ตัวอย่างคำฟ้อง/คดีหนี้บัตรเครดิต/คดีคุ้มครองผู้บริโภค/ ธ.กสิกรไทย|ตัวอย่างคำฟ้อง/คดีหนี้บัตรเครดิต/คดีคุ้มครองผู้บริโภค/ ธ.กสิกรไทย

ตัวอย่างคำฟ้อง/คดีหนี้บัตรเครดิต/คดีคุ้มครองผู้บริโภค/ ธ.กสิกรไทย

  • ทนายคลายทุกข์ ปรึกษากฎหมาย โทร 02-9485700
  • Email: [email protected]
Header Background Image

งานเผยแพร่ความรู้ทางด้าน กฎหมาย การบริหารการจัดการหนี้สินในองค์กรภาครัฐและภาคเอกชน การฝึกอบรมสัมมนาพัฒนาบุคลากร ในการประกอบธุรกิจ หากหน่วยงานของรัฐ บริษัทห้างร้าน มีความสนใจ เชิญทีมงานไปฝึกอบรมสัมมนาหรือต้องการข้อมูลข่าวสาร ติดต่อได้ที่ 02-948-5700 อ่านต่อ

ท่านใดที่สนใจเกี่ยวกับหลักสูตรฝึกอบรมการติดตามหนี้ ทวงหนี้อย่างไรให้ได้ผล ได้เงิน รักษาภาพลักษณ์ รักษาลูกค้า/หลักสูตรการป้องกันและการปราบปรามการทุจริตภายในองค์กร/หลักสูตรกฎหมายแรงงาน สำหรับเจ้าหน้าที่ฝ่ายบุคคลหรือผู้บริหารบริษัท สนใจโทร.02-9485700 อ่านต่อ

สืบทุกเรื่องที่คุณอยากรู้ มีเรื่องคาใจอยากรู้ความจริง โทรมาคุยกับกุ้งได้ที่ 081-625-2161หรือ 089-669-5026 "อย่าปล่อยให้มีเรื่องคาใจ อะไรที่ไม่สบายใจ ต้องหาทางปลดปล่อย สืบให้รู้ความจริง จะได้จบสิ้นกันเสียที สำหรับความทุกข์ที่คาใจมาเป็นเวลานาน อย่าปล่อยให้คนนอกใจลอยนวล" อ่านต่อ

รับแปลเอกสารต่างๆ อ่านต่อ

ตัวอย่างคำฟ้อง/คดีหนี้บัตรเครดิต/คดีคุ้มครองผู้บริโภค/ ธ.กสิกรไทย

ทนายคลายทุกข์ขอนำตัวอย่างตำฟ้องคดีบัตรเครดิตซึ่งฟ้องเป็นคดีผู้บริโภค

บทความวันที่ 8 มิ.ย. 2552, 00:00

มีผู้อ่านทั้งหมด 22247 ครั้ง


ตัวอย่างคำฟ้อง/คดีหนี้บัตรเครดิต/คดีคุ้มครองผู้บริโภค


                                                                                                       ศาล  แขวงพระนครใต้

ธนาคาร กสิกรไทย จำกัด (มหาชน)  โดยนาย ศ.   ผู้รับมอบอำนาจ โจทก์

นาย  ท.                                                                                             จำเลย

เรื่อง  ผิดสัญญา(บัตรเครดิต) ,เรียกให้ชำระหนี้
จำนวนทุนทรัพย์ 66,894 บาท  15  สตางค์

