ข่าวสารทนาย - วิธีการดำเนินคดีผู้บริโภค|ข่าวสารทนาย - วิธีการดำเนินคดีผู้บริโภค

ข่าวสารทนาย - วิธีการดำเนินคดีผู้บริโภค

  • ทนายคลายทุกข์ ปรึกษากฎหมาย โทร 02-9485700
  • Email: [email protected]
Header Background Image

งานเผยแพร่ความรู้ทางด้าน กฎหมาย การบริหารการจัดการหนี้สินในองค์กรภาครัฐและภาคเอกชน การฝึกอบรมสัมมนาพัฒนาบุคลากร ในการประกอบธุรกิจ หากหน่วยงานของรัฐ บริษัทห้างร้าน มีความสนใจ เชิญทีมงานไปฝึกอบรมสัมมนาหรือต้องการข้อมูลข่าวสาร ติดต่อได้ที่ 02-948-5700 อ่านต่อ

ท่านใดที่สนใจเกี่ยวกับหลักสูตรฝึกอบรมการติดตามหนี้ ทวงหนี้อย่างไรให้ได้ผล ได้เงิน รักษาภาพลักษณ์ รักษาลูกค้า/หลักสูตรการป้องกันและการปราบปรามการทุจริตภายในองค์กร/หลักสูตรกฎหมายแรงงาน สำหรับเจ้าหน้าที่ฝ่ายบุคคลหรือผู้บริหารบริษัท สนใจโทร.02-9485700 อ่านต่อ

สืบทุกเรื่องที่คุณอยากรู้ มีเรื่องคาใจอยากรู้ความจริง โทรมาคุยกับกุ้งได้ที่ 081-625-2161หรือ 089-669-5026 "อย่าปล่อยให้มีเรื่องคาใจ อะไรที่ไม่สบายใจ ต้องหาทางปลดปล่อย สืบให้รู้ความจริง จะได้จบสิ้นกันเสียที สำหรับความทุกข์ที่คาใจมาเป็นเวลานาน อย่าปล่อยให้คนนอกใจลอยนวล" อ่านต่อ

รับแปลเอกสารต่างๆ อ่านต่อ

ข่าวสารทนาย - วิธีการดำเนินคดีผู้บริโภค

ทนายคลายทุกข์ขอนำความรู้ทางกฎหมาย เกี่ยวกับวิธีการดำเนินคดีผู้บริโภค

บทความวันที่ 13 ก.พ. 2552, 00:00

มีผู้อ่านทั้งหมด 24199 ครั้ง


คดีผู้บริโภค

ข่าวสารทนาย - วิธีการดำเนินคดีผู้บริโภค

 

ทนายคลายทุกข์ขอนำความรู้ทางกฎหมาย เกี่ยวกับวิธีการดำเนินคดีผู้บริโภค ของฝ่ายประชาสัมพันธ์ ศาลจังหวัดพระนครศรีอยุธยา  มานำเสนอให้ท่านที่มีความประสงค์ต้องการฟ้องคดีผู้บริโภคได้ทราบถึงขั้นตอนและกระบวนการในการดำเนินการ

คดีผู้บริโภค  เป็นคดีระหว่าง ผู้บริโภค / ผู้มีอำนาจฟ้องคดีแทนผู้บริโภค กับ ผู้ประกอบธุรกิจ  ซึ่งพิพาทกัน  อันเนื่องมาจากการบริโภคสินค้าหรือบริการ  และคดีตามกฎหมายเกี่ยวกับความรับผิดต่อความเสียหายที่เกิดขึ้นจากสินค้าที่ไม่ปลอดภัย  หรือคดีแพ่งที่เกี่ยวพันกับคดีข้างต้น  ตัวอย่างเช่น  คดีที่ผู้ประกอบธุรกิจธนาคาร-กิจการสาธารณูปโภค-สินเชื่อรูปแบบต่าง ๆ ฟ้องบังคับให้ลูกค้าชำระหนี้ตามสัญญาต่าง ๆ

           

