รู้จักโครงการ . . . เรียนฟรี
15 ปี
หลังคณะรัฐมนตรีในรัฐบาลนายกรัฐมนตรี นาย
ที่มาของโครงการ
"โครงการเรียนฟรี 15 ปี
อย่างมีคุณภาพให้มากกว่าที่รัฐธรรมนูญกำหนด"
เป็นนโยบายที่รัฐบาลแถลงเป็นคำมั่นไว้ต่อรัฐสภา
คำว่า ฟรี 15 ปี คือ ฟรีตั้งแต่ชั้นอนุบาลจนถึงขั้นมัธยมศึกษาตอนปลาย
รวมทั้งประกาศนียบัตรวิชาชีพ (ปวช.)
และการศึกษานอกโรงเรียนและการศึกษาตามอัธยาศัย (กศน.)
ให้กับทั้งโรงเรียนรัฐบาล โรงเรียนเอกชน
และโรงเรียนสังกัดองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น ถ้าเป็นโรงเรียนรัฐบาลค่าเล่าเรียนฟรี 100 เปอร์เซ็นต์
ส่วนโรงเรียนเอกชนรัฐจะจ่ายเงินช่วยเหลือมากขึ้นโดยผู้ปกครองจ่ายลดลงจากร้อยละ 40 เหลือเพียงร้อยละ 30
ถ้าเด็กคนไหนสละสิทธิ์จะมีใบประกาศเกียรติคุณให้
โดยเงินจำนวนนี้จะนำไปพัฒนาโรงเรียนที่ด้อยโอกาสพัฒนาถึง 600
โรงเรียนทั่วประเทศ
โดยในส่วนของงบประมาณที่รัฐช่วยเหลือนั้นมี 5 ส่วนด้วยกัน คือ
• ค่าเล่าเรียน
• แบบเรียน
• เสื้อผ้า
• ค่าอุปกรณ์การเรียน
• กิจกรรมพัฒนาผู้เรียน
โดยจะได้รับเงินสดไปจัดซื้อเอง 2 ส่วน คือ ค่าเสื้อผ้าและค่าอุปกรณ์การเรียน
ทั้งนี้ โครงการเรียนฟรี 15 ปี อย่างมีคุณภาพ
จึงเป็นโครงการที่นอกจากสะท้อนให้เห็นความตั้งใจจริงของรัฐบาลในการส่งเสริมสนับสนุนด้านการศึกษาและการลงทุนด้านปัญญา
ยังเป็นโครงการที่ช่วยลดภาระของผู้ปกครอง และเปิดโอกาสให้เด็กไทยทุกคนได้เข้าถึงการศึกษาที่มีคุภาพอย่างทั่วถึงเท่าเทียม
โดยมีกำหนดการเปิดใช้คือ เมื่อเปิดภาคเรียนที่ 1/2552
วัตถุประสงค์ของโครงการ
เพื่อให้นักเรียนทุกคนมีโอกาสได้รับการศึกษาโดยไม่เสียค่าใช้จ่าย สําหรับรายการหนังสือเรียน อุปกรณ์การเรียน
เครื่องแบบนักเรียน และกิจกรรมพัฒนาผู้เรียน ที่ภาครัฐให้การสนับสนุน
สาระสําคัญของนโยบาย
คณะรัฐมนตรีเห็นชอบงบประมาณรายจ่ายเพิ่มเติม ประจําปีงบประมาณ
พ.ศ. 2552 เมื่อวันที่ 13 มกราคม 2552
เพื่อใช้จ่ายเป็นค่าเล่าเรียน (เพิ่มเติมสําหรับการศึกษาของเอกชน)
หนังสือเรียน อุปกรณ์การเรียน เครื่องแบบนักเรียน และกิจกรรมพัฒนาคุณภาพผู้เรียน
ตามแผนงานเสริมสร้างรายได้พัฒนาคุณภาพชีวิตและความมั่นคงด้านสังคม
โครงการสนับสนุนการจัดการศึกษาโดยไม่เสียค่าใช้จ่าย 15 ปี
สําหรับสํานักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน
มีดังนี้…
• ค่าหนังสือเรียน 4,203,370,800 บาท
• ค่าอุปกรณ์การเรียน 1,531,983,800
บาท
• ค่าเครื่องแบบนักเรียน 3,158,678,100
บาท
• ค่ากิจกรรมพัฒนาคุณภาพผู้เรียน 2,117,506,400 บาท
• รวมทั้งสิ้น 11,011,539,100 บาท
ซึ่งในแต่ละรายการมีรายละเอียด
ดังนี้
หนังสือเรียน
หนังสือเรียนมีรายละเอียดดังนี้
1. ระดับก่อนประถมศึกษา ใช้หนังสือเสริมประสบการณ์สําหรับเด็กปฐมวัย
2. ระดับประถมศึกษา และระดับมัธยมศึกษา
ใช้หนังสือเรียนทั้ง 8 กลุ่มสาระทุกระดับชั้น โดยมีอัตราค่าหนังสือดังนี้
. . .
