ทางแก้ของลูกหนี้เมื่อถูกฟ้องล้มละลาย|ทางแก้ของลูกหนี้เมื่อถูกฟ้องล้มละลาย

ทางแก้ของลูกหนี้เมื่อถูกฟ้องล้มละลาย

  • ทนายคลายทุกข์ ปรึกษากฎหมาย โทร 02-9485700
  • Email: [email protected]
Header Background Image

งานเผยแพร่ความรู้ทางด้าน กฎหมาย การบริหารการจัดการหนี้สินในองค์กรภาครัฐและภาคเอกชน การฝึกอบรมสัมมนาพัฒนาบุคลากร ในการประกอบธุรกิจ หากหน่วยงานของรัฐ บริษัทห้างร้าน มีความสนใจ เชิญทีมงานไปฝึกอบรมสัมมนาหรือต้องการข้อมูลข่าวสาร ติดต่อได้ที่ 02-948-5700 อ่านต่อ

ท่านใดที่สนใจเกี่ยวกับหลักสูตรฝึกอบรมการติดตามหนี้ ทวงหนี้อย่างไรให้ได้ผล ได้เงิน รักษาภาพลักษณ์ รักษาลูกค้า/หลักสูตรการป้องกันและการปราบปรามการทุจริตภายในองค์กร/หลักสูตรกฎหมายแรงงาน สำหรับเจ้าหน้าที่ฝ่ายบุคคลหรือผู้บริหารบริษัท สนใจโทร.02-9485700 อ่านต่อ

สืบทุกเรื่องที่คุณอยากรู้ มีเรื่องคาใจอยากรู้ความจริง โทรมาคุยกับกุ้งได้ที่ 081-625-2161หรือ 089-669-5026 "อย่าปล่อยให้มีเรื่องคาใจ อะไรที่ไม่สบายใจ ต้องหาทางปลดปล่อย สืบให้รู้ความจริง จะได้จบสิ้นกันเสียที สำหรับความทุกข์ที่คาใจมาเป็นเวลานาน อย่าปล่อยให้คนนอกใจลอยนวล" อ่านต่อ

รับแปลเอกสารต่างๆ อ่านต่อ

ทางแก้ของลูกหนี้เมื่อถูกฟ้องล้มละลาย

คำพิพากษาฎีกาที่ 1885/2542 เมื่อโจทก์บังคับคดีแล้ว จำเลยทั้งสองได้ผ่อนชำระเงินให้แก่โจทก์ครั้งละ 10,000 บาทบ้าง ครั้งละ 15,000 บาทบ้าง

บทความวันที่ 19 มี.ค. 2552, 00:00

มีผู้อ่านทั้งหมด 3799 ครั้ง


ทางแก้ของลูกหนี้เมื่อถูกฟ้องล้มละลาย

ลูกหนี้นำสืบได้ว่าอาจชำระหนี้ได้ทั้งหมด

            คำพิพากษาฎีกาที่ 1885/2542 เมื่อโจทก์บังคับคดีแล้ว จำเลยทั้งสองได้ผ่อนชำระเงินให้แก่โจทก์ครั้งละ 10,000 บาทบ้าง ครั้งละ 15,000 บาทบ้าง เป็นระยะเวลานานถึง 13 ครั้ง แสดงว่าจำเลยทั้งสองได้ขวนขวายรวบรวมเงินที่จะชำระหนี้ให้แก่โจทก์ ยังมิได้ละเลยที่จะไม่ปฏิบัติตามคำพิพากษา แม้จำเลยทั้งสองเป็นหนี้โจทก์ แต่การที่จะให้บุคคลใดสมควรเป็นบุคคลล้มละลายนั้น ใช่แต่ฟังว่าลูกหนี้เป็นหนี้แล้วต้องเป็นบุคคลล้มละลายเสมอไป ทั้งพฤติการณ์ที่จำเลยทั้งสองเป็นหนี้โจทก์ก็สืบเนื่องมาจากการค้าขายขาดทุน ไม่ปรากฏว่าจำเลยทั้งสองประกอบกิจการ หรือก่อหนี้โดยทุจริต หรือประพฤติเล่นการพนัน จำเลยทั้งสองมิได้เป็นหนี้เจ้าหนี้รายอื่น ๆ อีก โดยสภาพหากให้จำเลยทั้งสองต้องเป็นบุคคลล้มละลายแล้ว นอกจากจำเลยทั้งสองต้องออกจากการทำงาน จำเลยทั้งสองยังต้องขาดสภาพที่จะหาเงินมาชำระหนี้ให้แก่โจทก์และยังก่อให้เกิดความเดือดร้อนแก่ครอบครัวทั้งหมดอีกด้วย เมื่อจำเลยทั้งสองประกอบอาชีพเป็นหลักแหล่งมีที่ทำงานที่แน่นอน มีรายได้ตามภาวะเศรษฐกิจ ที่จะยังชำระหนี้ให้แก่โจทก์บางส่วนได้ ถือได้ว่าจำเลยทั้งสองยังมีความสามารถในการรวบรวมเงินชำระหนี้ กรณีจึงเป็นเหตุอื่นที่ไม่ควรให้จำเลยทั้งสองล้มละลายตามพระราชบัญญัติล้มละลาย ฯ มาตรา 14