          ข้อ 1.  โจทก์เป็นนิติบุคคลประเภทบริษัทมหาชน  จำกัด  (เดิมโจทก์เป็นนิติบุคคลประเภทบริษัท จำกัด  ทะเบียนเลขที่ 940  ต่อมาเมื่อวันที่ 13  พฤษภาคม 2536  โจทก์ได้จดทะเบียนแปรสภาพเป็นนิติบุคคลประเภทบริษัทมหาชน จำกัด  ทะเบียนเลขที่ บมข.105)  มีนาย บ. หรือ นาย ป    คนใดคนหนึ่งลงลายมือชื่อร่วมกับ นาย ภ.  รวมเป็นสองคนลงลายมือชื่อและประทับตราสำคัญของบริษัท  กระทำการแทนในนามโจทก์ก็ได้  โดยมีวัตถุประสงค์ประกอบกิจการธนาคารพาณิชย์  รายละเอียดปรากฏตามสำเนาภาพถ่ายหนังสือรับรองบริษัท  เอกสารท้ายฟ้องหมายเลข 1
          โจทก์โดยนาย ภ. และนาย ป. กรรมการผู้มีอำนาจ  ได้มอบอำนาจให้นายศ. เป็นผู้มีอำนาจฟ้องร้องและดำเนินคดีแทนโจทก์ได้  รวมทั้งให้มีอำนาจช่วงได้ด้วย  รายละเอียดปรากฏตามสำเนาภาพถ่ายหนังสือมอบอำนาจ  เอกสารท้ายฟ้องหมาย 2
          ข้อ 2.  เมื่อประมาณเดือน พฤศจิกายน 2546  จำเลยได้ยื่นคำขอสมัครเป็นสมาชิกผู้ถือบัตรและทำสัญญาการใช้บัตรเครดิตของธนาคารกสิกรไทย  ให้ไว้กับธนาคารโจทก์ได้โดยโจทก์ได้ออกบัตรเครดิต  หมายเลข  4921-4150-9166-6352  ให้แก่จำเลย โดยอนุมัติวงเงินจำนวน 50,000  บาท  เพื่อนำบัตรเครดิตดังกล่าวไปใช้แทนการชำระเงินสดค่าซื้อสินค้า  ค่าบริการต่าง ๆ จากสถานประกอบการค้าหรือร้านค้าที่ตกลงรับชำระบัตรเครดิตของโจทก์  และใช้บัตรเครดิตประกอบรหัสประจำตัวในการเบิก-ถอนเงินสดจากสาขาของธนาคารโจทก์  หรือธนาคารสมาชิก  หรือจากเครื่องฝาก-ถอนเงินอัตโนมัติของโจทก์หรือสถาบันการเงินอื่น ทีมีข้อตกลงกับโจทก์ทั้งภายในและต่างประเทศ  โดยจำเลยตกลงเสียค่าธรรมเนียมในการใช้บัตรให้แก่โจทก์ตามที่ธนาคารกำหนด  โดยธนาคารโจทก์จะจัดทำบัญชีโดยการลงรายการดังกล่าวในใบแจ้งยอดบัญชีบัตรเครดิตของจำเลย  แสดงรายการและยอดเงินค่าธรรมเนียมเป็นลูกหนี้ธนาคารโจทก์  และเมื่อโจทก์ได้ออกเงินชำระแทนจำเลย  ให้กับสถานประกอบการค้าหรือร้านค้าต่าง ๆ ตามที่สถานประกอบการค้าหรือร้านค้าสมาชิก  เรียกเก็บเงินจากการใช้บัตรเครดิตดังกล่าว  มายังธนาคารโจทก์  โจทก์จะจัดทำใบแจ้งยอดบัญชีบัตรเครดิตดังกล่าวเป็นรายเดือน  แจ้งให้จำเลยชำระหนี้ให้แก่โจทก์ตามวันที่กำหนดในใบแจ้งยอดบัญชี  หากจำเลยตรวจสอบแล้วรายการใดไม่ถูกต้องจำเลยจะต้องแจ้งให้โจทก์ทราบภายใน 15 วัน  