ครม.ลุยขึ้นภาษี เหล้าเบียร์ คอทองแดงอ้วก|ครม.ลุยขึ้นภาษี เหล้าเบียร์ คอทองแดงอ้วก

ครม.ลุยขึ้นภาษี เหล้าเบียร์ คอทองแดงอ้วก

  • ทนายคลายทุกข์ ปรึกษากฎหมาย โทร 02-9485700
  • Email: [email protected]
Header Background Image

งานเผยแพร่ความรู้ทางด้าน กฎหมาย การบริหารการจัดการหนี้สินในองค์กรภาครัฐและภาคเอกชน การฝึกอบรมสัมมนาพัฒนาบุคลากร ในการประกอบธุรกิจ หากหน่วยงานของรัฐ บริษัทห้างร้าน มีความสนใจ เชิญทีมงานไปฝึกอบรมสัมมนาหรือต้องการข้อมูลข่าวสาร ติดต่อได้ที่ 02-948-5700 อ่านต่อ

ท่านใดที่สนใจเกี่ยวกับหลักสูตรฝึกอบรมการติดตามหนี้ ทวงหนี้อย่างไรให้ได้ผล ได้เงิน รักษาภาพลักษณ์ รักษาลูกค้า/หลักสูตรการป้องกันและการปราบปรามการทุจริตภายในองค์กร/หลักสูตรกฎหมายแรงงาน สำหรับเจ้าหน้าที่ฝ่ายบุคคลหรือผู้บริหารบริษัท สนใจโทร.02-9485700 อ่านต่อ

สืบทุกเรื่องที่คุณอยากรู้ มีเรื่องคาใจอยากรู้ความจริง โทรมาคุยกับกุ้งได้ที่ 081-625-2161หรือ 089-669-5026 "อย่าปล่อยให้มีเรื่องคาใจ อะไรที่ไม่สบายใจ ต้องหาทางปลดปล่อย สืบให้รู้ความจริง จะได้จบสิ้นกันเสียที สำหรับความทุกข์ที่คาใจมาเป็นเวลานาน อย่าปล่อยให้คนนอกใจลอยนวล" อ่านต่อ

รับแปลเอกสารต่างๆ อ่านต่อ

ครม.ลุยขึ้นภาษี เหล้าเบียร์ คอทองแดงอ้วก

ข่าวทนายคลายทุกข์วันนี้ เป็นข่าวเกี่ยวกับ ครม.ไฟเขียวอนุมัติขึ้นภาษีเหล้าเบียร์ ตามแผนเพิ่มรายได้กระตุ้นเศรษฐกิ

บทความวันที่ 7 พ.ค. 2552, 00:00

มีผู้อ่านทั้งหมด 301 ครั้ง


ครม

ครม.ลุยขึ้นภาษี เหล้าเบียร์ คอทองแดงอ้วก

 

ข่าวทนายคลายทุกข์วันนี้ เป็นข่าวเกี่ยวกับ ครม.ไฟเขียวอนุมัติขึ้นภาษีเหล้าเบียร์ ตามแผนเพิ่มรายได้กระตุ้นเศรษฐกิจ คอสุราอ้วกจ่ายเพิ่มอีก 2-19 บาท เผยเหล้าขาวปรับขึ้น 1.75-2.5 บาทต่อขวด เหล้าผสม 4-5 บาทต่อขวด บรั่นดี 19 บาท ส่วนเบียร์ขึ้นขวดละ 4-5 บาท คลังรอสรุปภาษีสรรพสามิตน้ำมัน-บุหรี่ ถ้าปรับเพิ่มได้ทั้ง 3 รายการ คาดรายได้เพิ่ม 7 หมื่นล้านต่อปี

 

เมื่อเวลา 13.30 น. วันที่ 6 พ.ค. ที่ทำเนียบรัฐบาล นายกรณ์ จาติกวณิช รมว.คลัง เปิดเผยว่า ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) มีมติเห็นชอบตามที่กระทรวงการคลังเสนอให้ปรับขึ้นอัตราภาษีสรรพสามิตเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ในสินค้าประเภทเบียร์ สุราขาว สุราผสม และบรั่นดี เพื่อเพิ่มฐานการจัดเก็บรายได้ให้กับรัฐบาล เพิ่มความจูงใจในการลดการบริโภครวมทั้งลดค่าใช้จ่ายทางด้านสาธารณสุขของรัฐบาลในอนาคต โดยมติ ครม.ในครั้งนี้มีผลในเวลา 24.00 น.ของวันที่ 6 พ.ค.2552

