อู่ติดตั้งก๊าซรถยนต์รายย่อยหงอย
ทยอยปิดตัว ลูกค้าผวาอุบัติเหตุรถระเบิด-ราคาน้ำมันลง
อู่ติดก๊าซรายย่อยทยอยปิดตัว
หลังราคาน้ำมันลดวูบ คนเริ่มทำใจได้หันกลับไปใช้น้ำมันเหมือนเดิม
หวั่นเหมือนมีระเบิดเคลื่อนที่ เผยยอดติดตั้งก๊าซเหลือแค่วันละ 700 คันเท่านั้น
จากเดิมที่แห่ติดวันละมากกว่า 3,000 คัน
นายนินจา
เว็บมาสเตอร์ชื่อดังและผู้เชี่ยวชาญด้านการติดตั้งก๊าซเอ็นจีวีและก๊าซแอลพีจี จากเว็บไซต์ www.gasthai.com กล่าวกับ
"ประชาชาติธุรกิจ" ถึงสถานการณ์การติดตั้งก๊าซเอ็นจีวี และก๊าซเเอลพีจี ในปัจจุบันว่า ปริมาณรถยนต์ที่ต้องการติดตั้งทั้ง 2 ชนิดได้ลดลงไปค่อนข้างมาก จากช่วงระยะเวลา 3
เดือนก่อนหน้านี้ ที่มีปริมาณการติดเฉลี่ยวันละ 3,000
คันทั่วประเทศ แต่จากการตรวจสอบในปัจจุบัน
พบว่ามียอดการติดตั้งลดลงเหลือเพียงวันละ 500-700
คันเท่านั้น
เช่นเดียวกับปริมาณอู่และสถานที่รับติดตั้งชุดอุปกรณ์ก๊าซแอลพีจี ซึ่งมีจำนวนเพิ่มขึ้นอย่างมาก
โดยเฉพาะในช่วงเดือนพฤษภาคม-กรกฎาคม ซึ่งจากการสำรวจมีจำนวนมากถึง 500 แห่ง
แบ่งเป็นกลุ่มผู้ประกอบการรายเก่า 300 แห่ง
และผู้ประกอบการรายใหม่ ซึ่งส่วนใหญ่เป็นกลุ่มผู้ดำเนินธุรกิจอู่ซ่อมรถยนต์ และธุรกิจอื่นๆ
ที่เกี่ยวของกับรถยนต์ ได้ผันตัวหันมารับติดตั้งชุดอุปกรณ์ทั้งก๊าซเอ็นจีวีและก๊าซแอลพีจีอีกประมาณ 200 แห่ง
แต่หลังจากสถานการณ์ราคาน้ำมันในตลาดโลกได้ปรับลดอย่างต่อเนื่อง
ประกอบกับมาตรการการยกเลิกภาษีสรรพสามิตน้ำมันเป็นระยะเวลา 6 เดือน
เพื่อการกระตุ้นภาวะเศรษฐกิจของภาครัฐ ทำให้ราคาจำหน่ายน้ำมันเบนซิน 91 มีราคาจำหน่ายลดลงมาอีกประมาณ 10 บาทต่อลิตร
และราคาน้ำมันดีเซลเหลือประมาณลิตรละ 30 บาท
ประชาชนจึงเริ่มปรับเปลี่ยนพฤติกรรมหันมาใช้น้ำมันเพิ่มมากขึ้น
"วันนี้ยังมีกลุ่มคนที่ต้องการความประหยัดก็จะนำรถไปติดตั้งก๊าซอยู่จำนวนหนึ่ง
เฉลี่ยประมาณ 500-700 คันต่อวันทั่วประเทศ
ซึ่งสถานการณ์ดังกล่าวได้ส่งผลกระทบโดยตรงต่อผู้ประกอบการอู่รายใหม่ๆ
ที่ต้องปิดกิจการลง
เนื่องจากลูกค้าจะให้ความสนใจและเลือกใช้บริการจากอู่ติดตั้งรายเก่าที่มีชื่อเสียงมากกว่า"
ทั้งนี้สำหรับอู่รับติดตั้งรายใหม่ที่เพิ่งเปิดตัวนั้น
ส่วนใหญ่เป็นผู้ประกอบการอู่ซ่อมรถยนต์ หรือร้านขายยางรถยนต์
ที่ผันตัวมาทำธุรกิจนี้และได้เปิดบริการการติดตั้งก๊าซในช่วง 2-3
เดือนที่ผ่านมา แต่หลังจากความต้องการติดตั้งลดลง
อู่เหล่านี่ได้หันกลับไปทำกิจการเดิม
ส่วนสถานการณ์การติดตั้งก๊าซนับจากนี้ไป
ถือเป็นช่วงที่ผู้ประกอบการจะได้ตั้งหลักเพื่อรับกับสภาพของตลาดที่กลับเข้าสู่ภาวะปกติ
โดยชุดอุปกรณ์ติดตั้งและถังทั้งในประเทศและตลาดโลกได้มีการปรับลดราคาจำหน่ายลง
