นายสมชาย สุดเสนาะ ผู้อำนวยการฝ่ายสินไหมทดแทน บริษัทกลางคุ้มครองผู้ประสบภัยจากรถ เปิดเผยว่า จากภารกิจของบริษัทฯ ซึ่งมีหน้าที่จ่ายค่าเสียหายเบื้องต้นและค่าสินไหมทดแทนแก่ผู้ที่ประสบอุบัติเหตุ ตาม พ.ร.บ.คุ้มครองผู้ประสบภัยจากรถ แทนทุกบริษัทประกันวินาศภัยที่ไม่มีสาขาหรือสำนักงานในพื้นที่ที่เกิดเหตุ

บทความวันที่ 23 พ.ย. 2551, 00:00

มีผู้อ่านทั้งหมด 447 ครั้ง

---

ใช้ระบบอี-โพลิสช่วยอุบัติเหตุทั่วประเทศ เจ็บ-ตายได้รับชดเชยเร็วขึ้น-ลดขั้นตอน นายสมชาย สุดเสนาะ ผู้อำนวยการฝ่ายสินไหมทดแทน บริษัทกลางคุ้มครองผู้ประสบภัยจากรถ เปิดเผยว่า จากภารกิจของบริษัทฯ ซึ่งมีหน้าที่จ่ายค่าเสียหายเบื้องต้นและค่าสินไหมทดแทนแก่ผู้ที่ประสบอุบัติเหตุ ตาม พ.ร.บ.คุ้มครองผู้ประสบภัยจากรถ แทนทุกบริษัทประกันวินาศภัยที่ไม่มีสาขาหรือสำนักงานในพื้นที่ที่เกิดเหตุ ให้แก่ผู้ประสบภัยหรือทายาท โดยปัจจุบันมีรถที่ทำประกันภัย พ.ร.บ. รวมกว่า 18 ล้านคันและมีผู้ที่เสียชีวิตที่ได้รับความคุ้มครองตาม พ.ร.บ.ปีละประมาณ 6,000 ราย ซึ่งบริษัทฯได้คิดค้นและพัฒนาระบบ e-Police (อี-โพลิส) เพื่อให้การแจ้งอุบัติเหตุ การเบิกจ่ายค่าเสียหายเบื้องต้นหรือค่าสินไหมทดแทนสะดวกรวดเร็ว เนื่องจากปัจจุบันกฎหมายประกาศยกเลิกการใช้เครื่องหมายแสดง (สติกเกอร์) การมีประกันภัยรถตาม พ.ร.บ. ทำให้เมื่อเกิดเหตุต้องใช้เวลาการตรวจสอบกับขนส่งหลายขั้นตอน ทำให้ผู้ที่ประสบอุบัติเหตุได้รับการรักษาและส่งตัวผู้ประสบภัยจากรถมายังสถานพยาบาล ให้ได้รับการรักษาได้ทันท่วงที และได้รับการชดเชยเร็วยิ่งขึ้น โดยเฉพาะในกรณีที่เมื่อเกิดอุบัติเหตุแล้วบาดเจ็บสาหัสหรือหมดสติไม่สามารถให้รายละเอียดกับเจ้าหน้าที่ตำรวจได้ ก็สามารถตรวจสอบข้อมูลการทำประกันภัย พ.ร.บ.ผ่านระบบอี-โพลิส และตรวจสอบสถานพยาบาลและทำการรักษา ตลอดจนจ่ายค่ารักษาพยาบาลได้เร็วมากขึ้นซึ่งปัจจุบันมีโรงพยาบาลที่เป็นคู่สัญญาทั่วประเทศ 1,093 แห่ง ซึ่งหากสามารถตรวจสอบข้อมูลการทำประกันภัยได้เร็วก็จะทำให้ผู้ประสบอุบัติเหตุหรือญาติไม่ต้องสำรองจ่ายค่ารักษาพยาบาล บริษัทฯสามารถจ่ายค่ารักษาโดยตรงกับโรงพยาบาลได้เลย ส่วนกรณีเสียชีวิตในที่เกิดเหตุเจ้าหน้าที่ตำรวจก็สามารถใช้ระบบอี-โพลิสแจ้งบริษัทฯเพื่อจ่ายค่าสินไหมให้ญาติผู้บาดเจ็บได้อย่างรวดเร็ว นายสมชาย กล่าวต่อว่า โครงการดังกล่าวได้ประสานกับสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ให้พนักงานสอบสวน สน.ต่าง ๆ ทั่วประเทศสามารถเข้าใช้ระบบ ในการตรวจสอบข้อมูลการทำประกันภัยรถ ของผู้ที่ประสบอุบัติเหตุ ซึ่งได้ทำการอบรมไปแล้ว 3 แห่งคือ กองบัญชาการตำรวจภูธรภาค (บช.ภ.) 1, บช.ภ.2 และ บช.ภ.6 รวมอบรมพนักงานสอบสวนไปแล้วกว่า 1,200 นาย และจะทยอยอบรมให้ครบทั่วประเทศ ระบบดังกล่าวจะช่วยลดปริมาณงานบันทึกรับแจ้งเหตุในประจำวันของพนักงานสอบสวน และลดขั้นตอนของผู้ประสบภัยจากรถในการเดินทางไปแจ้งเหตุที่สถานีฯ ตลอดจนลดค่าใช้จ่ายที่ต้องสูญเสียในการเดินทางติดต่อ ปัจจุบันมีรถทำประกันภัย พ.ร.บ.ประมาณ 70 เปอร์เซ็นต์ ของรถที่ใช้งานอยู่จริง โดยมีรถที่ยังไม่ทำประกันภัยพ.ร.บ.ที่วิ่งอยู่บนท้องถนนประมาณ 3-4 ล้านคัน. ขอขอบคุณ ข้อมูลประกอบจาก เดลินิวส์