 

"การปรับเพิ่มภาษีเหล้า เบียร์ในครั้งนี้เป็นส่วนหนึ่งของแผนเพิ่มรายได้ของรัฐบาลเพื่อนำมาใช้ในโครงการกระตุ้นเศรษฐกิจในระยะยาวตามแผนปฏิบัติการ : ไทยเข้มแข็ง 55 เพื่อเสริมฐานรายได้ของรัฐบาลให้ปรับเพิ่มสูงขึ้น และในการปรับเพิ่มภาษีแต่ละประเภทรัฐบาลจะคำนึงถึงผลกระทบต่อประชาชนในวงกว้างเป็นหลัก โดยในครั้งนี้จะเน้นการปรับเพิ่มภาษีเฉพาะในส่วนที่กรมสรรพสามิตดูแลเท่านั้น ซึ่งจากนี้อยู่ระหว่างพิจารณาภาษีอื่นเพิ่มเติม คาดจะมีรายได้จากการปรับโครงสร้างภาษีสรรพสามิตทั้งระบบกว่า 7 หมื่นล้านบาทต่อปี" นายกรณ์กล่าว

 

ทั้งนี้ การเพิ่มภาษีสรรพสามิตเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ครั้งนี้ ได้ปรับเพิ่มภาษีเบียร์ จาก 55 บาท/ลิตร เป็น 60 บาท/ลิตร ซึ่งจะเต็มเพดานการจัดเก็บที่ระบุไว้ ส่วนสุราขาวปรับเพิ่มจาก 110 บาท/ลิตร เป็น 120 บาท/ลิตร สุราผสม ปรับเพิ่มจาก 280 บาท/ลิตร เป็น 300 บาท/ลิตร และบรั่นดีจาก 45% เป็น 48% ซึ่ง 3 รายการหลังยังไม่เต็มเพดานจัดเก็บ และสัดส่วนที่ปรับเพิ่มดังกล่าวเฉลี่ยอยู่ที่ 7-9% คาดจะจัดเก็บรายได้เพิ่มขึ้นต่อปี 6.3 พันล้านบาท ส่วนการปรับเพิ่มภาษีประเภทอื่นอยู่ระหว่างพิจารณารายละเอียดทั้งหมด ซึ่งโดยรวมจะทำให้รายได้ปรับเพิ่มถึง 7 หมื่นล้านบาทต่อปี

 

น.พ.พฤฒิชัย ดำรงรัตน์ รมช.คลัง กล่าวว่า อัตราภาษีสรรพสามิตเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ที่ประกาศขึ้นในครั้งนี้จะส่งผลต่อราคาขายปลีกของเบียร์ เหล้าและบรั่นดี ดังนี้ ราคาขายปลีกเบียร์จะปรับเพิ่มขึ้น 4-5 บาทต่อขวด เหล้าขาวปรับขึ้น 1.75-2.5 บาทต่อขวด เหล้าผสมปรับขึ้น 4-5 บาทต่อขวด และบรั่นดีเพิ่มขึ้น 19 บาทต่อขวด

 

น.พ.พฤฒิชัยกล่าวว่า รายได้ที่เพิ่มขึ้นดังกล่าวยังไม่เพียงพอต่อการนำไปใช้กระตุ้นเศรษฐกิจในระยะยาวตามแผนที่รัฐบาลวางไว้ กระทรวงการคลังโดยกรมสรรพสามิตมีแผนปรับขึ้นภาษีในส่วนของกรมสรรพสามิตอีกครั้งในเร็วๆ นี้เพื่อให้รายได้ของรัฐบาลเพิ่มขึ้นอีก 7 หมื่นล้านบาท ซึ่งกระทรวงการคลังมองภาษีที่จะต้องมีการปรับเพิ่มขึ้นควรจะอยู่ในกลุ่มสินค้าฟุ่มเฟือยที่อยู่ในความดูแลของกรมสรรพสามิต โดยตามแผนมีอยู่หลายรายการที่เตรียมปรับขึ้นเพื่อให้รายได้เป็นไปตามเป้าที่กระทรวงการคลังกำหนดไว้

 

