คำฟ้องคดีผู้บริโภค/คดีสคบ./คดีคุ้มครองผู้บริโภค/คดีสินค้าไม่ปลอดภัย
ศาลแพ่งธนบุรี
นางจ. ที่ 1, นาย ย. ที่ 2 โจทก์
บริษัท ท.จำกัด ที่ 1, บริษัท ส. จำกัด (มหาชน) ที่ 2 จำเลย
เรื่อง ละเมิด,เรียกค่าเสียหาย
จำนวนทุนทรัพย์ 300,000 บาท
ข้อที่ 1 จำเลยที่ 1 เป็นนิติบุคคล ประเภท บริษัทจำกัด โดยจดทะเบียน ณ สำนักงานทะเบียนหุ้นส่วนบริษัท กรุงเทพมหานคร มีกรรมการทั้งหมด 8 คน มีนาง ......ลงลายมือชื่อร่วมกับ นาง... รวมกันสองคนและประทับตราสำคัญของบริษัท เว้นแต่ คำขอและเอกสารใด ๆ ที่ยื่นต่อกระทรวงพาณิชย์ กรมสรรพากร กระทรวงแรงงาน (รวมถึงคำขอใบอนุญาตทำงาน) และคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน ให้กรรมการเพียงคนเดียวสามารถลงลายมือชื่อและประทับตราสำคัญของบริษัทได้ โดยมีวัตถุประสงค์ประกอบการกิจการโรงงานทำผลไม้ และน้ำผงไม้กระป๋อง ผลไม้อบแห้ง อาหารกระป้องแปรรูปจากผลพลอยได้และน้ำผลไม้กระป๋อง และผลไม้อบแห้ง รวมทั้งมีวัตถุประสงค์อื่น ๆ ปรากฏตามรายละเอียดตามสำเนาหนังสือหนังสือรับรองของสำนักงานทะเบียนหุ้นส่วนบริษัทกรุงเทพมหานคร กรมพัฒนาธุรกิจการค้า กระทรวงพาณิชย์ เอกสารท้ายฟ้องหมายเลข 1
จำเลยที่ 2 เป็นนิติบุคคล ประเภท บริษัทจำกัด โดยจดทะเบียน ณ สำนักงานทะเบียนหุ้นส่วนบริษัท กรุงเทพมหานคร มีกรรมการทั้งหมด 11 คน มีนาง น....และนาย... กรรมการสองคนในสี่คนนี้ลงลายมือชื่อร่วมกันและประทับตราสำคัญของบริษัท โดยมีวัตถุประสงค์ประกอบกิจการการค้าอาหารสด อาหารแห้ง อาหารสำเร็จรูป เครื่องกระป๋อง เครื่องปรุงรสอาหาร เครื่องดื่ม สุรา เบียร์ บุหรี่และเครื่องอุปโภคอื่นๆ และวัตถุประสงค์อื่น ๆ ปรากฎตามรายละเอียดตามสำเนาหนังสือรับรองบริษัทของสำนักทะเบียนหุ้นส่วนบริษัท กรุงเทพมหานคร กรมพัฒนาธุรกิจการค้า กระทรวงพาณิชย์ เอกสารท้ายฟ้องหมายเลข 2
ข้อ 2 จำเลยที่ 1 ประกอบกิจการผลิตน้ำผลไม้โดยมีชื่อทางการค้าที่รู้จักกันทั่วไปว่า ....
ส่วนจำเลยที่ 2 ประกอบการค้าปลีกและเป็นตัวแทนนำเครื่องดื่มของจำเลยที่ 2 นำออกขายในกิจการของตน โดยจำเลยที่ 2 ใช้ชื่อทางการค้าที่รู้จักกันโดยทั่วไปว่า ...