• ก่อนประถมศึกษา 200.00 บาท/คน
• ชั้นประถมศึกษาปีที่ 1 483.20 บาท/คน
• ชั้นประถมศึกษาปีที่ 2 347.20 บาท/คน
• ชั้นประถมศึกษาปีที่ 3 365.60 บาท/คน
• ชั้นประถมศึกษาปีที่ 4 580.00 บาท/คน
• ชั้นประถมศึกษาปีที่ 5 424.00 บาท/คน
• ชั้นประถมศึกษาปีที่ 6 496.00 บาท/คน
• ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 1 739.20 บาท/คน
• ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 2 564.80 บาท/คน
• ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 3 560.00 บาท/คน
• ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 4 1,160.80 บาท/คน
• ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 5 805.60 บาท/คน
• ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 6 763.20 บาท/คน
อุปกรณ์การเรียน
อุปกรณ์การเรียนที่จําเป็นสําหรับนักเรียน
ประกอบด้วย แบบฝึกหัดกลุ่มสาระการเรียนรู้ (ระดับประถมศึกษา ประกอบด้วย คณิตศาสตร์
ภาษาไทย และภาษาอังกฤษ) สมุด ปากกา ดินสอ ยางลบ ไม้บรรทัด เครื่องมือเรขาคณิต
วัสดุฝึก ICT
(CD) สําหรับผู้เรียนชั้นประถมศึกษาปีที่
1 - ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 6 และกระดาษ A4 สีเทียน ดินน้ำมันไร้สารพิษ สําหรับผู้เรียนระดับก่อนประถมศึกษาในอัตรา
ดังนี้
• ก่อนประถมศึกษา 100 บาท/ภาคเรียน
• ประถมศึกษา 195 บาท/ภาคเรียน
• มัธยมศึกษาตอนต้น 210 บาท/ภาคเรียน
• มัธยมศึกษาตอนปลาย 230 บาท/ภาคเรียน
เครื่องแบบนักเรียน
เครื่องแบบนักเรียน ประกอบด้วย เสื้อ, กางเกง และกระโปรง คนละ 2 ชุด/ปี ในอัตรา
• ก่อนประถมศึกษา 300 บาท/คน
• ประถมศึกษา 360 บาท/คน
• มัธยมศึกษาตอนต้น 450 บาท/คน
• มัธยมศึกษาตอนปลาย 500 บาท/คน
• อาชีวะศึกษา 1,000 บาท/คน
กรณีนักเรียนมีชุดนักเรียนเพียงพอแล้ว สามารถซื้อเข็มขัด รองเท้า ถุงเท้า
ชุดลูกเสือ/เนตรนารี/ยุวกาชาด/ชุดกีฬาได้
กรณีการจัดซื้อชุดนักเรียนที่ต่างไปจากชุดนักเรียนปกติและราคาสูงกว่าที่กําหนด วงเงินดังกล่าวอาจซื้อได้เพียง 1 ชุด
อย่างไรก็ตาม ผู้ปกครองมีสิทธิจะเลือกซื้อชุดนักเรียนของร้านค้าใดก็ได้
หรือจะรวมกลุ่มกันจ้างกลุ่มแม่บ้านในชุมชนตัดเย็บให้ก็ได้
เช่นเดียวกันกับอุปกรณ์การเรียน ผู้ปกครองจะเลือกซื้ออุปกรณ์ประเภทใดก็ได้
ไม่มีการบังคับ กระทรวงแค่ให้แนวทาง โดยจัดทำรายการแนะนำอุปกรณ์ที่ควรซื้อ
โดยจะแบ่งจ่าย 2 ครั้ง
กิจกรรมพัฒนาคุณภาพผู้เรียน
