรถยนต์กระบะ ยี่ห้อโตโยต้า รุ่นไฮลักซ์ สีเทา คันหมายเลขทะเบียน... กรุงเทพมหานครา ไปรับบริการล้างทำความสะอาดและดูดฝุ่นภายในรถยนต์ที่ร้านของจำเลย ณ ถนนบางกรวย-ไทรน้อย จ. นนทบุรี ต่อมาลูกจ้างจำเลยได้มารับรถยนต์คันดังกล่าวไปจากโจทก์เพื่อนำไปล้างทำความสะอาดบริเวณที่ล้างรถยนต์ซึ่งใกล้กับแท่นสำหรับล้างอัดฉีดรถยนต์ซึ่งเป็นการกระทำในทางการที่จ้าง แต่ลูกจ้างจำเลยกระทำโดยประมาทปราศจากความระมัดระวังซึ่งบุคคลในภาวะเช่นนั้นจะต้องมีตามวิสัยและพฤติการณ์ กล่าวคือ เมื่อลูกจ้างจำเลยรับรถยนต์ไปจากโจทก์ที่ล้างทำความสะอาด ลูกจ้างจำเลยจักต้องใช้ความระมัดระวังในการขับรถยนต์ของโจทก์โดยก่อนที่ลูกจ้างจำเลยะเหยียบคันเร่งเพื่อขับเคลื่อนรถยนต์นั้นจะต้องเหยียบครัทช์เข้าเกียร์แล้วค่อย ๆ ปล่อย จากนั้นจึงเหยียบคันเร่งอย่างช้า ๆ ซึ่งบุคคลในภาวะเช่นลูกจ้างจำเลยอาจใช้ความระมัดระวังเช่นว่านั้นแต่ลูกจ้างจำเลยหาได้ใช้เพียงพอไม่ ลูกจ้างจำเลยกลับเบิ้ลคันเร่ง 2 ครั้ง แล้วปล่อยครัทช์ทันทีพร้อมกับเหยียบคันเร่งจนเกือบทำให้รถยนต์พุ่งออกไปอย่างรวดเร็วและแรงด้วยความประมาทเลินเล่อของลูกจ้างต่อจำเลยดังกล่าว เป็นเหตุให้รถยนต์ของโจทก์พุ่งชนกันด้านข้างของแท่นสำหรับล้างอัดฉัดรถยนต์ซึ่งมีลักษณะเป็นปูนและเหล็ก จนเป็นเหตุให้รถยนต์ของโจทก์ได้รับความเสียหายอย่างมากจนไม่สามารถขับเคลื่อนได้ รวมทั้งอุปกรณ์และส่วนควบของรถยนต์ได้รับความเสียหายหลายรายการ เช่น คัชซีหน้า กันชนหน้า แผงไฟใหญ่หน้าทั้งชุด ปั๊มน้ำ และเครื่องยนต์ เป็นต้น รายละเอียดปรากฎตามสำเนาภาพถ่ายรถยนต์ในสภาพที่ได้รับความเสียหายและภาพบริเวณที่เกิดเหตุ เอกสารท้ายคำฟ้องหมาย 4 และหมาย 5
ต่อมาโจทก์และจำเลยสามารถตกลงกันได้ โดยจำเลยยินยอมชดใช้ค่าเสียหายให้แก่โจทก์ จำเลยจึงได้นำรถยนต์ของโจทก์คันดังกล่าวไปเข้าซ่อมแซมที่ห้างหุ้นส่วนจำกัด ช. ซึ่งเป็นอู่ให้บริการซ่อมรถยนต์ ตั้งอยู่... จังหวัดนนทบุรี รายละเอียดปรากฎตามสำเนาใบเสร็จยกรถ เอกสารท้ายคำฟ้องหมาย 6
ข้อ 3. หลังจากนั้นห้างหุ้นส่วน ... ได้แจ้งราคาประเมินให้แก่จำเลยทราบในราคา 300,000 บาทเศษ ต่อมาโจทก์จึงทวงถามให้จำเลยรับผิดค่าเสียหายให้แก่โจทก์ แต่จำเลยเห็นว่าซ่อมแซมรถยนต์มีราคาสูงจึงปฏิเสธไม่ชดใช้ค่าเสียหายให้แก่โจทก์ โจทก์จึงได้แจ้งความไว้ที่ สถานีตำรวจภูธร... จังหวัดนนทบุรี รายละเอียดปรากฏตามรายงานประจำวันรับแจ้งเป็นหลักฐาน เอกสารท้ายคำฟ้องหมาย 7
ก่อนฟ้องร้องและดำเนินคดีนี้ โจทก์ได้ทวงถามให้จำเลยชำระค่าสินไหมทดแทนให้แก่โจทก์หลายครั้งหลายคราว แต่จำเลยยังคงเพิกเฉยถือว่าเป็นการโต้แย้งสิทธิโจทก์ ทำให้โจทก์ได้รับความเสียหาย เมื่อโจทก์ไปรับบริการเพื่อล้างทำความสะอาดรถยนต์จากจำเลย และลูกจ้างจำเลยได้กระทำละเมิดต่อโจทก์ จำเลยในฐานะนายจ้างจึงต้องร่วมรับผิดกับลูกจ้างในผลแห่งละเมิด ซึ่งลูกจ้างได้กระทำไปในทางที่จ้างดังต่อไปนี้