ข้อ 3 โจทก์ที่ 1 เป็นผู้ซื้อสินค้าที่ผลิตโดยจำเลยที่ 1จัดจำหน่ายโดยจำเลยที่ 2 แม้จะไม่ได้รับประทานเครื่องดื่ม...ดังกล่าว แต่ก็อยู่ในฐานะเป็นผู้บริโภคและเป็นผู้เสียหายในคดีนี้
โจทก์ที่ 2 เป็นสามีของโจทก์ที่ 1 และเป็นผู้บริโภคหรือรับประทานเครื่องดื่ม...แม้โจทก์ที่ 2 จะไม่ได้เสียค่าตอบแทนเพราะไม่ได้เป็นผู้ซื้อสินค้าดังกล่าว แต่ก็ถือว่าอยู่ในบานะผู้บริโภคและเป็นผู้เสียหายในคดีนี้ด้วย
ข้อ 4. เมื่อวันที่ 25 กันยายน 2551 โจทก์ได้ไปซื้อเครื่องดื่ม...ซึ่งผลิตโดยจำเลยที่ 1 หมดอายุวันที่ 30 เมษายน 2552 โดยโจทก์ได้ซื้อจากจำเลยที่ 2 สาขาบางบอน ซึ่งตั้งแต่อยู่เลขที่...กรุงเทพมหานคร อันถือได้ว่ามูลคดีเกิดขึ้นในเขตอำนาจศาลนี้ ปรากฏหลักฐานตามสำเนาภาพถ่ายใบเสร็จรับเงิน เอกสารท้ายฟ้องหมาย 3
หลังจากโจทก์ที่ 1 ได้ซื้อเครื่องดื่ม...ไปแล้ว โจทก์ที่ 1 ได้นำเข้าแช่ตู้เย็นที่บ้านของโจทก์ ต่อเมื่อวันที่ 4 ตุลาคม 2551 โจทก์ที่ 2 ได้นำเครื่องดื่ม...ดังกล่าวมาดื่ม หลังจากดื่มได้ไม่นานโจทก์ที่ 2 มีอาการท้องเสีย 2 ครั้ง
ต่อมาวันที่ 7 ตุลาคม 2551 โจทก์ที่ 1 ได้นำกล่องเครื่องดื่ม...ที่ดื่มหมดแล้วไปล้างทำความสะอาดเพื่อจะเก็บกล่องเปล่าไว้บริจาค แต่พบว่ามีเศษกระดาษมีดำเทา ลอยขึ้นมาเหนือน้ำ จึงได้หยิบมาขยี้ดู พอขยี้หลายครั้งกลับเป็นสีขาวเหมือนกระดาษ จึงเทน้ำในกล่องทิ้ง มองดูก้นกล่องมองเห็นกระดาษติดก้นกล่อง จึงได้เก็บกล่องดังกล่าว ปรากฏตามสำเนาภาพถ่าย เอกสารท้ายฟ้องหมายเลข 4
หลังจากนั้น โจทก์ที่ 1 จึงได้โทรศัพท์ไปแจ้งให้นาย...ซึ่งเป็นเจ้าหน้าที่ของจำเลยที่ 1 ทราบ และได้นัดเจรจากันในวันที่ 11 ตุลาคม 2551 ซึ่งในวันดังกล่าวโจทก์ที่ 1 มอบหนังสือร้องเรียนเกี่ยวกับสินค้ามีสิ่งปนเปื้อน ฉบับลงวันที่ 7 ตุลาคม 2551 ให้แก่นาย...ไป ปรากฏหลักฐานตามสำเนาหนังสือร้องเรียนเกี่ยวกับสินค้าที่มีสิ่งปนเปื้อน ครั้งที่ 2 เอกสารท้ายฟ้องหมายเลข 5
ต่อมาเมื่อวันที่ 18 ตุลาคม 2551 โจทก์ที่ 1 นำสิ่งปนเปื้อนนำไปให้ศูนย์เล็บวิทยาศาสตร์ที่มีชื่อว่า ... วิเคราะห์สิ่งปนเปื้อนดังกล่าว ตามสำเนาภาพถ่าย เอกสารท้ายฟ้องหมายเลข 6
จำเลยที่ 1 ได้ทำหนังสือ เรื่อง ผลการตรวจสอบคุณภาพสินค้าตามข้อร้องเรียน ฉบับลงวันที่ 23 ตุลาคม 2551 ให้แก่โจทก์ทั้งสอง ปรากฏหลักฐานตามสำเนาภาพถ่ายหนังสือ ฉบับลงวันที่ 23 ตุลาคม 2551 ตามเอกสารท้ายฟ้องหมายเลข 7 ซึ่งในเอกสารดังกล่าวได้สรุปผลการตรวจสอบว่า ข้อมูลการผลิตไม่พบว่าเครื่องดื่ม... ที่ผลิตวันดังกล่าวมีการปนเปื้อนใด ๆ ทั้งนี้ จากการตรวจสอบสภาพรอยรั่ว สันนิษฐานว่ากรณีที่ลูกค้าพบสารปนเปื้อนชองเชื้อราในกล่อง เป็นสภาพเสียที่เกิดขึ้นได้จากการปนเปื้อนของจุลินทรีย์จากจุดรั่ว ซึ่งการปนเปื้อนนี้เป็นการเกิดขึ้นภายหลังการผลิตที่อาจเกิดจากกล่องชำรุดบริเวณมุมด้านล่างกล่อง ซึ่งมีสาเหตุได้จากกล่องมีการชำรุดบกพร่องจากสภาพการจัดเก็บสินค้าหรือจากการขนส่งที่ทำให้เกิดการรั่วขนาดเล็ก