รายงานข่าวจากกระทรวงการคลัง เผยว่า รายการภาษีสรรพสามิตอื่นที่จะปรับขึ้นจะเป็นภาษีบุหรี่ และภาษีสรรพสามิตน้ำมัน โดยทั้งหมดอยู่ระหว่างสรุปรายละเอียด แต่เฉพาะภาษีสรรพสามิตน้ำมันจะปรับขึ้นในอัตรา 2 บาท/ ลิตร ทุกรายการน้ำมัน ซึ่งพบว่าหากมีการปรับภาษีน้ำมันทุกชนิดขึ้น 1 บาท/ลิตร จะทำให้รัฐมีรายได้เพิ่ม 2 พันล้านบาทต่อเดือน หรือ 2.4 หมื่นล้านบาทต่อปี และหากปรับขึ้น 2 บาท/ลิตร จะทำให้มีรายได้เพิ่ม 4.8 หมื่นล้านบาทต่อปี

 

นายวัชระ กรรณิการ์ รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวว่า ในที่ประชุม ครม.ได้รายงานถึงแหล่งรายได้ภาษีของรัฐบาล โดยเบื้องต้นคาดว่าหากรัฐบาลมีการปรับเพิ่มภาษีสรรพสามิตเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ ยาสูบ และน้ำมัน รวม 3 รายการนี้ จะทำให้รัฐบาลสามารถจัดเก็บรายได้เพิ่มอีกประมาณ 6-7 หมื่นล้านบาท ซึ่งนายกรัฐมนตรีได้กำชับในที่ประชุม ครม. ว่า เรื่องการปรับเพิ่มภาษีสรรพสามิตนั้นต้องดำเนินการอย่างรวดเร็ว รอบคอบ และที่สำคัญคือ ประชาชนจะได้รับความเดือดร้อนน้อยที่สุด

 

นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี กล่าวถึงแนวทางการปรับขึ้นภาษีสรรพสามิตน้ำมันว่า ขณะนี้ยังไม่ทำอะไรที่ส่งผลกระทบไปถึงราคาหน้าปั๊ม เมื่อถามว่าแนวทางหมายถึงอาจจะต้องไปลดการเก็บเงินเข้ากองทุนน้ำมันเชื้อเพลิงเพื่อไม่ให้กระทบกับราคาหน้าปั๊มใช่หรือไม่ นายกฯ กล่าวว่า "วันนี้ผมยืนยันว่าในช่วงระยะข้างหน้าตรงนี้ไม่มีอะไรกระทบราคาหน้าปั๊มแน่"

 

รายงานข่าวแจ้งว่า น.พ.วรรณรัตน์เรียกประชุมคณะกรรมการบริหารนโยบายพลังงาน (กบง.) เป็นกรณีพิเศษหลังจากประชุม ครม. แล้วเสร็จ โดยแนวทางที่กระทรวงพลังงานเตรียมไว้ดูแลคือการใช้เงินกองทุนน้ำมันเชื้อเพลิงที่ขณะนี้มีอยู่ถึง 16,000 ล้านบาทในการเข้าไปดูแล ซึ่งวันที่สรรพสามิตน้ำมันมีผลปรับขึ้น กระทรวงพลังงานจะปรับลดการนำส่งเงินเข้ากองทุนน้ำมันฯ ทันทีเพื่อช่วยไม่ให้ราคาน้ำมันหน้าปั๊มปรับขึ้นจนกระทบประชาชน หลังจากนั้นจะดูจังหวะราคาน้ำมันช่วงขาลงในการปรับขึ้นกองทุนน้ำมันฯ ที่ลดให้ไป หรืออาจจะใช้วิธีทยอยปรับขึ้นราคาเป็นช่วงๆ ครั้งละไม่เกิน 50 ส.ต./ลิตรเพื่อไม่ให้กระทบประชาชน หากปรับขึ้นภาษี 2 บาทจะต้องใช้เงินในการดูแลราคาน้ำมันประมาณ 4,000 ล้านบาท/เดือน อย่างไรก็ตามขณะนี้คงต้องรอความชัดเจนจากกระทรวงการคลังว่าจะดำเนินการในเรื่องนี้อย่างไร

 