ส่วนตัวอย่างที่ไม่ใช่คดีผู้บริโภค เช่น  คดีระหว่างบริษัทขายสินค้ากับพ่อค้าคนกลาง/คดีรถหายในห้างสรรพสินค้า (เรื่องละเมิด)  เพราะไม่ได้เนื่องมาจากการบริโภคสินค้าหรือบริการ (เว้นแต่จะได้เก็บค่าจอดรถด้วย)

 

            คดีใดเป็นคดีผู้บริโภค  ย่อมมีวิธีพิจารณาคดีที่ยืดหยุ่นมีผลที่แตกต่างกับคดีแพ่งหลายประการ เช่น  ศาลสั่งให้แก้ไขข้อผิดระเบียบ/ผิดหลงของคู่ความได้  ยกเว้น แบบ การฟ้องร้องคดีและใช้สำเนาเอกสารหรือสืบพยานบุคคลได้  ขยายอายุความความเสียหายที่ต้องใช้เวลาแสดงอาการออกเป็น 3 ปี (มาตรา 9-16)

 

            -  ในกรณีที่มีปัญหาว่าคดีใดเป็นคดีผู้บริโภคหรือไม่  ภายในก่อนวันนัดพิจารณาคู่ความหรือศาลอาจส่งคำฟ้อง  คำให้การ  รายงานกระบวนพิจารณาไปทางโทรสาร  เพื่อขอให้ประธานศาลอุทธรณ์ (กลาง)  เป็นผู้วินิจฉัย (เป็นที่สุด)  -แต่ไม่กระทบถึงกระบวนพิจารณาใด ๆ ที่ได้กระทำไปก่อนที่จะมีคำวินิจฉัย (มาตรา 8)

 

ลักษณะพิเศษของคดีผู้บริโภค

            พ.ร.บ.วิธีพิจารณาคดีผู้บริโภค พ.ศ. 2551  ได้บัญญัติให้มีระบบวิธีพิจารณาคดีที่เอื้อต่อการใช้สิทธิเรียกร้องของผู้บริโภคขึ้น  เพื่อให้ผู้บริโภคที่ได้รับความเสียหายได้รับการความเสียหายได้รับการแก้ไขเยียวยาด้วยความรวดเร็ว  ประหยัด  และมีประสิทธิภาพ  ในขณะเดียวกัน  เป็นการส่งเสริมให้ผู้ประกอบธุรกิจหันมาให้ความสำคัญต่อการพัฒนาคุณภาพของสินค้าและบริการที่ดียิ่งขึ้น

 

            พ.ร.บ.วิธีพิจารณาคดีผู้บริโภค พ.ศ. 2551  (ซึ่งมีผลใช้บังคับในวันที่ 24 สิงหาคม 2551) & ข้อกำหนดของประธานศาลฎีกาว่าด้วยการดำเนินกระบวนพิจารณาและการปฏิบัติต่อหน้าที่ของเจ้าพนักงานคดีในคดีผู้บริโภค พ.ศ. 2551  ได้กำหนดรายละเอียดวิธีพิจารณาคดีผู้บริโภค  แตกต่างจากประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง  หลายประการ (ไม่ให้กับคดีแพ่งเกี่ยวเนื่องกับคดีอาญา)  ดังต่อไปนี้

 

การยื่นฟ้องคดีผู้บริโภค

            การยื่นคำฟ้อง /คำให้การ  คู่ความอาจกระทำด้วยวาจาผ่าน เจ้าพนักงานคดี ก็ได้  ให้เจ้าพนักงานคดีดำเนินการเพื่อให้มีการจดบันทึกรายละเอียดแห่งคำฟ้อง  แล้วให้โจทก์ลงลายมือชื่อ  ทั้งนี้ให้โจทก์เสนอพยานหลักฐานที่เกี่ยวข้องเท่าที่ทำได้มาพร้อมกับคำฟ้อง

 