คำพิพากษาฎีกาที่ 7566/2545 จำเลยประกอบกิจการรับจ้างทำสื่อโฆษณามาตั้งแต่ปี 2535 และในปัจจุบันยังประกอบการเป็นปกติ แม้ในช่วงระหว่างปี 2540  ถึง 2542 ผลประกอบการยังขาดทุนแต่ก็สามารถลดยอดขาดทุนลงได้มากในปี 2542 ส่วนผลประกอบการในปี 2543 ดีขึ้นมาก แม้เอกสารหนังสือเสนอขอชำระหนี้แก่โจทก์จะมิใช่เอกสารทางบัญชีที่แสดงรายได้และผลกำไรในปี 2543 แต่ก็สามารถนำมาพิจารณาปะรกอบเพื่อแสดงถึงสถานภาพของจำเลยว่าการประกอบกิจการของจำเลยยังสามารถดำเนินต่อไปได้ด้วยดี ประกอบกับโจทก์ยื่นฟ้องคดีนี้หลังจากศาลแพ่งมีคำพิพากษาให้จำเลยชำระหนี้เพียง 1 ปีเศษและจำเลยเคยยื่นข้อเสนอในการชำระหนี้แก่โจทก์ก่อนหน้าถูกฟ้องคดีนี้ซึ่งโจทก์ก็มิได้โต้แย้งว่าจำเลยมิได้ยื่นข้อเสนอเช่นนั้น แสดงว่าจำเลยมิได้ละเลยในการชำระหนี้แก่โจทก์ ดังนั้น เมื่อไม่มีเจ้าหนี้รายอื่นยื่นฟ้องจำเลยและไม่ปรากฎจากพยานหลักฐานโจทก์ให้เห็นเป็นอย่างอื่น แสดงว่าจำเลยยังมีความน่าเชื่อถือในการประกอบกิจการและฐานะทางการเงิน มิใช่เป็นเพียงการคาดคะเน ฉะนั้นเมื่อจำเลยยังประกอบกิจการอยู่เป็นปกติ ยังมีรายได้และผลกำไร จึงอยู่ในวิสัยและมีลู่ทางที่ชำระหนี้แก่โจทก์ได้ กรณีมีเหตุอื่นที่ไม่ควรให้จำเลยล้มละลายตามพระราชบัญญัติล้มละลาย ฯ มาตรา 14

 