กิจกรรมพัฒนาคุณภาพผู้เรียนเป็นกิจกรรมพัฒนาผู้เรียนที่สถานศึกษา จัดขึ้น
ประกอบไปด้วย
1. กิจกรรมวิชาการ
2. กิจกรรมคุณธรรม/ลูกเสือ/เนตรนารี/ยุวกาชาด
3. ทัศนศึกษา
4. การบริการสารสนเทศ/ICT
ทั้งนี้ ในการพิจารณากําหนดกิจกรรมทั้ง 4 กิจกรรม
ต้องให้ภาคี 4 ฝ่าย (ผู้แทนครู ผู้แทนผู้ปกครอง ผู้แทนชุมชน
และผู้แทนกรรมการนักเรียน) และคณะกรรมการสถานศึกษาขั้นพื้นฐาน
มีส่วนร่วมในการพิจารณา
โดยที่ผลการพิจารณาต้องไม่เป็นการรอนสิทธิ์ของเด็กยากจนและด้อยโอกาสที่พึงจะได้รับ
สำหรับงบประมาณกิจกรรมพัฒนาคุณภาพผู้เรียน ต่อนักเรียน 1 คน
มีดังนี้
• ก่อนประถมศึกษา 215 บาท/ภาคเรียน
• ประถมศึกษา 240 บาท/ภาคเรียน
• มัธยมศึกษาตอนต้น 440 บาท/ภาคเรียน
• มัธยมศึกษาตอนปลาย 475 บาท/ภาคเรียน
ประโยชน์ที่คาดว่าจะได้รับ
1. นักเรียนสังกัดสํานักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน
ได้รับการสนับสนุนรายการหนังสือเรียน อุปกรณ์การเรียน เครื่องแบบนักเรียน
และกิจกรรมพัฒนาคุณภาพผู้เรียนอย่างทั่วถึง และเท่าเทียม
2. นักเรียนมีความพร้อมที่จะเรียน
เนื่องจากได้รับการสนับสนุนหนังสืออุปกรณ์การเรียน และเครื่องแบบนักเรียนครบทุกคน
3. สถานศึกษาสามารถจัดกิจกรรมพัฒนาผู้เรียนอย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น
4. ผู้ปกครองนักเรียนได้รับการบรรเทาภาระค่าครองชีพ
เนื่องจากลดค่าใช้จ่ายในเรื่องหนังสือแบบเรียน อุปกรณ์การเรียน เครื่องแบบนักเรียน
กิจกรรมพัฒนาคุณภาพผู้เรียน สามารถนําเงินส่วนนี้ไปใช้ในชีวิตประจําวันในเรื่องอื่นๆ ได้ เป็นการกระตุ้นเศรษฐกิจได้อีกทางหนึ่ง
อย่างไรก็ตาม ได้มอบให้สำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน (สพฐ.) สำนักงานคณะกรรมการการอาชีวศึกษา(สอศ.)
และสำนักงานคณะกรรมการการอุดมศึกษา(สกอ.)
ไปคิดระบบป้องกันเรื่องนี้ โดยอาจกำหนดให้ผู้ปกครองต้องนำใบเสร็จ หรือชุดนักเรียนที่ซื้อมายืนยันกับโรงเรียน
รวมทั้งให้คิดระบบติดตามตรวจสอบด้วย โดยอาศัยกลไกของสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษา
และผู้ตรวจราชการกระทรวงศึกษาธิการ
นอกจากนั้นจะให้มีการรณรงค์ให้นักเรียนที่สามารถช่วยตัวเองได้สละสิทธิ์ในการรับเงินค่าชุดนักเรียนและอุปกรณ์การเรียน
โดยมีเป้าหมายว่า จะนำเงินที่เหลือจากการสละสิทธิ์ไปใช้พัฒนาโรงเรียนด้อยโอกาส
และยากจนทั่วประเทศ
นอกจากนี้คุณหญิง
ขอขอบคุณ ข้อมูลจาก www.kapook.com ที่เอื้อเฟื้อข้อมูลสาธารณะ