อลงกรณ์สั่งยุบ ฉก.ปราบสินค้าละเมิดลิขสิทธิ์

“อลงกรณ์” สั่งยุบชุดเฉพาะกิจปราบปรามสินค้าละเมิดทรัพย์สินทางปัญญา อ้างเพื่อความโปร่งใส “พาณิชย์" ยันงานไม่สะดุด

นายสัญญา สถิรบุตร ประธานที่ปรึกษานายอลงกรณ์ พลบุตร รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงพาณิชย์ เปิดเผยว่า นายอลงกรณ์ ในฐานะประธานคณะทำงานป้องกันและปราบปรามการละเมิดทรัพย์สินทางปัญญา ได้เซ็นคำสั่งยุบชุดเฉพาะกิจ ด้านการสืบสวนและปราบปรามการละเมิดทรัพย์สินทางปัญญาแล้ว เพื่อทบทวนบทบาทและภารกิจการทำงาน ส่งผลให้ขณะนี้จึงไม่มีชุดเฉพาะกิจดังกล่าวออกปฏิบัติงาน หากมีการแอบอ้างใช้ชื่อชุดเฉพาะกิจเข้าทำการตรวจค้นจับกุม หรือเรียกร้องผลประโยชน์ ขอให้ผู้ที่ได้รับความเสียหายแจ้งความดำเนินคดีได้ทันที

“สาเหตุที่ต้องยุบชุดเฉพาะกิจดังกล่าว เพราะมีการตั้งข้อสงสัยถึงตัวบุคคลที่เข้ามาทำงาน และเพื่อความโปร่งใสว่าทำงานโดยไม่มีอะไรแอบแฝง รัฐมนตรีช่วยว่าการฯ จึงขอให้ยุบไปก่อน ส่วนการแก้ปัญหาขณะนี้ได้ให้เป็นหน้าที่ของตำรวจเข้ามาดูแลปราบปรามแทน แต่อนาคตต้องตั้งชุดใหม่ขึ้นมาอีก แต่จะมีการพิจารณาถึงตัวบุคคลที่เข้ามาทำงานอย่างรอบคอบ" นายสัญญา กล่าว

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ชุดเฉพาะกิจที่ถูกยุบไปดังกล่าว มีข้าราชการจากหน่วยงานต่างๆ เข้ามาทำงาน โดยมีเจ้าหน้าที่จากสำนักงานตำรวจแห่งชาติ (สตช.) กองอำนวยการรักษาความมั่นคงในประเทศ (กอ.รมน.) และกรมทรัพย์สินทางปัญญา ฯลฯ ร่วมกันปฏิบัติการ  แต่หลังจากที่มีการจับกุมสินค้าละเมิดทรัพย์สินทางปัญญาบริเวณย่านการค้าพัฒนพงษ์ เมื่อคืนวันที่ 6 พ.ค. ที่ผ่านมา ได้มีการร้องเรียนว่า เจ้าหน้าที่กระทำการเกินเหตุ มีการทำร้ายร่างกาย และกระทำการจับกุมด้วยวิธีการที่รุนแรง

สตช.สั่งท้องที่ปราบละเมิดลิขสิทธิ์

ด้าน นางปัจฉิมา ธนสันติ รองอธิบดีกรมทรัพย์สินทางปัญญา กล่าวว่า แม้จะยุบชุดเฉพาะกิจดังกล่าวไป แต่สำนักงานตำรวจแห่งชาติ (สตช.) ได้จัดประชุมติดตามผลการปฏิบัติในการป้องกันปราบปรามการละเมิดทรัพย์สินทางปัญญา เมื่อวันที่ 13 พ.ค. ที่ผ่านมา โดยมอบหมายให้ตำรวจท้องที่ทุกท้องที่เป็นหน่วยงานหลักในการประสานภาคเอกชน เพื่อปราบปรามการละเมิดทรัพย์สินทางปัญญา หากเกิดขีดความสามารถ ก็ให้ประสานขอชุดเฉพาะกิจของกองบัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง หรือชุดเฉพาะกิจของ สตช. เข้าร่วมปราบปรามด้วย

ขณะเดียวกัน ได้กำหนดมาตรการลงโทษตำรวจท้องที่ ที่ละเว้นการปฏิบัติและปล่อยให้มีการละเมิดให้มีการค้าสินค้าละเมิดลิขสิทธิ์ด้วย เนื่องจากการผลิต การจำหน่าย และการนำเข้าส่งออกสินค้าละเมิดฯ ถือเป็นการกระทำที่ผิดกฎหมาย

"การค้าสินค้าละเมิดลิขสิทธิ์ มิใช่เป็นเรื่องค้าขายธรรมดาอีกต่อไป แต่เป็นการบ่อนทำลายเศรษฐกิจของประเทศอย่างร้ายแรง หากละเลยเจ้าหน้าที่ต้องมีความผิดด้วย และได้สั่งให้รายงานผลการปฏิบัติต่อสตช.ทุกเดือนอีกด้วย"
ยังมีหน่วยจรยุทธ์ร่วมจับกุม

อย่างไรก็ตาม การปราบปรามสินค้าดังกล่าว ยังคงมีชุดจรยุทธ์ปราบปรามการละเมิดทรัพย์สินทางปัญญาของกรมทรัพย์สินทางปัญญา ร่วมกับกองบังคับการปราบปรามอาชญากรรมทางเศรษฐกิจและเทคโนโลยี และเจ้าของทรัพย์สินทางปัญญา ซึ่งจะเข้าร่วมจับกุมกับเจ้าหน้าที่ทุกครั้ง

"ชุดจรยุทธ์ฯ ยังคงปฏิบัติงานตามปกติ และในการจับกุมทุกครั้ง จะมีเจ้าหน้าที่ทั้ง 3 หน่วยงานเข้าร่วมปฏิบัติงานทุกครั้ง อีกทั้งหลังจากการจับกุมจะส่งดำเนินคดีทุกราย ไม่มีการยอมความอย่างเด็ดขาด หากมีใครแอบอ้างเข้าทำการจับกุม แล้วเรียกรับผลประโยชน์ตอบแทน ขอให้แจ้งความดำเนินคดีได้ทันที และแจ้งข้อมูลได้ที่โทร.0-2547-4703"

ขอขอบคุณ เนื้อหาประกอบข่าวจาก กรุงเทพธุรกิจ