จากก่อนหน้านี้ที่มีการปรับราคาขึ้นไปประมาณ 15% และเชื่อว่าสถานการณ์จากนี้ไปจะเริ่มนิ่งเหมือนเช่นเดียวกับช่วงที่ปลายปี
2549 อย่างแน่นอน
"เมื่อทุกอย่างเข้าสู่ภาวะปกติ อู่รายใหม่ๆ หรืออู่เฉพาะกิจนั้น
ก็จะเริ่มหันกลับไปทำธุรกิจเดิมที่เคยทำ เพราะความต้องการติดตั้งน้อยลง
และผู้บริโภคก็หันไปใช้บริการกับอู่ที่ได้มาตรฐาน
เพราะวันนี้ลูกค้ามีโอกาสเลือกมากขึ้น ผมมองว่าอู่ใหม่ๆ
คงจะต้องเหนื่อยหน่อยถ้าจะแข่งขันกับผู้ประกอบการรายได้เดิม
ที่มีความได้เปรียบทั้งชื่อเสียง ความน่าเชื่อถือ
รวมทั้งคุณภาพและมาตรฐานที่มีมายาวนานกว่า"
สำหรับมูลค่าตลาดของการติดตั้งก๊าซในประเทศไทยนั้น
เบื้องต้นคาดว่ามีมูลค่าขั้นต่ำประมาณ 12,775 ล้านบาทต่อปี
โดยมีปริมาณรถยนต์ที่ติดตั้งก๊าซแอลพีจีคิดเป็น 365,000 คันต่อปี และมีรถยนต์เพียง 1% เท่านั้น
ที่เป็นรถติดตั้งก๊าซเอ็นจีวี นอกจากนี้ บรรดาผู้ประกอบการธุรกิจรับติดตั้งแก๊สไทย
ยังอยู่ระหว่างการรวมตัวเพื่อจัดตั้งเป็นสมาคมผู้ประกอบการแก๊สไทย
เป็นการสร้างความมั่นใจให้กับประชาชนผู้ใช้บริการและเข้ารับการติดตั้งจากอู่ที่เป็นสมาชิกที่ได้รับการรับรองมาตรฐาน
ปัจจุบันมีผู้ประกอบการที่เป็นผู้ผลิตและนำเข้าชุดอุปกรณ์
รวมทั้งวิศวกรอยู่ประมาณ 20 ราย ที่ให้ความสนใจเข้าร่วมเป็นสมาชิก
โดยคาดว่าสมาคมจะเปิดตัวอย่างเป็นทางการได้ในช่วงปลายปีนี้
และอนาคตอาจจะมีการจัดงาน ไทยแลนด์ออโตแก๊สโชว์ ขึ้น เพื่อเป็นการแสดงศักยภาพ
เทคโนโลยีการติดตั้งก๊าซ
รวมทั้งเป็นการเปิดโอกาสให้ผู้ประกอบการและผู้ใช้บริการได้พบปะกันด้วย
ผู้สื่อข่าว
"ประชาชาติธุรกิจ" รายงานเพิ่มเติมว่า
ปัจจัยที่มีผลทางจิตวิทยาที่ทำให้คนชะลอการนำรถยนต์ไปติดตั้งก๊าซนั้น
นอกจากราคาน้ำมันที่ปรับตัวลดลงในช่วงเวลานี้แล้ว
อีกประการหนึ่งยังเป็นเรื่องของความไม่มั่นใจจากการใช้ก๊าซ
เริ่มจากกระแสข่าวที่มีการพูดชัดเจนว่าลอยตัว มีผลทำให้ราคาขายปัจจุบันที่รัฐบาลซัพพอร์ตจาก 10 บาท จะขยับขึ้นเท่าตัวเป็น 20 บาท
รวมถึงปัญหาเรื่องการรั่วไหลหรือมีการระเบิดเกิดขึ้นถ้าการติดตั้งไม่ได้มาตรฐาน
นอกจากนั้นในส่วนของการตอบรับจากสังคมยังถือว่าไม่ได้รับการยอมรับเท่าที่ควร
โดยขณะนี้มีห้างสรรพสินค้าชั้นนำหลายแห่งได้จัดโซนจอดรถสำหรับรถยนต์ที่ใช้ก๊าซโดยเฉพาะ
เพื่อป้องกันอุบัติเหตุที่อาจจะเกิดขึ้นได้
กลายเป็นว่าคนใช้รถติดก๊าซกำลังจะถูกแบ่งแยกออกจากสังคมโดยรวม
ขณะเดียวกันสถานีการบริการก๊าซรถยนต์ยังถือว่าไม่เพียงพอต่อความต้องการในปัจจุบัน
โดยเฉพาะก๊าซเอ็นจีวีที่ผู้ใช้รถต้องใช้เวลาเข้าคิวรอเติมนานมาก
นอกจากนั้นบางปั๊มยังมีก๊าซไม่เพียงพอที่จะรองรับความต้องการ
ซึ่งทำให้เกิดความไม่สะดวกในการใช้
จึงเป็นเหตุผลหนึ่งที่ทำให้ความต้องการในการติดตั้งลดลงด้วย
ขอขอบคุณรายงานข่าวจากหนังสือพิมพ์ประชาชาติธุรกิจ