คำเตือน
การโฆษณาชวนเชื่อว่าให้กู้เงินนอกระบบที่มาโพสต์ในเว็บไซต์ทนายคลายทุกข์ เป็นพวกหลอกลวงประชาชนทั้งสิ้น และมีผู้เสียหายหลายรายถูกหลอกลวงไปแล้ว อย่าหลงเชื่อมิจฉาชีพเหล่านี้ แนะนำให้แจ้งความร้องทุกข์ต่อพนักงานสอบสวน เพื่อดำเนินคดีในความผิดฐานฉ้อโกงประชาชน ทนายคลายทุกข์และทีมงานไม่ได้มีส่วนเกี่ยวข้องและรู้เห็นหรือสนับสนุนให้มีการโพสต์ข้อความดังกล่าว ได้พยายามลบข้อความหลายครั้งแล้วแต่ก็ยังมีมิจฉาชีพเข้ามาแสวงหาประโยชน์อยู่อย่างสม่ำเสมอ หนี้นอกระบบ หมายถึง การกู้หนี้ยืมสินที่ไม่อยู่ในระบบสถาบันการเงิน เช่น การกู้ยืมกันระหว่างเพื่อนฝูงหรือญาติพี่น้อง ซึ่งการกู้ยืมเงินดังกล่าวจะไม่มีกฎกติกามารยาท ที่เป็นมาตรฐาน
กู้ยืมเงินนอกระบบ แต่เจ้าหนี้ทำนิติกรรมเป็นเช่าซื้อทองคำ
สมาชิก รหัส R26708 ฝากเรื่องจริงของชีวิต เป็นอุทาหรณ์เพื่อนสมาชิกรายการทนายคลายทุกข์ เมื่อปี พ.ศ. 2544 ได้มีพนักงานของบริษัทแห่งหนึ่ง มาติดต่อเพื่อให้กู้เงินโดยไม่มีหลักทรัพย์ค้ำประกัน ในอัตราดอกเบี้ย 3 บาท ต่อเดือน เมื่อนายสมาชิกสนใจ ก็จะมีพนักงานของบริษัท มาตรวจสอบเครดิต และตรวจสอบประวัติ แล้ว ก็ตกลงให้สมาชิกกู้เงิน วงเงินขึ้นอยู่กับบริษัทจะอนุมัติให้
ต่อมาวันทำสัญญากู้ยืมเงิน พนักงานของบริษัทแจ้งว่ามีเงื่อนไขต้องเป็นรับทองคำ และบริษัทพาไปขายเปลี่ยนเป็นเงินให้ เมื่อสมาชิกเห็นเงื่อนไขซึ่งไม่เป็นตามที่ตกลงกู้เงินไว้ สมาชิกก็จะไม่ทำสัญญา พนักงานของบริษัทบอกว่ายกเลิกไม่ได้ เนื่องจากได้เบิกทองออกจากบริษัทมาแล้ว และขอร้องให้สมาชิกทำสัญญาและจะมีส่วนลดพิเศษให้ เพื่อให้ได้รับตามที่สมาชิกต้องการ
เมื่อสมาชิกยอมตามเงื่อนไข พนักงานของบริษัท ก็ได้ส่งมอบทองคำให้จำนวน 50 เส้น เส้นละ 2 บาท จากนั้นพนักงานขายก็ได้พาสมาชิกไปที่ร้านทองในตลาดในอำเภอเมือง จังหวัดกาญจนบุรี ได้เงินสดมาจำนวน 600 ,000 บาท (ซึ่งในสัญญาได้ระบุเงินกู้ไว้จำนวนเงิน 700,000 บาทเศษ )
ต่อมาตามสัญญาผ่อนชำระวันละ 5,940 บาท จำนวน 130 วัน แต่สมาชิกเห็นว่าการคิดดอกเบี้ยเอาเปรียบมากจึงชำระให้เร็ว ซึ่งได้ชำระภายใน 60 วัน สมาชิกได้จ่ายเงินไปเป็นจำนวน 619,125 บาท ซึ่งได้ตัดส่วนที่พนักงานอ้างว่าจะลดให้ (ซึ่งระบุในสัญญาว่าเป็นส่วนลดพิเศษ 15%) และยังมีส่วนต่างอีกประมาณ 30,000 บาทเศษที่สมาชิกคิดว่าในเมื่อได้ก่อนกำหนด 2 เดือน จึงจะขอลดพิเศษ
หลังจากนั้นทนายความได้มาพบสมาชิกแจ้งว่าลดไม่ได้ให้ชำระส่วนที่เหลือ 30,000 บาทเศษ แต่สมาชิกต่อรองอีกขอลดเหลือ 15,000 บาท ทนายความก็ไม่ยอม จึงมาฟ้องร้องเป็นหมายเลขคดีดำ เลขที่113/2546 หมายเลขคดีแดงที่ 4/2547 ศาลแขวงนครปฐม ความแพ่ง เรื่องเช่าซื้อ โดยศาลชั้นตัดสินให้จำเลยใช้หนี้ 258,375 บาท (ซึ่งทนายความได้นำมูลหนี้มีการคำนวณหนี้ระยะยาวมาฟ้องทำให้มูลหนี้สูงกว่าตามที่เป็นจริง)
ต่อมาสมาชิกได้ยื่นอุทธรณ์ เมื่อวันที่ 19 กรกฎาคม 2549 ศาลอุทธรณ์ได้ตัดสินให้จำเลยชดให้หนี้ จำนวนเงิน 153,075 บาท พร้อมดอกเบี้ยร้อยละ 7.5 ต่อปี ของเงินต้นนับแต่วันที่ฟ้อง (ฟ้องวันที่ 13 กุมภาพันธ์ 2546) เป็นต้นไปจนกว่าชำระเสร็จแก่โจทก์
คำถามของสมาชิก
1. ต้องการให้ยื่นฎีกาขอลดยอดหนี้ให้คงเหลือไม่เกิน 30,000 บาท
2. ต้องการยื่นทุเลาการบังคับคดี โดยสมาชิกมีหลักทรัพย์ที่ประเมินไว้จากสำนักงานที่ดินในราคา 400,000 บาท (หมดการยื่นอุทธรณ์ประมาณ 1 สิงหาคม 2549)
คำแนะนำอาจารย์เดชา
เมื่อแพ้คดีของศาลชั้นต้นและศาลอุทธรณ์ คู่ความต้องยื่นฎีกาภายใน 1 เดือน นับแต่วันที่ศาลชั้นต้นอ่านคำพิพากษาของศาลอุทธรณ์ และต้องขอทุเลาการบังคับคดีในระหว่างฎีกาด้วย มิฉะนั้นจะถูกเจ้าพนักงานบังคับคดียึดหรืออายัดทรัพย์สินโดยทันทีตามประมวลกฎหมาย วิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 231