ให้เจ้าพนักงานคดี  ช่วยเหลือในการจัดทำคำฟ้องตามสมควรแก่กรณี  รวมทั้งให้ตรวจสอบสถานการณ์เป็นนิติบุคคล/ภูมิลำเนาของคู่ความ  (ให้ระบุสถานที่ที่สามารถติดต่อได้โดยสะดวกและหมายเลขโทรศัพท์ของคู่ความไว้ด้วย)  แต่ทั้งนี้ต้องไม่มีลักษณะเป็นการกำหนดรูปคดีทำนองเดียวกับการปฏิบัติหน้าที่ของทนายความ (ตั้งสำนวนปกสีฟ้าขนาด A4)

 

            ในกรณีที่โจทก์ยื่นคำฟ้องเป็นหนังสือ  คำฟ้องไม่ถูกต้องขาดสาระสำคัญในบางเรื่อง  เจ้าพนักงานคดี  อาจให้คำแนะนำโจทก์  เพื่อจัดทำคำฟ้องให้ถูกต้องครบถ้วน  และศาลก็อาจให้แก้ไขคำฟ้องให้ถูกต้อง/ชัดเจนขึ้นก็ได้(มาตรา 19-21,26,ข้อกำหนดฯ ข้อ 6-8)

            -  ในกรณีที่ผู้ประกอบธุรกิจจะฟ้องผู้บริโภคเป็นคดีผู้บริโภคและผู้ประกอบธุรกิจมีสิทธิเสนอคำฟ้องต่อศาลที่ผู้บริโภคมีภูมิลำเนอยู่ในเขตศาลต่อศาลอื่นได้ด้วย  ให้ผู้ประกอบธุรกิจเสนอคำฟ้องต่อศาลที่ผู้บริโภคมีภูมิลำเนาอยู่ในเขตศาลได้เพียงแห่งเดียว (มาตรา 17)

 

            -  ผู้บริโภค/ผู้มีอำนาจฟ้องคดีแทนผู้บริโภค  สามารถฟ้องคดีโดยได้รับการยกเว้นค่าฤชาธรรมเนียมทั้งปวง (รวมทั้งค่านำส่งหมายเรียกและสำเนาคำฟ้อง)  แต่ถ้าผู้บริโภคฯ นำคดีมาฟ้องโดยไม่มีเหตุผลอันสมควร เรียกค่าเสียหายเกินสมควร  ประพฤติตนไม่เรียบร้อยฯ  ศาลสั่งให้ชำระค่าฤชาธรรมเนียมที่ได้รับการยกเว้นทั้งหมดแต่บางส่วนภายในเวลาที่กำหนดก็ได้  หากไม่ปฏิบัติตามศาลมีอำนาจสั่งจำหน่ายคดี (มาตรา 18)

 

การนัดพิจารณา

            -  เมื่อศาลมีคำสั่งรับคำฟ้องแล้ว  ให้ศาลกำหนดวันนัดพิจารณาโดยเร็ว  แต่ต้องไม่เกิน 30 วัน  และออกหมายเรียกจำเลยให้มาศาลตามกำหนดนัดเพื่อพิจารณาไกล่เกลี่ยให้การ  และสืบพยานในวันเดียวกันและสั่งให้โจทก์มาศาลในวันนัดพิจารณานั้นด้วย

            -  การส่งหมายเรียกและสำเนาคำฟ้อง  ศาลอาจสั่งให้ส่งทาง ป.ณ.ลงทะเบียนตอบรับ/ทางเจ้าพนักงานศาลโดยสั่งให้ปิดหมายและย่นระยะเวลาให้มีผลบังคับใช้ได้ทันที/ภายในระยะเวลาที่กำหนด (ก่อนครบ 15 วันตาม ป.วิ.พ. มาตรา 79) ก็ได้  ทั้งนี้ให้ส่งคำแนะนำเกี่ยวกับวิธีปฏิบัติและผลแห่งการที่ไม่มาศาลในวันนัดพิจารณาให้จำเลยทราบด้วย (มาตรา 24, ข้อกำหนดฯ ข้อ 9-11)

 

