นายกฯยันเก็บภาษีมรดก เพื่อความเป็นธรรมในสังคม
ข่าวทนายคลายทุกข์วันนี้ เป็นข่าวความเคลื่อนไหวที่ นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ
นายกรัฐมนตรี กล่าวถึงความชัดเจนในการพิจารณาจัดเก็บภาษีมรดก และภาษีที่ดินและสิ่งปลูกสร้าง
เพื่อหารายได้เข้ารัฐเพิ่มเติม ว่า เรื่องนี้เป็นนโยบายของรัฐบาล ซึ่งนายกรณ์ จาติกวณิช รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง
ได้พูดมาตั้งแต่ต้นรัฐบาล เพียงแต่เป็นภาษีใหม่ การดำเนินการต้องทำเป็นกฎหมาย ซึ่งมีรายละเอียดค่อนข้างมาก
คงต้องใช้เวลา ดังนั้นหลักสำคัญที่รัฐบาลดำเนินการในขณะนี้ คงไม่ใช่ตรงนั้น
ประเด็นคือขณะนี้เกิดผลกระทบต่อเศรษฐกิจ
รัฐบาลจึงต้องลงทุนเพื่อให้ประเทศไทยมีความพร้อมในภาวะที่ภาคเอกชนยังลังเล การส่งออกได้รับผลกระทบ
ผู้บริโภคไม่มั่นใจ รัฐบาลต้องทำหน้าที่ลงทุนในสิ่งที่เราขาดแคลนเพื่อให้สามารถแข่งขันได้
และเป็นการกระตุ้นเศรษฐกิจไปในตัว ปัญหาคือเราจะเอาเงินมาจากไหน ซึ่งรัฐบาลไม่มีแนวคิดจะขึ้นภาษีเงินได้
เพราะขณะนี้การจัดเก็บภาษีเงินได้บุคคลธรรมดาและนิติบุคคลอยู่ในอัตราค่อนข้างสูงอยู่แล้ว
จึงเลือกเก็บภาษีสรรพสามิต เช่น เหล้า ซึ่งคิดว่าทุกคนน่าจะยอมรับได้ ส่วนภาษีน้ำมัน
แม้จะมีการขยายเพดานภาษีขึ้นไป แต่ในช่วงแรกกองทุนน้ำมันจะเข้ามาดูแลชดเชย ซึ่งจะไม่กระทบ
หรือทำให้ต้นทุนเพิ่มขึ้น ส่วนภาษีทรัพย์สินและมรดกเป็นเรื่องที่จะทำให้เกิดความเป็นธรรมในสังคม
ก็ต้องเดินหน้าในส่วนนั้น
ผู้สื่อข่าวถามว่า หลายฝ่ายมองว่าเหตุที่รัฐบาลดึงเรื่องการเก็บภาษีที่ดินและมรดก
เพราะเกรงกระทบคนรวย และหัวคะแนนนักการเมือง นายอภิสิทธิ์กล่าวว่า ไม่ใช่ ที่ผ่านมาไม่เคยมีรัฐบาลไหนในอดีตระบุชัดว่าจะทำ
แต่กฎหมายและการวางระบบต้องทำอย่างรอบคอบ เพราะในหลายประเทศก็มีการปรับเปลี่ยนเรื่องภาษีมรดกค่อนข้างมาก
เพราะมันมีวิธีหลบเลี่ยงอยู่เหมือนกัน แต่ภาษีทรัพย์สินน่าจะเร็วกว่า เพราะมีการศึกษามาแล้วหลายครั้ง
แต่ทำไม่สำเร็จสักที ครั้งนี้คิดว่าจะมีการต่อยอดและทำได้สำเร็จ ซึ่งจะสามารถช่วยท้องถิ่นได้มาก
เพราะเป็นแหล่งรายได้ของท้องถิ่นที่สำคัญที่สุด
ขอขอบคุณรายงานข่าวจากหนังสือพิมพ์มติชน