หากพ้นกำหนดเวลาดังกล่าวให้ถือว่ารายการทั้งหมดในใบแจ้งยอดบัญชีเป็นรายการที่ถูกต้อง  จำเลยและธนาคารโจทก์ตกลงให้มีการหักทอนบัญชีบัตรเครดิต  ซึ่งมียอดเงินเป็นลูกหนี้ธนาคารโจทก์กับบัญชี  ซึ่งมียอดเงินเป็นเจ้าหนี้ธนาคารโจทก์  ตามหลักเกณฑ์และวิธีการของธนาคารโจทก์  ตามกำหนดเวลาในวันที่ถึงกำหนดชำระ/หักบัญชี  ตามที่ระบุไว้ในใบแจ้งยอดบัญชีบัตรเครดิต  ในกรณีที่ธนาคารโจทก์ได้ดำเนินการหักทอนบัญชีแล้ว  ปรากฏว่าในบัญชีบัตรเครดิตของผู้ถือบัตรเครดิตยังมีรายการแสดงยอดเงินที่ค้างชำระเป็นลูกหนี้ธนาคารโจทก์  จำเลยตกลงเสียดอกเบี้ยให้ธนาคารโจทก์จากยอดเงินที่ค้างชำระตามที่ปรากฏในบัญชีบัตรเครดิตของจำเลย  ในอัตราดอกเบี้ยที่ธนาคารเรียกเก็บจากลูกค้าผู้ให้กู้เงินผิดนัดชำระหนี้และให้เปลี่ยนแปลงเรื่อยไป  ตามประกาศธนาคารแห่งประเทศไทยโดยให้ดอกเบี้ยเป็นรายวันและมีกำหนดส่งเป็นรายเดือนทุกวันครบกำหนดหักทอน  ตามที่ระบุไว้  หากจำเลยผู้ถือบัตรผิดนัดไม่นำเงินเข้าบัญชีบัตรเครดิตของจำเลย  ตามจำนวนและกำหนดเวลาที่ระบุไว้  จำเลยยินยอมให้ธนาคารโจทก์คิดดอกเบี้ยในอัตราที่ค้างชำระในอัตราสูงสุด  ตามประกาศธนาคารแห่งประเทศไทยและประกาศธนาคารโจทก์  ที่ใช้บังคับอยู่ในขณะนั้นในบัญชีบัตรเครดิตของจำเลยไปจนกว่าบัตรเครดิตของจำเลยและไม่แสดงรายการยอดเงินเป็นลูกหนี้ธนาคารโจทก์  ในกรณีที่จำเลยผิดนัดไม่ชำระหนี้ภายในกำหนดที่ระบุไว้ในใบแจ้งยอดบัญชีรายเดือน  จำเลยยินยอมให้โจทก์คิดดอกเบี้ยปรับในกรณีชำระหนี้ล่าช้าหรือกรณีผิดนัด  โดยโจทก์คิดค่าปรับในอันตราครั้งละ 100 บาท  รายละเอียดปรากฎตามสำเนาภาพถ่ายใบสมัครสมาชิกบัตรเครดิต เอกสารท้ายฟ้องหมายเลข 3
          ข้อ 3.  เมื่อโจทก์ได้ออกบัตรเครดิตตามข้อ 2. ให้กับจำเลยแล้ว  จำเลยได้นำบัตรเครดิตดังกล่าวที่โจทก์ออกให้ไปใช้เสมอมา  โดยจำเลยได้นำบัตรเครดิตไปใช้แทนเงินสด  ชำระค่าสินค้าหรือบริการ  ตลอดทั้งใช้เบิกเงินสดตามวิธีการที่กล่าวในข้อ 2. และโจทก์ได้ชำระแทนแก่จำเลยให้แก่สถานประกอบการค้าต่าง ๆ ไปแล้ว  และโจทก์ได้ส่งใบแจ้งยอดบัญชีการใช้จ่ายตามรายการต่าง ๆ ที่จำเลยได้ใช้ไป  เรียกเก็บเงินจากจำเลย  แต่จำเลยได้ชำระหนี้แก่โจทก์เพียงบางส่วน  สำหรับยอดหนี้ที่ค้างชำระในแต่ละเดือน  โจทก์ได้คิดดอกเบี้ยและค่าธรรมเนียมผิดนัดในอัตราที่กำหนดไว้ในสัญญาข้อตกลงและเงื่อนไขการใช้บัตร  โดยคำนวณยอดหนี้ค้างชำระ ณ วันที่ 17  กันยายน 2550  จำเลยคงค้างชำระหนี้เป็นเงินต้น จำนวน 48,345.67 บาท  ดอกเบี้ยผิดนัดชำระจำนวน 4,019.94 น.  