จับสัญญาณรัฐจ่อขึ้นภาษีชา-กาแฟ
ข่าวทนายคลายทุกข์ที่ทีมงานได้นำมาเสนอเรื่องนี้
ดูแล้วว่าน่าจะเป็นเรื่องที่เกิดขึ้นบนความยากลำบากของประชาชน
เพราะรัฐบาลนอกจากมีนโยบายในการกู้แล้วยังมีนโยบายในการเก็บด้วย เก็บที่ว่าเป็นเป็นการเก็บภาษี
(เพิ่ม) ตอนแรกคิดว่าน่าจะเป็นการดีสำหรับคนบางกลุ่ม เมื่อมีราคาที่สูงยอดการซื้อก็ลดลง แต่กลับไม่ได้เป็นเช่นนั้น เพราะนอกจากจะขึ้นภาษี เหล้า บุหรี่ กำลังจะเก็บเพิ่มของภาษีที่ดิน ภาษีมรดก และข่าวจากกรมการค้าภายในเปิดเผยว่า กำลังจะมีการเก็บภาษีชาและกาแฟ
เช่นเดียวกัน ซึ่งปัญหาเรื่องของการแบกรับจึงเกิดขึ้นกับประชาชนผู้บริโภค
รายละเอียดรายงานข่าว
นาย
ทั้งนี้
การตรวจสอบของกรมสรรพสามิตจะติดตามตั้งแต่ราคาวัตถุดิบ
เพื่อพิจารณาการเปลี่ยนแปลงของต้นทุน รวมถึงราคาขายปลีกชา กาแฟอย่างใกล้ชิด
เพราะทั้งสองรายการอยู่ในบัญชีสินค้ากลุ่มติดตามดูแลของกระทรวงพาณิชย์ 200 รายการ
“ปัญหาการกักตุนและฉวยโอกาสขึ้นราคากลุ่มยาสูบ
สุรา เริ่มคลี่คลายแล้ว หลังจากประกาศปรับภาษีอย่างเป็นทางการ โดยสินค้าชา กาแฟ
เป็นกลุ่มที่ต้องเฝ้าดูแลต่อไป แม้ว่ากรมสรรพสามิตจะยังอยู่ระหว่างการพิจารณาว่าจะขึ้นภาษีหรือไม่ก็ตาม
ก็ต้องตรวจสอบไว้ก่อน
เพราะเกรงว่าจะเป็นช่องว่างให้นายทุนฉวยโอกาสกักตุนทำกำไรเหมือนที่เคยเกิดขึ้นกับบุหรี่”
นายยรรยง กล่าว
นอกจากนี้
จะเข้าไปดูแลไม่ให้ราคาสินค้ากลุ่มนี้สูงเกินจริง และสั่งให้ติดป้ายราคาจำหน่ายปลีกที่ชัดเจน
เพื่อให้ประชาชนเปรียบเทียบราคาก่อนตัดสินใจซื้อ
นายยรรยง กล่าวว่า
ช่วงที่มีกระแสเตรียมปรับภาษีสรรพสามิต เหล้า บุหรี่ น้ำมัน ชา และกาแฟ
ในสัปดาห์ที่ผ่านมา (12-18 พ.ค.)
พบว่ามีผู้บริโภคและร้านค้าปลีกร้องเรียนมายังสายด่วน 1569 สูงเกิน 1,000 ราย โดยส่วนใหญ่แจ้งว่าสินค้าขาดตลาดและฉวยขึ้นราคาเกินจริง
โดยเฉพาะบุหรี่ที่แพง กว่าปกติซองละ 10-15 บาท
และยังร้องเรียนด้วยว่าโรงงานยาสูบ ไม่ยอมกระจายสินค้าแก่รายย่อย
สำหรับการดูแลสินค้าอาหารสด
ได้ส่งเจ้าหน้าที่ลงติดตามราคาใกล้ชิดเช่นกัน เพราะขณะนี้เริ่มเข้าสู่หน้าฝนและเริ่มมีอาหารธรรมชาติออกสู่ตลาด
ราคาอาหารประเภทเนื้อสัตว์ ผัก และผลไม้ น่าจะลดลง เช่น หมู ไก่
ที่เติบโตได้ดีจะออกสู่ตลาดมากขึ้น
อย่างไรก็ตาม หากราคายังแพง
กรมสรรพสามิตจะนำต้นทุนมาพิจารณา และอาจเรียกผู้เกี่ยวข้องเข้ามาหารือ
เพื่อดูสาเหตุว่าเกิดจากอะไร โดยจะขอให้ลดราคา
หรือจัดสินค้าธงฟ้าแทรกแซงช่วยเหลือประชาชน
รายงานข่าวจากกระทรวงพาณิชย์แจ้งว่า
ราคาเนื้อสัตว์ที่ ยังสูงได้แก่ เนื้อหมูกก.ละ 125- 130 บาท