3.1 ผลจากการที่ลูกจ้างจำเลยได้กระทำละเมิดต่อโจทก์ ทำให้รถยนต์กระบะ ยี่ห้อโตโยต้า รุ่นไฮลักซ์ สีเทา คันหมายเลขทะเบียน.. กรุงเทพมหานคร ของโจทก์ได้รับความเสียหายหลายรายการ เช่น เปลี่ยนเครื่องยนต์ใหม่ คัชซีหน้า ก้นชนหน้า แผงไฟใหญ่หน้าทั้งชุด ปั๊มน้ำ เป็นต้น คิดเป็นค่าแรงซ่อมรถยนต์และค่าอะไหล่จำนวน 332,368.75 บาท (สามแสนสามหมื่นสองพันสามร้อยหกสิบแปดเจ็บสิบห้าสตางค์) รายละเอียดปรากฏตามสำเนาใบเสนอราคา เอกสารแนบท้ายคำฟ้องหมาย 8
3.2 หลังจากที่รถยนต์กระบะ ยี่ห้อโตโยต้า รุ่นไฮลักซ์ สีเทา คันหมายเลขทะเบียน ... กรุงเทพมหานคร ของโจทก์ได้รับความเสียหายจนไม่สามารถขับเคลื่อนได้ และนำเข้าซ่อมที่อู่จนทำให้โจทก์ไม่สามารถใช้สอยใช้ประโยชน์ในรถยนต์ดังกล่าวได้ ซึ่งก่อนเกิดเหตุโจทก์ประกอบอาชีพค้าขายต้องนำรถยนต์ดังกล่าวได้ ซึ่งก่อนเกิดเหตุโจทก์ประกอบอาชีพค้าขายต้องนำรถยนต์คันดังกล่าวไปซื้อสินค้าเพื่อนำไปขายทุกวัน เมื่อโจทก์ไม่สามารถใช้ประโยชน์ในรถยนต์คันดังกล่าวได้โจทก์ต้องว่าจ้างรถยนต์โดยสาร รถแท็กซี่ หรือรถเหมา ไปซื้อสินค้า โดยเสียค่าใช้จ่ายวันละไม่ต่ำกว่า 500 บาท โจทก์จึงขอเรียกค่าขาดประโยชน์ในส่วนนี้วันละ 500 บาท นับแต่วันที่ลูกจ้างจำเลยทำละเมิด (วันที่ 23 ตุลาคม 2551 ) เป็นต้นไปจนถึงวันฟ้อง เป็นเวลา 68 วัน รวมเป็นเงินจำนวน 34,000 บาท (สามหมื่นสี่พันบาทถ้วน) และนับถัดจากวันฟ้องเป็นต้นไปจนกว่ารถยนต์ของโจทก์จะอยู่ในสภาพที่เรียบร้อยและใช้การได้ตามปกติ
3.3 ผลจากการที่ลูกจ้างจำเลยได้กระทำละเมิดต่อโจทก์ ทำให้รถยนต์กระบะ ยี่ห้อโตโยต้า รุ่นไฮลักซ์ สีเทา หมายเลขทะเบียน ... กรุงเทพมหานครของโจทก์เสื่อมสภาพ เสื่อมราคาในส่วนนี้ เป็นเงินจำนวน 50,000 บาท (ห้าหมื่นบาทถ้วน)
รวมเป็นต้นเงินที่จำเลยต้องชำระค่าสินไหมทดแทนให้แก่โจทก์จำนวน 416,368.75 บาท (สี่แสนหนึ่งหมื่นหกพันสามร้อยหกสิบแปดเจ็บสิบห้าสตางค์) พร้อมดอกเบี้ยในอัตราร้อยละ 7.5 ต่อปีนับแต่วันกระทำละเมิด (วันที่ 23 ตุลาคม 2551 ( จนถึงวันฟ้องเป็นเวลา 68 วัน คิดเป็นดอกเบี้ย 5,817.76 บาท (ห้าพันแปดร้อยสิบเจ็ดบาทเจ็ดสิบหกสตางค์) รวมเป็นต้นเงินและดอกเบี้ยทั้งสิ้นจำนวน 422,186.51 บาท (สี่แสนสองหมื่นสองพันหนึ่งร้อยแปดสิบหกบาทห้าสิบเอ็ดสตางค์) ซึ่งโจทก์ถือเป็นทุนทรัพย์ในคดีนี้
โจทก์ไม่มีทางอื่นใดที่จะบังคับเอากับจำเลยได้ จึงต้องนำคดีมาฟ้องเพื่อขอบารมีศาลเป็นที่พึ่ง
ควรมิควรแล้วแต่จะโปรด
คำขอท้ายฟ้องคดีผู้บริโภค
ขอศาลได้โปรดออกหมายเรียกจำเลยมาพิจารณาพิพากษาและบังคับจำเลยตามคำขอต่อไปนี้
1. ให้จำเลยชำระเงิน แก่โจทก์จำนวน 422,186.51 บาท (สี่แสนสองหมื่นสองพันหนึ่งร้อยแปดสิบหกบาทห้าสิบเอ็ดสตางค์) พร้อมดอกเบี้ยในอัตราร้อยละ 7.5 ต่อปี ของต้นเงิน 416,368.75 บาท (สี่แสนหนึ่งหมื่นหกพันสามร้อยหกสิบแปดบาทเจ็ดสิบห้าสตางค์) นับถัดจากวันฟ้องเป็นต้นไปจนกว่าจะชำระเสร็จแก่โจทก์
ให้จำเลยชำระเงินค่าขาดประโยชน์จากการไม่ได้ใช้สอยใช้ประโยชน์ในรถยนต์กระบะให้แก่โจทก์วันละ 500 บาท นับถัดจากวันฟ้องเป็นต้นไปจนกว่ารถยนต์กระบะของโจทก์อยู่ในสภาพเรียบร้อยและสามารถใช้การได้ตามปกติ