และค่าปรับผิดนัดชำระจำนวน 4,019.94 บาท  และค่าปรับผิดนัดชำระจำนวน 0.00 บาท  รวมเป็นเงินจำนวน 52,374.61 บาท  ซึ่งจำเลยมีหน้าที่ต้องชำระคืนแก่โจทก์  แต่จำเลยหาได้ชำระไม่  รายละเอียดปรากฏตามสำเนาภาพถ่ายใบแจ้งยอดบัญชีบัตรเครดิต  และรายการสรุปการใช้บัญชีบัตรเครดิต  เอกสารท้ายฟ้องหมาย 4-5
           และนอกจากนี้  จำเลยยังต้องรับผิดชำระดอกเบี้ยผิดนัดให้แก่โจทก์อีก  ซึ่งโจทก์ได้คำนวณหลายช่วงหลายอัตราจากต้นเงิน จำนวน  48,3543.67 บาท  นับแต่วันที่ 18 กันยายน 2550  ถึงวันฟ้อง  ซึ่งอัตราสุดท้ายโจทก์คิดอันตราร้อยละ 20 ต่อปี  คิดเป็นดอกเบี้ยผิดนัดชำระจำนวน 15,519.54 บาท  เมื่อรวมดอกเบี้ยการผิดนัดตามเอกสารท้ายฟ้องหมาย 5  จำนวน 40,019.94 บาทแล้ว  จึงรวมเป็นดอกเบี้ยผิดนัดชำระทั้งสิ้นจำนวน 18,539.48 บาท  ดังนั้น   จำเลยมีหน้าที่ต้องรับผิดชำระหนี้ให้แก่โจทก์ถึงวันฟ้อง  ดังนี้  เงินต้นจำนวน 48,354.67 บาท  ดอกเบี้ยผิดนัดชำระจำนวน 18,539.48 บาท  และค่าปรับผิดนัดชำระจำนวน 0.00 บาท  รวมเป็นหนี้ถึงวันฟ้องที่จำเลยต้องรับผิดต่อโจทก์ทั้งสิ้นจำนวน 66,894.15 บาท  รายละเอียดปรากฏตามสำเนาภาพถ่ายรายการสรุปการใช้บัตรเครดิตและดอกเบี้ย  เอกสารท้ายฟ้องหมาย 6
 ในการคิดดอกเบี้ยจากจำเลยนั้น  โจทก์ได้คิดดอกเบี้ยโดยอาศัยอำนาจตามประกาศธนาคารแห่งประเทศไทย  ประกาศกระทรวงการคลัง  และประกาศธนาคารโจทก์ที่ได้ประกาศใช้ในขณะนั้น  รายละเอียดปรากฎตามสำเนาตามภาพถ่ายประกาศธนาคารแห่งประเทศไทย  ประกาศกระทรวงการคลัง  และประกาศธนาคารโจทก์  เอกสารท้ายฟ้องหมาย 7-9
           ก่อนฟ้องโจทก์ได้พยายามติดตามทวงถามให้จำเลยชำระหนี้หลายครั้งหลายหนแต่จำเลยก็เพิกเฉยไม่ชำระหนี้แก่โจทก์  รายละเอียดปรากฎตามสำเนาภาพถ่ายหนังสือทวงถามเอกสารท้ายฟ้องหมาย 10
          โจทก์ไม่มีทางอื่นใดที่จะบังคับเอากับจำเลยได้  จึงต้องนำคดีมาฟ้องศาล  เพื่อขอบารมีศาลเป็นที่พึ่ง                                                                          
                                                                                    ควรมิควรแล้วแต่จะโปรด