รายงานข่าวจากกระทรวงการคลัง เปิดเผยว่า ครม.เห็นชอบการขยับกรอบเพดานภาษีสรรพสามิตน้ำมันให้ขึ้นอีก 2 บาท/ลิตรทุกประเภท แต่จะขึ้นเมื่อใดนั้นต้องให้ทางกรมสรรพสามิตออกประกาศอัตราใหม่ที่ชัดเจนเสียก่อนคาดว่าจะมีผลในเร็วๆ นี้ และการที่ยังไม่มีการประกาศที่ชัดเจนก็เพราะหวั่นเกรงว่าจะมีการกักตุนน้ำมัน

 

ที่ตลาดประชานิเวศน์ ผู้สื่อข่าวรายงานว่า หลัง ครม.มีมติให้ปรับขึ้นราคาสุรามีผลตั้งแต่เวลาเที่ยงคืนวันที่ 7 พ.ค.ปรากฏว่า จากการสำรวจพบว่าร้านค้าสะดวกซื้อ ทั้งเซเว่นอีเลฟ เว่น และท็อปซูเปอร์มาเก็ต ยังคงราคาเดิม เนื่องจากยังไม่ปรับเปลี่ยนป้ายราคาที่จำหน่ายสุราในขณะนี้ได้ทัน ต้องรอช่วงเปลี่ยนผลัดเวรพนักงานชุดใหม่ที่มาทำหน้าที่ ซึ่งจะมีการเช็ก สต๊อกตอนนั้นอาจจะมีการปรับราคาขึ้น ประกอบกับช่วงเวลาที่ให้ขึ้นราคาเหล้านั้นเป็นช่วงเที่ยงคืน ซึ่งตามกฎหมายไม่สามารถจำหน่ายได้ ดังนั้น หากจะขึ้นราคาก็ต้องเป็นช่วงเช้าวันที่ 7 พ.ค. ส่วนร้านค้าประเภทค้าส่งก็ยังไม่มีการปรับราคา เนื่องจากสินค้าที่ได้สั่งมานั้นพอดีกับที่จะต้องจำหน่ายให้ลูกค้าประจำ ซึ่งหากจะมีการปรับต้องรอวันที่ 7 พ.ค.เช่นกัน

 

สำหรับการขึ้นภาษีดังกล่าวนั้น เบียร์ จาก 55 บาทต่อลิตรเป็น 60 บาทต่อลิตร หรือเพิ่มขึ้น 5.5% หรือเพิ่มขึ้นขวดละ 4-5 บาท สุราขาว จาก 110 บาทต่อลิตรเป็น 120 บาทต่อลิตร หรือเพิ่มขึ้น 9.1% หรือขวดละ 1.75-2.50 บาท สุราผสม จาก 280 บาทต่อลิตรเป็น 300 บาทต่อลิตร เพิ่มขึ้น 7.1% หรือเพิ่มขึ้นขวดละ 4-5 บาท และบรั่นดี จาก 45% เป็น 48% เพิ่มขึ้น 6.7% หรือเพิ่มขึ้นขวดละ 19 บาท

 

นายประดิษฐ์ ภัทรประสิทธิ์ รมช.คลัง เปิดเผยว่า การจัดเก็บรายได้ของกรมจัดเก็บรายได้ที่สำคัญ 3 แห่ง ในช่วง 7 เดือนแรกของปีงบประมาณ 52 สามารถเก็บรายได้ทั้งสิ้น 714,412 ล้านบาท ต่ำกว่าเป้าที่ประมาณไว้ที่ 817,405 ล้านบาท จำนวน 102,993 ล้านบาท หรือ 12.59% โดยกรมศุลกากรจัดเก็บต่ำกว่าเป้ามากที่สุด 18.13% โดยผลการจัดเก็บประกอบด้วย กรมสรรพากรจัดเก็บได้ทั้งสิ้น 518,693 ล้านบาท ต่ำกว่าเป้า 61,933 ล้านบาท หรือ 10.67% ขณะที่กรมศุลกากรจัดเก็บรายได้ทั้งสิ้น 47,426 ล้านบาท ต่ำกว่าเป้า 10,504 ล้านบาท หรือ 18.13% และกรมสรรพสามิตจัดเก็บได้ทั้งสิ้น 148,293 ล้านบาท ต่ำกว่าเป้า 30,556 ล้านบาท หรือ 17.08%

ขอขอบคุณ รายงานข่าวจากหนังสือพิมพ์ข่าวสด

 

 

แสดงความเห็น

ข่าวที่มีผู้อ่านมาก