กรณีคู่ความไม่มาศาลในวันนัดพิจารณา

            -  ในวันนัดพิจารณา  ถ้าโจทก์ไม่มาในวันนัดพิจารณาให้ถือว่า โจทก์ไม่ประสงค์จะดำเนินคดีต่อไป  ให้ศาลสั่งจำหน่ายคดีออกเสียจากสารบบ (เว้นแต่ตามพฤติการณ์จะเห็นสมควรให้พิจารณาและชี้ขาดตัดสินคดีนั้นไปฝ่ายเดียวโดยให้ถือว่าโจทก์ขาดนัดพิจารณา),  หากจำเลยได้รับหมายเรียกแล้วไม่มา  ถ้าไม่ยื่นคำให้การไว้ถือว่าจำเลยขาดนัดพิจารณา (มาตรา 27)

            ถ้าคู่ความไม่มาศาลในวันนัดอื่นที่มิใช่วันนัดพิจารณา  ให้ถือว่าสละสิทธิดำเนินกระบวนการพิจารณาของตน  และทราบกระบวนพิจารณาในนัดนั้นด้วยแล้ว(มาตรา28)

การดำเนินคดีในวันนัดพิจารณา

            ในวันนัดพิจารณาเมื่อคู่ความมาพร้อมกันให้เจ้าพนักงานคดี/ผู้ประนีประนอมประจำศาล (หรือบุคคลที่คู่ความตกลงกัน)  ทำการไกล่เกลี่ยช่วยเหลือให้คู่ความได้เจรจาบรรลุถึงข้อตกลงร่วมกัน,  ถ้ายังไม่สามารถตกลงกันได้ และเห็นควรเลื่อนการนัดพิจารณา  ก็ให้ทำรายงานเสนอต่อศาลเพื่อขออนุญาตเลื่อนการนัดพิจารณาได้ไม่เกิน 3 ครั้ง  ครั้งละไม่เกิน 7 วัน

 

            เพื่อประโยชน์ในการกำหนดประเด็นข้อพิพาทและสืบพยานศาลให้เจ้าพนักงานคดี สอบถามข้อเท็จจริงเบื้องต้นจากคู่ความ  แล้วจัดทำรายงานสรุปข้อเท็จจริงและประเด็นข้อพิพาทเสนอต่อศาลโดยเร็ว (มาตรา 25,ข้อกำหนดฯ ข้อ 14-18 ,ตั้งสำนวนปกสีชมพู)

 

            ผู้ประกอบธุรกิจมี ภารการพิสูจน์  ข้อเท็จจริงเกี่ยวกับการผลิต  การประกอบ  การออกแบบ  ส่วนผสม  การให้บริการที่อยู่ในความรู้เห็นโดยเฉพาะของฝ่ายผู้ประกอบธุรกิจ (มาตรา 29)

 

ผู้ประกอบธุรกิจมี ภาระการพิสูจน์ ข้อเท็จจริงเกี่ยวกับการผลิต การประกอบ การออกแบบ ส่วนผสมการให้บริการ ที่อยู่ในความรู้เห็นโดยเฉพาะของฝ่ายผู้ประกอบธุรกิจ (มาตรา 29)

 

การสืบพยานหลักฐาน

ก่อนสืบพยานให้ศาลแจ้งประเด็นข้อพิพาท ภาระการพิสูจน์ในแต่ละประเด็น และลำดับก่อนหลังให้คู่ความทราบ (มาตรา 32)

ศาลมีอำนาจเรียกพยานหลักฐานมาสืบได้เอง โดยอาจสั่งให้ เจ้าพนักงานคดี ตรวจสอบรวบรวมพยานหลักฐานอันเป็นประเด็นแห่งคดี ตรวจสอบกระบวนการผลิต ตรวจพิสูจน์สินค้าหรือความเสียหายอันเกิดจากการบริโภค / รายละเอียดฯ เกี่ยวกับผู้ประกอบธุรกิจ รวมทั้งประสานงานหรือเรียก ส.ค.บ. หน่วยงาน หรือบุคคลที่เกี่ยวข้องมาให้ข้อมูล / ส่งพยานหลักฐาน เพื่อประกอบการพิจารณาพิพากษาได้ (มาตรา 33, ข้อกำหนด ฯ ข้อ 20-21)