เมื่อวันที่ 6 ธันวาคม 2551 ทางบริษัท... ได้รายงานผลการวิเคราะห์ว่าสินปนเปื้อนดังกล่าวเป็นเชื้อรา สามารถก่อสารพิษโดยเฉพาะสายพันธุ์แอสเพอจิลลัส นิเกอร์ ซึ่งสามารถก่อสารพิษท็อกซิล ซึ่งเป็นอันตรายต่อร่างกายได้ ปรากฎหลักฐานตามรายงานการวิเคราะห์ เอกสารท้ายฟ้องหมายเลข 8
หลังจากทราบผลการวิเคราะห์แล้ว โจทก์ที่ 1 จึงแจ้งให้นาย...เจ้าหน้าที่ของจำเลยที่ 1 ทราบและนัดมาเพื่อเจรจาตกลงเกี่ยวกับค่าเสียหาย แต่เมื่อเจรจากันแล้วไม่สามารถตกลงกันได้และจำเลยที่ 1 ไม่ได้แสดงความรับผิดชอบต่อโจทก์แก่อย่างใด
ข้อ 4. การที่จำเลยที่ 1 เป็นผู้ผลิตเครื่องดื่ม...และจำเลยที่ 2 เป็นผู้จัดจำหน่ายเครื่องดื่ม...ดังกล่าว ที่มีเชื้อราเกิดขึ้นภายในกล่องเครื่องดื่มดังกล่าวและโจทก์ที่ 2 ได้รับประทานเข้าไป ผลการการกระทำโดยละเมิดโดยผิดกฎหมายของจำเลยทั้งสองนั้นจึงเป็นเหตุให้โจทก์ทั้งสองได้รับความเสียหายดังนี้
(1). ค่าเสียหายเกี่ยวกับสุขภาพ อนามัยและจิตใจ เนื่องจากเชื้อราดังกล่าว
ส่งผลสุขภาพและอนามัยของโจทก์ที่ 2 รวมทั้ง ก่อให้เกิดความวิตกกังวลต่อจิตใจของโจทก์ทั้งสองในการบริโภคสินค้าดังกล่าว โจทก์ทั้งสองในฐานะผู้เสียหาย จึงขอคิดค่าเสียหายจากจำเลยที่ 1 เป็นจำนวน 2,000,000 บาท (สองล้านบาทถ้วน) ในฐานะที่เป็นผู้ผลิต และโจทก์ทั้งสองขอคิดค่าเสียหายจากจำเลยที่ 2 เป็นจำนวน 1,000,000 บาท (หนึ่งล้านบาทถ้วน) ในฐานะที่เป็นผู้จำหน่าย
โจทก์ถือเอาทุนทรัพย์ในคดีนี้ และโจทก์ขอคิดดอกเบี้ยในอัตราร้อยละ 7.5 ต่อปี ของต้นเงินดังกล่าวนับถัดจากวันฟ้องเป็นต้นไปจนกว่าจำเลยที่ 1 และจำเลยที่ 2 จะชำระแก่โจทก์จนเสร็จ
และการกระทำของจำเลยทั้งสองดังกล่าวเป็นการกระทำโดยเจตนาเอาเปรียบผู้บริโภคโดยไม่เป็นธรรม หรือ จงใจให้ผู้บริโภคได้รับความเสียหาย หรือประมาทเลินเล่ออย่างร้ายแรงไม่นำพาต่อความเสียหายที่จะเกิดขึ้นแก่ผู้บริโภคหรือกระทำการอันเป็นการฝ่าฝืนต่อความรับผิดชอบในฐานะผู้มีอาชีพหรือธุรกิจอันเป็นที่ไว้วางใจของประชาชนร้ายแรงไม่นำพาต่อความเสียหายที่จะเกิดขึ้นแก่ผู้บริโภคหรือผู้กระทำการอันเป็นการฝ่าฝืนต่อความคดีผู้บริโภค พ.ศ. 2551 มาตรา 42 เป็นจำนวนสองเท่าขอวค่าเสียหายที่แท้จริงที่ศาลกำหนด
ขอศาลได้โปรดกำหนดค่าเสียหายเพื่อการลงโทษ ตามพระราชบัญญัติวิธีพิจารณาคดีผู้บริโภค พงศ. 2551 มาตรา 42 เป็นจำนวนสองเท่าของค่าเสียหายที่แท้จริงที่ศาลกำหนด
โจทก์ไม่มีอำนาจบังคับจำเลยได้ จำเป็นต้องฟ้องขอบารมีศาลเป็นที่พึ่งต่อไป
ควรมิควรแล้วแต่จะโปรด
คำขอท้ายฟ้องคดีผู้บริโภค
ขอศาลได้โปรดออกหมายเรียกจำเลยมาพิจารณาพิพากษาและบังคับจำเลยตามข้อต่อไปนี้
1. ให้จำเลยที่ 1 ชดใช้ค่าเสียหายให้แก่โจทก์เป็นจำนวนเงิน 2,000,000 บาท (สองล้านบาทถ้วน) พร้อมดอกเบี้ยร้อยละ 7.5 ต่อปีนับถัดจากวันฟ้องเป็นต้นไปจนกว่าจะชำระให้แก่โจทก์จนเสร็จสิ้น
2. ให้จำเลยที่ 2 ชดใช้ค่าเสียหายให้แก่โจทก์เป็นจำนวนเงิน 1,000,000 บาท (หนึ่งล้านบาทถ้วน) พร้อมดอกเบี้ยร้อยละ 7.5 ต่อปีนับถัดจากวันฟ้องเป็นต้นไปจนกว่าจะชำระให้แก่โจทก์จนเสร็จสิ้น
ขอให้ศาลกำหนดค่าเสียหายเพื่อการลงโทษเพิ่มขึ้นเป็นจำนวนสองเท่าของค่าเสียหายที่แท้จริง