ฟ้องโลตัสเซ่นกม.ผู้บริโภค
ลูกค้าอ้างสินค้าหมดอายุ-เรียก5ล้าน
"โลตัส"ซีคอนสแควร์ เจอดี ลูกค้ายื่นฟ้อง5.2 ล้าน
เหตุนำสินค้าหมดอายุมาลดราคาขาย
ด้านผู้บริหารโลตัสยันให้ความสำคัญสูงสุดต่อมาตรฐานคุณภาพและความปลอดภัยของสินค้า
เทสโก้ โลตัส สาขาซีคอนสแควร์
เจอดี ลูกค้ายื่นฟ้องเรียกค่าเสียหาย 5.2 ล้านบาท เหตุนำสินค้าหมดอายุ-มีเชื้อรามาลดราคาขาย
แถมปิดฉลากทับวันเดือนปีที่ผลิต-หมดอายุ ด้าน "เทสโก้ โลตัส" แจงกำลังเร่งตรวจสอบข้อเท็จจริง
พร้อมยืนยันให้ความสำคัญสูงสุดต่อมาตรฐานคุณภาพ
และความปลอดภัยของสินค้าที่นำมาจำหน่ายให้ผู้บริโภค
ผู้สื่อข่าว
"ประชาชาติธุรกิจ" รายงานว่า
ภายหลังจากที่พระราชบัญญัติวิธีพิจารณาคดีผู้บริโภค พ.ศ.2551
มีผลบังคับใช้ เมื่อวันที่ 23 สิงหาคมที่ผ่านมา
ซึ่งผู้บริโภคบางส่วนที่ถูกละเมิดได้เริ่มใช้สิทธิที่จะได้รับการคุ้มครองภายใต้กฎหมายยื่นฟ้องร้องผู้ประกอบธุรกิจมากขึ้นเรื่อยๆ
ล่าสุด วันที่ 7 พฤศจิกายนที่ผ่านมา ลูกค้าของห้างเทสโก้
โลตัส สาขาซีคอนสแควร์ ได้ยื่นฟ้องบริษัทเอก-ชัย ดีสทริบิวชั่น ซิสเทม
และห้างดังกล่าวต่อศาลแพ่ง ในคดีเรื่องสินค้าประเภทอาหารไม่ปลอดภัย ตาม
พ.ร.บ.วิธีพิจารณาคดีผู้บริโภค เรียกค่าเสียหายคิดเป็นจำนวนทุนทรัพย์ 5,244,000 บาท
ในรายละเอียดคำฟ้อง
นาง
ต่อมาโจทก์ทั้งสองและบุตรกลับถึงบ้านพัก
ปรากฏว่าเห็นเชื้อราอยู่ในกระป๋องอาหาร จึงได้ตรวจสอบวันเดือนปีที่ผลิต พบว่าเป็นวันที่ 16 กันยายน 2551 วันหมดอายุวันที่ 28 กันยายน 2551 แต่ในวันที่ 4
ตุลาคม 2551 ซึ่งเป็นวันหลังจากที่สินค้าดังกล่าวหมดอายุแล้ว ห้างเทสโก้
โลตัส สาขาซีคอนสแควร์ ยังวางจำหน่ายสินค้าอยู่
นาย
ต่อมานายสุพัฒน์ได้ไปแจ้งความที่สถานีตำรวจนครบาลโชคชัย
และสถานีตำรวจนครบาลประเวศ ไว้เป็นหลักฐาน โดยได้นำสินค้าที่มีเชื้อราไปให้พนักงานสอบสวนตรวจสอบ
และบันทึกประจำวัน
ซึ่งพนักงานสอบสอนระบุว่าตรวจสอบพบว่าภายในกระป๋องสินค้ามีเชื้อราอยู่ภายใน
คำฟ้องระบุว่าการกระทำของจำเลยทั้งสอง
ทำให้โจทก์ทั้ง 2 คน และบุตร 3 คน ได้รับความเสียหายในฐานะผู้บริโภค จึงขอให้จำเลยชดใช้ค่าเสียหายดังนี้ โจทก์ที่ 1
มีรายได้ประมาณปีละ 120,000 บาท ในระยะเวลาที่เหลืออยู่ 22 ปี จากการหารายได้ทั้งหมดประมาณ 2,640,000 บาท