ให้ศาลเป็นผู้ซักถามพยาน (อาจใช้ข้อมูลจากรายงานของเจ้าพนักงานคดีเป็นแนวทางในการซักถามพยาน) คู่ความ/ทนายจะซักถามพยานได้ต่อเมื่อได้รับอนุญาตจากศาล

ศาลอาจให้เจ้าพนักงานคดี ตรวจสอบความถูกต้องสมบูรณ์ของข้อความที่บันทึกภาพ / เสียงการเบิกความ-จัดทำสำเนาเป็นลายลักษณ์อักษร, ให้เจ้าพนักงานคดีช่วยตรวจสอบและดูแลให้คู่ความดำเนินคดีไปตามขั้นตอนของกฎหมาย หากพบข้อบกพร่องก็ให้รายงานศาลพร้อมด้วยแนวทางแก้ไขโดยเร็ว (มาตรา 34 ข้อกำหนดฯ ข้อ 22-24)

 

วิธีการชั่วคราวก่อนพิพากษา

การสั่งวิธีการชั่วคราวก่อนยื่นฟ้องคดี ศาลอาจให้เจ้าพนักงานคดีตรวจสอบข้อเท็จจริงและทำความเห็นเกี่ยวกับวิธีการชั่วคราวที่เหมาะสม

นอกจากวิธีการชั่วคราวตาม ป.วิ.พ. ศาลอาจสั่งให้ผู้ประกอบธุรกิจกระทำการ / ห้ามกระทำการเพื่อบรรเทาความเสียหาย ป้องกันเหตุที่ก่อให้เกิดความเสียหายแก่คู่ความ / ผู้บริโภคเป็นส่วนรวม เช่นประกาศให้ผู้บริโภคทราบข้อมูลโดยถูกต้องครบถ้วน ให้จำหน่ายสินค้า / บริการภายให้เงื่อนไขที่ศาลเห็นสมควร ทั้งนี้ให้ศาลสั่งเท่าที่จำเป็นและไม่เกินสมควรแก่กรณีโดยคำนึงถึงผลกระทบทางเศรษฐกิจและประโยชน์ในการคุ้มครองผู้บริโภคโดยรวม (มาตรา 56-63, ข้อกำหนดฯ ข้อ 25-27)

 

คำพิพากษา / คำสั่งชี้ขาดตัดสินคดี

ศาลให้เจ้าพนักงานคดีตรวจสอบข้อเท็จจริงและทำความเห็นเพื่อประกอบการทำคำพิพากษา / คำสั่ง โดยต้องให้คู่ความทุกฝ่ายทราบ และไม่ตัดสิทธิคู่ความในอันที่จะโต้แย้งคัดค้าน (ข้อกำหนด ฯ ข้อ 28)

 

ศาลอาจกล่าวในคำพิพากษาหรือคำสั่งว่า สงวนไว้ซึ่งสิทธิที่จะแก้ไขคำพิพากษา ฯ ในกรณีความเสียหายเกิดขึ้นแก่ร่างกาย สุขภาพ หรืออนามัย ภายในระยะเวลาที่กำหนดแต่ไม่เกิด 10 ปี (มาตรา 40)

ศาลอาจพิพากษาให้ผู้ประกอบธุรกิจเปลี่ยนสินค้าใหม่ให้ผู้บริโภค แทนการแก้ไขซ่อมแซมสินค้าที่ชำรุดบกพร่องได้ (มาตรา 41)

 

ถ้าผู้ประกอบธุรกิจเจตนาเอาเปรียบโดยไม่เป็นธรรม จงใจประมาทเลินเล่ออย่างร้ายแรง ทำการฝ่าฝืนต่อฐานะผู้มีอาชีพหรือธุรกิจอันย่อมเป็นที่ไว้วางใจของประชาชน ศาลมีอำนาจพิพากษาสั่งให้ผู้ประกอบธุรกิจจ่ายค่าเสียหายเพื่อการลงโทษเพิ่มขึ้น (ไม่เกิน 2 เท่า / 5 เท่า ถ้าค่าเสียหายที่แท้จริงไม่เกิด 50,000 บาท) จากจำนวนค่าเสียหายที่แท้จริง มาตรา 42)

