กรมบังคับคดีหัวหมุน
ปรับยุทธวิธีซื้อหนี้เน่า
การซื้อทรัพย์จากการขายทอดตลาด
ผู้ซื้อทรัพย์ต้องมีข้อควรระวังหลายเรื่องด้วยกัน ที่สำคัญทนายคลายทุกข์ขอชี้แนะเป็นข้อ ๆ
ดังนี้
1.
ศึกษาประกาศขายทอดตลาดให้ละเอียด
2.
ตรวจสอบสถานภาพทรัพย์ว่ามีสถานภาพเป็นอย่างไร
3.
มีภาระหรือการโต้แย้งสิทธิเกี่ยวกับทรัพย์หรือไม่ เช่น ค่าส่วนกลางอาคารชุด มีบุคคลอยู่อาศัยในทรัพย์หรือไม่ เป็นที่ตาบอดหรือไม่ มีปัญหาคนข้างบ้าน ปลูกสร้างโดยได้รับอนุญาตหรือไม่ หรือสภาพแวดล้อม เป็นต้น
4. ความสามารถที่จะขอกู้เงินจากธนาคารหลังจากประมูลได้ ต้องไปตรวจสภาพคุณสมบัติและยื่นขอสินเชื่อไว้ล่วงหน้าก่อน
เพราะปัจจุบันการขอสินเชื่อเป็นเรื่องที่ค่อนข้างยาก
การซื้อทรัพย์จากการขายทอดตลาดอย่าเน้นเก็งกำไร ต้องมีความต้องการอย่างแท้จริง
มีเป้าหมายในการใช้ประโยชน์ก่อนเข้าร่วมประมูลซื้อทรัพย์
รายงานข่าวจากหนังสือพิมพ์โพสต์ทูเดย์
กรมบังคับคดีรับมือวิกฤตเศรษฐกิจ-หนี้เน่าเพิ่มขึ้น
เพิ่มวงเงินวาง มัดจำป้องกันพวกเก็งกำไร
นาย
อย่างไรก็ตาม
กรมบังคับ คดีได้นโยบายเร่งรัดกระบวนการยึดทรัพย์หลังจากและ
นำสินทรัพย์ออกมาขายทอดตลาดให้เร็วขึ้น เพื่อให้เศรษฐกิจ มีการหมุนเวียน
นอกจากนี้ ยังมีนโยบายเพิ่มวงเงินมัดจำก่อนการประมูลซื้อสินทรัพย์
เนื่องจากมีพวกที่เข้ามาแสวงหากำไร โดยเข้ามาประมูลซื้อและนำสินทรัพย์ออกไปเร่ขาย
แต่ถ้าไม่สามารถขายก็ยอม ที่ทิ้งเงินมัดจำ เพราะคิดว่าเงินมัดจำไม่ กี่หมื่นบาท
สามารถจะไปหากำไรจากการขายสินทรัพย์ได้มากกว่า
ทั้งนี้ กรมบังคับคดีเห็นว่าต้องเพิ่มวงเงินมัดจำก่อนประมูลซื้อ
สินทรัพย์ที่ราคาสูง เพราะหากผู้ที่ต้องการจะซื้อสินทรัพย์จริง
ก็ควรมีเงินที่จะวางมัดจำที่สูงพอสมควร จากเดิมราคาสินทรัพย์ไม่เกิน 5แสนบาท
กำหนดให้วางเงินมัดจำ 2 หมื่นบาท ส่วนสินทรัพย์ราคาเกิน 5 แสนบาทขึ้นไปไม่ว่าจะกี่ร้อยล้านบาท ก็ให้วางเงินมัดจำเพียง 5 หมื่นบาทเท่านั้น
อธิบดีกรมบังคับคดี กล่าวว่า
ในเบื้องต้นจะมีการเปลี่ยนหลักเกณฑ์การวางเงินมัดจำใหม่ เช่น สินทรัพย์ที่ราคา 50
ล้านบาทขึ้นไป ควรจะมีเงินมัดจำ 1 ล้านบาทขึ้นไป
เพื่อเป็นคัดเลือก ผู้ที่ต้องการซื้อสินทรัพย์ที่
แท้จริงมิใช่เป็นการจองซื้อเพื่อเก็งกำไร
นายสิรวัต กล่าวว่า
ใน ช่วงที่ผ่านมาพบว่าผู้ประมูล ซื้อทรัพย์ไปได้แล้วไม่สามารถชำระเงินได้
เนื่องจากสถาบันการเงินมีความเข้มงวดการ ให้สินเชื่อ ทำให้ต้องถูกริบ เงินมัดจำ
ดังนั้นผู้ประมูล ซื้อสินทรัพย์จากกรมบังคับคดีต้องประเมินศักยภาพ
ความสามารถการชำระหนี้ของตนเองด้วย
สำหรับในปีงบประมาณ 2552
ตั้งเป้าหมายการขายสินทรัพย์ที่ไม่ก่อ ให้เกิดรายได้ (เอ็นพีแอล)
จำนวน 1.1 แสนล้านบาท ซึ่งในงบประมาณปี 2551 ที่ผ่านมาสามารถจำหน่ายเอ็นพีแอลได้ 1.19 แสนล้านบาท สูงกว่าเป้าหมาย 9,000 ล้านบาท
ขอขอบคุณรายงานข่าวจากหนังสือพิมพ์โพสต์ทูเดย์