หากประเมินโอกาสที่จะเกิดความเสียหาย 1 ใน 10 โจทก์ที่ 1 จะสูญเสียรายได้ 264,000 บาท โจทก์ที่ 2 มีรายได้ประมาณปีละ 360,000 บาท ในระยะเวลาที่เหลืออยู่ 19 ปี
จากการหารายได้ทั้งหมดประมาณ 7,200,000 บาท
หากประเมินโอกาสที่จะเกิดความเสียหาย 1 ใน 10 โจทก์ที่ 2 จะสูญเสียรายได้ 720,000 บาท
บุตรของโจทก์
3
คน หากเริ่มทำงานเมื่ออายุ 25 ปี จนถึงอายุ 60 ปี มีเวลาทำงานประมาณคนละ 35 ปี จากการหารายได้
รวมเป็นรายได้ทั้งหมดคนละ 7,200,000 บาท
หากประเมินโอกาสที่จะเกิดความเสียหาย 1 ใน 10 บุตรทั้ง 3 คนจะสูญเสียรายได้คนละ 720,000 บาท รวม 3 คนเป็นเงินทั้งสิ้น 2,160,000 บาท นอกจากนี้ให้จำเลยทั้งสองชดใช้ค่าขาดไร้อุปการะของโจทก์ที่ 1 หากโจทก์ที่ 2 เสียชีวิตเป็นเงิน 300,000 บาท ให้จำเลยทั้งสองชดใช้ค่าขาดไร้อุปการะของโจทก์ที่ 2 หากโจทก์ที่ 1 เสียชีวิตเป็นเงิน 300,000 บาท
ให้จำเลยทั้งสองชดใช้ค่าขาดไร้อุปการะของโจทก์ที่
1
โจทก์ที่ 2 หากบุตรทั้ง 3
คนเสียชีวิตเป็นจำนวนเงินคนละ 300,000 บาท รวม 900,000 บาท ให้จำเลยทั้งสองชดใช้ค่าขาดไร้อุปการะของบุตรทั้ง 3 คน หากโจทก์ที่ 1 โจทก์ที่ 2
เสียชีวิตเป็นจำนวนเงินคนละ 300,000 บาท รวม 600,000 บาท รวมยอดเงินตามฟ้อง
ให้จำเลยทั้งสองชดใช้ค่าเสียหายเป็นจำนวนเงินทั้งสิ้น 5,244,000 บาท
ท้ายฟ้องโจทก์ขอให้ศาลออกหมายเรียกจำเลยมาพิจารณาพิพากษา
และบังคับจำเลยตามคำขอ ดังนี้ 1.ให้จำเลยทั้งสองร่วมกันหรือแทนกันชดใช้ค่าเสียหายที่อาจให้เกิดการสูญเสียชีวิต
ร่างกาย ทรัพย์สิน หรือทุพพลภาพ อันเกิดจากการละเว้นไม่ปฏิบัติหน้าที่
และจากการประมาทเลินเล่ออย่างร้ายแรงของจำเลยทั้งสองเป็นเงิน 5,244,000 บาท และขอให้ศาลสั่งให้จำเลยทั้งสองตรวจสอบคุณภาพและมาตรฐานสินค้าก่อนวางจำหน่าย
และขอให้จำเลยทั้งสองจัดเก็บสินค้าประเภทดังกล่าวก่อนวันหมดอายุไม่น้อยกว่า 3 วัน เพื่อความปลอดภัยของโจทก์ที่ 1
โจทก์ที่ 2 และบุตรทั้ง 3
คนในฐานะผู้บริโภค และเพื่อความปลอดภัยของผู้บริโภคทั้งประเทศ
ผู้สื่อข่าวสอบถามถึงความคืบหน้าในกรณีดังกล่าวจากห้างเทสโก้ โลตัส ได้รับชี้แจงจาก ดร.
ขอขอบคุณรายงานข่าวจากหนังสือพิมพ์ประชาชาติ