                                                อุทธรณ์ ฎีกา

ให้อุทธรณ์คำพิพากษาหรือคำสั่งในคดีผู้บริโภคไปยังศาลอุทธรณ์ (ภาค) แผนกคดีผู้บริโภคภายใน 1 เดือน ห้ามมิให้อุทธรณ์ในปัญหาข้อเท็จจริงในคดีผู้บริโภคที่มีทุนทรัพย์ไม่เกิน 50,000 บาท เว้นแต่ศาลอุทธรณ์ฯ จะอนุญาต, คำพิพากษาของศาลอุทธรณ์ฯ ให้เป็นที่สุด (มาตรา 46-50)

 

คู่ความอาจยื่นคำร้องต่อศาลฎีกา เพื่อขออนุญาตอนุญาตให้ฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริงในคดีที่มีทุนทรัพย์เกิน 200,000 บาท / ในปัญหาข้อกฎหมาย ซึ่งเกี่ยวพันกับประโยชน์สาธารณะ / เป็นปัญหาสำคัญที่ศาลฎีกาควรวินิจฉัย (มาตรา 51-55)

ขอขอบคุณข้อมูลจากศาลจังหวัดพระนครศรีอยุธยา

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นที่ 2

ขออนุญาตปรึกษาด้วยข้อความย่อๆ ดังนี้ครับ
ศาลมีหมายนัดไกล่เกลี่ยคดีผู้บริโภค (บัตรเงินสด) ในเวลา13.30น. วันที่ 26 พฤษภาคม 2561 ผมไปถึงเวลา13.30น.ตามนัดพอดี เจ้าหน้าที่ศาลข้างล่างบอกให้ขึ้นไปห้องพิจารณาเลย  ไปถึงและแสดงตน เจ้าหน้าที่ห้องบัลลังก์บอกว่าให้ดูคำพิพากษา ผมดูแล้วบอกว่ายังจ่ายให้ไม่ได้ เขาบอกว่าอีกตั้งเดือนหนึ่งนะ ผมบอกว่าเวลากระชั้นไป เขาก็พูดแบบให้ไปคุยข้างล่าง คุยกับใครก็ไม่บอก บอกแต่เพียงรอเซ็นรับคำพิพากษาได้ไหม ผมบอกรอได้ ในใจก็จะรออธิบายกับท่านผู้พิพากษาว่าให้ไกล่เกลี่ยกันก่อน เหลียวไปทั้งห้องพิจารณาก็ไม่เห็นโจทก์มา ผู้พิพากษาก็ไม่มี  นั่งรอสักพักประมาณ20นาที คำพิพากษาก็ออกมา ให้ชำระเงิน เดือนละ2,000บาทให้โจทก์ตั้งแต่26มิถุนายน2561จนกว่าจะครบยอด(สี่หมื่นกว่าไม่เกินห้าหมื่น)
ผมมีสิทธิจะขอให้ศาลพิจารณาใหม่ได้หรือไม่ว่าจะขอชำระเพียง1,000บาทต่อเดือน (หรือสู้คดีว่ามีการนำเบี้ยประกันภัยมาคำนวณด้วย อันผิดกฎหมายในฟ้อง) และจะต้องดำเนินการอย่างไรต่อไปครับ
กราบขอบพระคุณครับ
โดยคุณ บุญนาค ศรีนาคา 5 มิ.ย. 2561, 17:42

ความคิดเห็นที่ 1

ฟ้องคดีผู้บริโภคแล้วฟ้องแพ่งกับอาญาได้อีกไหมครับ

โดยคุณ เฉลิมพล บุตรมหา 17 ก.ค. 2560, 11:07

แสดงความเห็น

ข่าวที่มีผู้อ่านมาก