คำขอท้ายฟ้องคดีผู้บริโภค
          ขอศาลโปรดออกหมายเรียกจำเลยพิจารณาพิพากษาและบังคับจำเลยตามคำขอต่อไปนี้
          1.ให้จำเลยชำระเงิน จำนวน 66,894.15 บาท  แก่โจทก์  พร้อมดอกเบี้ยในอัตรา
ร้อยละ 20 ต่อปี ของเงินต้นจำนวน 48,354.67 บาท  นับถัดจากวันฟ้องเป็นต้นไปจนกว่าจะชำระเสร็จแก่โจทก์  ให้จำเลยชำระค่าฤชาธรรมเนียมและค่าทนายความแทนโจทก์

 

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นที่ 23

 สวัสดีค่ะยากสอบถามค่ะแฟนโดนฟ้องบัตรเคดิตตอนนี้มีหมายศาลบอกว่าให้จ่ายหนี้ถายใน15วันถ้าไม่จ่ายจะยึดทรัพย์และจำคุกจะทำอย่างไรดีค่ะ

โดยคุณ 5 ก.พ. 2560, 20:08

ความคิดเห็นที่ 22

ไม่ได้จ่ายหนี้บัตรเครดิตมา 3 ปีแล้ว จะเป็นอะไรมั้ย ย้ายที่อยู่จากไต้มาอยู่ อีสานนานแล้ว ไครรู้ตอบด้วย วงเงิน 80000 บาท อีกสองธนาคาร 70000 และ 50000 ตามลำดับ

โดยคุณ เณรหนุน 6 เม.ย. 2555, 20:44

ความคิดเห็นที่ 21

เป็นหนี้บัตรเครดิตธนาคารไทยพาณิชย์ ธนาคารสามารถหักเงินในบัญชีเงินฝากได้ไหมคะ เพราะมีเงินเข้าบัญชีและโดนถูกหักออกในวันนั้นเลย

โดยคุณ 27 ม.ค. 2555, 16:27

ความคิดเห็นที่ 20

ผมขอสอบถาม เรื่องบุคคลที่จะเป็นโจทก์ฟ้องจำเลยในคดีผู้บริโภค หากเป็นบุคคลธรรมดาไม่ได้เป็นสถาบันการเงิน แต่ให้กู้ยืมเงินโดยมีการทำสัญญาจำนอง  หากจะฟ้องเรียกหนี้เงินกู้คืน โดยการยกเลิกสัญญา และบังคับจำนอง จะฟ้องเป็นคดีแพ่งธรรมดา หรือฟ้องคดีผู้บริโภค

โดยคุณ วิชิต เหลืองร่อนทอง (สมาชิก) 19 ธ.ค. 2554, 10:26

ความคิดเห็นที่ 19

ผมขอสอบถาม เรื่องบุคคลที่จะเป็นโจทก์ฟ้องจำเลยในคดีผู้บริโภค หากเป็นบุคคลธรรมดาไม่ได้เป็นสถาบันการเงิน แต่ให้กู้ยืมเงินโดยมีการทำสัญญาจำนอง  หากจะฟ้องเรียกหนี้เงินกู้คืน โดยการยกเลิกสัญญา และบังคับจำนอง จะฟ้องเป็นคดีแพ่งธรรมดา หรือฟ้องคดีผู้บริโภค

โดยคุณ วิชิต เหลืองร่อนทอง (สมาชิก) 19 ธ.ค. 2554, 10:24

ความคิดเห็นที่ 18

สู้ต่อไปนะคะสำหรับคนที่เป็นหนี้ทำไงได้ชีวิตเลือกเกิดไม่ได้ถ้าเลือกได้ใครก๊ไม่อยากเป๊นหนี้-เป๊นกำลังใจให้ทุกๆคนคะ-รวมทั้งตัวเองด้วย

โดยคุณ แหม่ม 6 มิ.ย. 2554, 11:20

ความคิดเห็นที่ 17

ทำไมคนติดแบคลิสเหมือนไม่ใช่คนอยากให้โอกาสเราได้แก้ใขบ้าง

โดยคุณ ratana 6 มิ.ย. 2554, 11:11

ความคิดเห็นที่ 16

ใครเอาชื่อเรามาทำแบบนี้โดย ไม่ได้รับอนุญาต  เลวมา คุณรู้เรื่องจริง ขนาดใหนกัน

เรื่องคนอื่นชอบเสือกจริงเลยนะ  เห็นความทุกข์คนอื่นมันสะใจคุณใช่ไหม ไม่ต้องเอามาเป็นคดีตัว

