ปรึกษาทนาย - ยักยอกทรัพย์สิน
สมาชิกทนายคลายทุกข์ ขอคำปรึกษาเรื่องยักยอกทรัพย์ มาทาง e-mail : [email protected]
ว่า แม่กับดิฉันมีอาชีพเป็นตัวแทนจำหน่ายเบียร์สิงห์ ต่อมารับพนักงานขายคนหนึ่ง เริ่มงานวันที่ 12
มิถุนายน 51
และเริ่มมีปัญหาเรื่องเก็บเงินลูกค้า
โดยจริงๆ แล้ว พนักงานขายคนนี้ได้เก็บเงินจากลูกค้าแล้ว แต่ไม่ได้ส่งเงินเข้าบริษัทฯ
และในวันที่ 27
ต.ค. 51 พนักงานขายคนนี้ไม่มาทำงานโดยไม่ทราบสาเหตุ
ทางเราได้สรุปยอดเงินที่ค้างส่งทั้งหมดเป็นจำนวนเงิน 111,380 บาท
(หนึ่งแสนหนึ่งหมื่นหนึ่งพันสามร้อยแปดสิบบาท) ต่อมาวันที่ 28
ต.ค. 51
เราโทรนัดคุยเรื่องดังกล่าวมาตกลงพร้อมแจ้งความที่โรงพักโดยมีร้อยเวร........บันทึกรับเรื่อง
ซึ่งทางพนักงานขายคนนี้ขอยอมผ่อนชดใช้ภายใน 3
เดือน นับตั้งแต่ 27 ต.ค. 51 ถึง 27 ม.ค. 52 (ตรงนี้ไม่เข้าใจว่าทำไม
ร้อยเวรบันทึกต้องนับแต่วันที่ 27
ต.ค.51 เพราะที่จริงตกลงคุยกันในวันที่ 28 ต.ค.)
และถ้าหากพนักงานขายคนนี้ไม่ชดใช้
ยินยอมให้นาง (แม่ดิฉัน) ดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป
ซึ่งระหว่าง 3
เดือน ก็ไม่มีการติดต่อเลย
จนกระทั่ง วันที่ 28 ม.ค. 52 ทางเราได้ไปแจ้งที่โรงพักอีก
ร้อยเวรที่รับเรื่องไม่อยู่
ให้ดาบตำรวจ
รับเรื่องต่อแทน
พอมาในวันรุ่งขึ้น 29 ม.ค. 52 ร้อยเวรที่รับเรื่องนัดคุย บอกว่าอายุความหมดตั้งแต่วันที่ 27
ม.ค. 52 (อ้างนับแต่วันเกิดเหตุอะไรประมาณนี้)
ซึ่งทางเราเข้าใจว่าควรจะสิ้นอายุความตั้งแต่วันที่แจ้ง (คือ 28 ม.ค. 52)
ทางเราไม่ได้เจตนาละทิ้งคดี
เพราะเราเป็นผู้เสียหายทั้ง
ทรัพย์สิน ชื่อเสียง ก็มากพอแล้ว แต่ทางพนักงานขายนี้ทำขนาดนี้
ก็แปลเจตนาอยู่แล้ว และทาง ตร.ที่โรงพักเค้าก็รู้ทั้งรู้ว่าพนักงานขายคนนี้
มีเรื่องพัวพันเกี่ยวกับยาเสพติดด้วย
แต่ก็เหมือนไม่อยากยุ่งจับอะไรเลย
ถึงมารู้ทีหลังว่าคนนี้มีพรรคพวกเป็นญาติกันเป็นทหารด้วย เพราะเหตุนี้หรือทำให้แม่
ดิฉันไม่ได้รับความเป็นธรรมเลย
จึงอยากให้ช่วยคดียักยอกทรัพย์ทำอย่างไรต่อไปคะ
คำแนะนำทนายคลายทุกข์
ถ้าข้อเท็จจริงที่ผู้เสียหายร้องทุกข์
แตกต่างจากข้อความในคำร้องทุกข์ของพนักงานสอบสวน
ถือว่าพนักงานสอบสวนปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ ตาม ป.อ. มาตรา 157
ตัวบทกฎหมายอ้างอิง
ประมวลกฎหมายอาญา
มาตรา 157 ผู้ใดเป็นเจ้าพนักงาน
ปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ
เพื่อให้เกิดความเสียหายแก่ผู้หนึ่งผู้ใด
หรือปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยทุจริต
ต้องระวางโทษจำคุกตั้งแต่หนึ่งปีถึงสิบปี หรือปรับตั้งแต่สองพันบาทถึงสองหมื่นบาท
หรือทั้งจำทั้งปรับ