คำพิพากษาฎีกาที่ 4098/2548 จำเลยที่ 1 กับเพื่อนได้ร่วมกันกู้ยืมเงินโจทก์เพื่อใช้เป็นทุนในการเปิดคลินิกทันแพทย์ ต่อมาโจทก์ฟ้องจำเลยที่ 1 เป็นคดีแพ่ง โดยจำเลยที่ 1 ไม่ได้ต่อสู้คดีเพราะเห็นว่าเป็นหนี้โจทก์จริง หลังจากนั้น จำเลยที่ 1 ติดต่อชำระหนี้แก่โจทก์อีกหลายครั้งแต่ไม่สามารถตกลงกันได้ และเมื่อถูกฟ้องเป็นคดีล้มลุลาย จำเลยที่ 1 ก็ได้ติดต่อกับเจ้าหน้าที่ของโจทก์อีกเพื่อขอผ่อนชำระหนี้ ปัจจุบันจำเลยที่ 1 ได้ทำงานประจำที่คลินิกทันตกรรม มีรายได้ประมาณไม่ต่ำกว่าเดือนละ 60,000 บาท กรณีเห็นได้ว่าจำเลยที่ 1 กู้ยืมเงินโจทก์มาเพื่อลงทุนในการประกอบอาชีพโดยสุจริต แม้ไม่ประสงบความสำเร็จก็ยังพยายามติดต่อขวนขวายชำระหนี้แก่โจทก์เรื่อยมา การกระทำดังกล่าวย่อมแสดงถึงความรับผิดชอบของจำเลยที่ 1 ในภาระหนี้ที่มีต่อโจทก์ เมื่อพิจารณาถึงฐานะของจำเลยที่ 1 ซึ่งประกอบอาชีพทันตแพทย์และมีรายได้ในการประกอบอาชีพที่แน่นอน ประกอบกับความพยายามโดยสุจริตในการที่จะชำระหนี้ให้แก่โจทก์ และไม่ปรากฏว่าจำเลยที่ 1 เป็นหนี้บุคคลอื่นอีก จำเลยที่ 1 ยังอยู่ในวิสัยที่จะใช้ความรู้ความสามารถของตนหาเงินมาชำระหนี้แก่โจทก์ได้ กรณีจึงถือเป็นเหตุที่ไม่ควรให้จำเลยที่ 1 ล้มละลาย

คำพิพากษาฎีกาที่ 6149/2548 ภริยาจำเลยถือกรรมสิทธิ์ในหุ้นของบริษัท ม. มูลค่า 47,592,508.04 บาท ซึ่งเป็นสินสมรส หุ้นจึงมีส่วนเป็นของจำเลยอยู่ด้วยกึ่งหนึ่ง มูลค่า 23,796,254.02 บาท และมีมูลค่าต่ำกว่ายอดหนี้ตามฟ้องอยู่จำนวน 5,817,188.50 บาท จำเลยย่อมมีสิทธิที่จะนำส่วนของจำเลยในหุ้นออกขายนำเงินมาชำระหนี้ให้โจทก์ได้บางส่วน และหากจำเลยได้รับความช่วยเหลือจากภริยาจำเลยที่จะนำส่วนของภริยาจำเลยในหุ้นดังกล่าวออกขายด้วย เนื่องจากเป็นคู่สมรสกันก็จะสามารถชำระหนี้โจทก์จนครบถ้วนได้ จึงถือได้ว่าจำเลยอาจชำระหนี้ได้ทั้งหมดอันเป็นเหตุมิให้ต้องถูกศาลสั่งพิทักษ์ทรัพย์เด็ดขาดตามพระราชบัญญัติล้มละลายฯ มาตรา 14

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นที่ 2

ขณะนี้โดนฟ้องล้มละลายเนื่องจากไปค้ำประกันเงินกู้ให้เพื่อน ซึ่งเป็นการสลับกันค้ำ ตอนนี้ผู้กู้เพิกเฉยไม่ยอมหาเงินมาชำระเลย ลองไปเจรจากับทางแบงค์แล้วเค้าก็ไม่ยอม แบบนี้ผู้ค้ำต้องทำอย่างไราภแล้วถ้าถึงขั้นที่ศาลต้องอ่านคำพิพากษา ตัวผู้ค้ำจะเป็นยังไง ต้องโดนออกจากงานด้วยใช่หรือไม่ มีสิทธิอะไรที่ช่วยเหลือผู้คำประกันบ้าง

โดยคุณ ผู้เคราะห์ร้าย 30 พ.ย. 2558, 21:24

ความคิดเห็นที่ 1

กรณีที่ถูกฟ้องล้มละลาย แต่เรายังมีชื่อเป็นเจ้าบ้านของบ้านคนอื่นอยู่ไม่ทราบจะมีผลอย่างไรคะ

ถ้าเรามีรถจักรยานยนต์ผ่อนหมดแต่ยังไม่ได้โอนจะมีผลอย่างไรคะ

รบกวนให้คำแนะนำหน่อยได้ไหมคะ เพราะตอนนี้เครียดมากไม่รู้จะทำอย่างไร

โดยคุณ จูลี่ 12 มิ.ย. 2555, 12:39

แสดงความเห็น

ข่าวที่มีผู้อ่านมาก