อย่างเลย ใครเอาชื่อฉันมาทำแบบนี้อีก ขอให้มันเป็นเหมือนกันนะจะได้รู้ว่ามันทุกข์ขนาดใหน

ขอให้เจอกับตัวเองบ้างนะโชดดี

โดยคุณ นางอุทัยวรรณ นาคสุรินทร์ 9 เม.ย. 2554, 14:27

ความคิดเห็นที่ 15

 น้าและคนในหมู่บ้านโดนคนในหมู่บ้านเอาบัตรประชาชนและทะเบียนบ้านไปเป็นพนักงานของบริษัทฯ

พวกมันที่กรุงเทพฯโดยที่ไม่รู้เรื่องเลยตอนนี้มี แบบภงด.ให้ไปเสียภาษีโดนกันหลายคนไม่รู้ว่าเค้าเอา

บัตรเราไปทำอะไรอีกบ้างจะต้องปรึกษาใครดีช่วยกรุณาให้คำแนะนำหน่อยค่ะ

โดยคุณ ปรียา 25 ก.พ. 2554, 19:48

ความคิดเห็นที่ 14

ลูกเป็นหนี้ แต่บริษัททรงธรรมทนายความโทรมาทวงแม่ แถมพูดจาข่มขู่และไม่มีมารยาท โดยเฉพาะผู้ที่ใช้นามว่า "ยุทธการ" เราควรทำอย่างไรดี ฟ้องศาลดีมั๊ย คดีแพ่งหรืออาญา

โดยคุณ 21 ธ.ค. 2553, 19:34

ความคิดเห็นที่ 13

บ. อีซี่บาย ผู้หญิงนะ พูดจาหมาไม่แดกเลย เราคุยดี ๆ ก็จ่ายขั้นต่ำ 500  มันไม่เอาแถมว่ามาเรามาอีก งั้นก็ไม่ต้องมาถามอีกเน้อ

โดยคุณ น้องปา 16 พ.ย. 2553, 15:06

ความคิดเห็นที่ 12

เห็นใจทั้งสองฝ่าย ทั้งผู้ที่กู้หนี้ยืมสิน และผู้ให้กู้ สุดท้ายมันก็อยู่ที่เรา มันอยู่ที่ความอยากมี อยากได้ อยากเป็น ผู้กู้ก็อยากได้เงิน  ผู้ให้กู้ก็อยากได้เงินจึงต้องมีการลงทุน

หากเราสามารถประเมินตัวเอง และเพียงพอในสิ่งที่มี ค่อยๆเป็นไป ยับยั้งชั่งใจ รู้ว่าสิ่งที่กำลังทำ มันจะส่งผลอะไรต่อไปบ้างข้างหน้า เตือนตัวเองไม่ได้คงไม่มีใครจะช่วยได้

เมื่อเกิดปัญหาก็วิ่งไปหา คนนั้นที ที่นั้นที ทั้งที่ตอนทำไม่เห็นชวน....นี่ละน้า คนเรา.....จงเตือนตน ด้วนตนเอง...เจริญพร 

โดยคุณ ทนายน้อยแห่งเมืองดอกบัว 15 ต.ค. 2553, 15:27

ความคิดเห็นที่ 11

ลูกสาวดิฉันนำบัตรเครดิตไทยพาณิชย์ไปใช้ในอเมริกา บัตรถูกขโมย มาทราบ 2วันหลังจากที่ขโมยนำบัตรไปรูด จึงโทรยกเลิกและขอปฏิเสธการจ่าย แต่ทางเจ้าหน้าที่รับเรื่องแจ้งว่า บัตรถูกขโมย เจ้าของบัตรต้องรับผิดชอบ ทางธนาคารไม่รับผิดชอบ ซึ่งต่างจากบัตรเครดิตธนาคารอื่น เนื่องจากลูกสาวดิฉันไม่ได้ใช้จริง โดยปกติการใช้จ่ายในต่างประเทศในจำนวนเงินเป็น ๕๐ ถึง ๑๐๐ เหรียญขึ้นไป ร้านค้าจะต้องขอดูบัตรประจำตัวหรือพาสปอร์ต ซึ่งถ้าไม่มีจะไม่ให้รูดบัตร เอกสารดังกล่าวก็อยู่กับลูกและหากลายเซ็นต์ไม่ตรงกันกับหลังบัตร ทางร้านค้าและทางบัตรเครดิตผ่านให้ได้อย่างไร ถ้าเช่นนั้นลายเซนต์ที่ให้ไว้กับธนาคารก็ไม่มีตวามหมาย ธนาคารจะปัดความรับผิดชอบในการทำงานที่เกิดจากความไม่รัดกุมโดยผลักภาระให้แก่ผู้บริโภคนั้นคงไม่ยุติธรรมกับผู้บริโภค และทางบัตรเครดิตไม่ว่าจะเป็นของทางธนาคารใดๆที่ใช้อยู่ เช่นซิตี้แบงค์ กรุงไทย หรือกสิกรไทยจะต้องมีการโทร confirm กับเจ้าของบัตรหรือบัตรหลักหากมีการใช้จ่ายในต่างประเทศเป็นจำนวนเงินมาก แต่ไทยพาณิชย์ไม่เคยโทรถามในรายการเหล่านั้นเลย บัตรใบนี้ทางไทยพาณิชย์ส่งมาให้แทนบัตรใบเก่าโดยขอยกเลิกบัตรใบเก่าซึ่งมีวงเงินจำกัดไว้ที่ ๓๐๐๐๐ บาท แต่ทางธนาคารปล่อยให้มีการรูดเกินวงเงิน ไปเป็นจำนวนถึง 13,576.28 บาท ซึ่งรูปการดูแล้ว ไม่ชอบมาพากล บัตรเครดิตธนาคารอื่นๆแม้ของธนาคารต่างประเทศเองก็ไม่ได้ให้เจ้าของบัตรต้องรับผิดชอบหากเจ้าของบัตรไม่ได้ใช้จริง มิเช่นนั้นใครจะกล้าใช้บัตรเครดิตอีกต่อไปถ้าต้องมารับภาระกับเงินที่ไม่ได้ใช้จริง และธนาคารไม่มีมาตรการที่รัดกุมป้องกันให้กับผู้บริโภค ไม่ทราบว่า สคบจะช่วยได้บ้างไหมคะในกรณีนี้

โดยคุณ ศัลยา 6 ต.ค. 2553, 10:41

ความคิดเห็นที่ 10

พนักงานทวงหนี้ Aeon แย่มากครับ ผมพูดดีดีแล้ว ด่าใส่ผมเลย ไม่รับฟังผมเลย แม่งจะให้โอนเงินอย่างเดียว ที่จริงผมกะจะจ่ายให้มันแล้ว เสือกพูดแบบนี้ เสียความรู้สึกมากๆ

โดยคุณ มู๋น้อย 21 ก.ย. 2553, 11:14

ความคิดเห็นที่ 9

ตอบกลับความคิดเห็นที่ 1
 

คุณทนาย

ทีมงานทนายคลายทุกข์ (สมาชิก) (58.136.4.79)

ที่ตอบเมื่อกี้ เป็นประโยคคลาสสิกมากคร๊าป ทุกเวลา ที่สถานที่ ทุกโอกาศ

ถ้าเขารู้จำเพาะเจาะจง เขาเขียนเองแล้ว ไม่ต้องมารอฟัง ประโยคคลาสสิกคุณหรอก

ก็เขาพยายามหาความรู้ไงคับ

โดยคุณ red.v 14 ก.ค. 2553, 14:08

แสดงความเห็น

ข่าวที่มีผู้อ่านมาก