สามีฝรั่งทำร้ายร่างกาย
อยากหย่า
คุณเอ๋ อายุ 43 ปี ได้เข้ามาปรึกษาทนายคลายทุกข์
โดยเล่าให้ฟังว่า ได้อยู่กินกับสามีชาวฮอลแลนด์ เมื่อประมาณปี พ.ศ. 2546
และต่อมาได้จดทะเบียนสมรสกันเมื่อประมาณปี พ.ศ. 2548 และอยู่กินกันเรื่อยมาที่บ้านย่านรามคำแหง
บ้านหลังดังกล่าวมีคุณเอ๋อาศัยอยู่กับสามี อายุ 46 ปี
และลูกสาวของคุณเอ๋ (ลูกกับสามีเก่า) อายุ 10 ขวบ
บ้านหลังดังกล่าวได้เช่าซื้อกับธนาคารไทยพาณิชย์ ผ่อนเดือนละ 29,500 บาท ตั้งแต่วันที่ 11 เมษายน 2551 คุณเอ๋มีสถานะภาพเป็น เจ้าบ้าน และอยู่กินฉันสามีภรรยามาโดยตลอด ก่อนที่คุณเอ๋จะซื้อบ้าน
คุณเอ๋ได้ไปกู้ยืมเงินกับเพื่อนบ้าน จำนวน 1,200,000
บาท เมื่อประมาณเดือนเมษายน 2551 เพื่อจะนำเงินมาดาวน์บ้าน และต่อมาประมาณเดือนพฤษภาคม 2551 คุณเอ๋ก็ไปกู้ยืมเงินกับเพื่อนบ้าน อีกจำนวน 300,000 บาท เงินที่คุณเอ๋กู้ยืมเงินมาทั้งหมด เพื่อนำมาดาวน์บ้านหลังดังกล่าวโดยตรง
ต่อมาคุณเอ๋ได้กู้ยืมเงินเพื่อนสนิทอีกจำนวน 180,000 บาท เมื่อวันที่
15 ธันวาคม 2550 เพื่อนำเงินมาสำรองจ่ายในร้านขายยา ที่คุณเอ๋เปิดดำเนินการอยู่ สามีของคุณเอ๋
รู้เรื่องเงินที่ไปเอามา แต่ไม่มีลายมือชื่อของสามีรับรองหรือเป็นพยานแต่อย่างใด
คุณเอ๋ เปิดร้านขายยา ชื่อ ร้าน รามเฮลล์แคร์
อยู่ย่านรามคำแหง ซึ่งคุณเอ๋เป็นเจ้าของเอง
โดยร้านดังกล่าวคุณเอ๋ใช้เงินของตนเองเปิดร้านและลงทุนเอง
หลังจากที่คุณเอ๋ได้อยู่กินกับสามี อยู่กินกันมาประมาณ 4 ปี สามีชาวฮอลแลนด์ได้เปลี่ยนแปลงและมีพฤติกรรมเปลี่ยนไป
โดยกลับบ้านดึกเป็นประจำ เที่ยว กินเหล้า แถวสุขุมวิท เป็นประจำ ซึ่งคุณเอ๋ทนทุกข์ทรมานด้วยการรอให้สามีกลับบ้าน แต่สามีของคุณเอ๋กลับบ้านดึก และกลับสว่างเรื่อยมา
โดยมีผู้หญิงนั่งรถแท็กซี่มาส่งถึงหน้าบ้าน ซึ่งคุณเอ๋ก็เห็นเหตุการณ์
พร้อมกับ รปภ.หน้าหมู่บ้านก็เห็นว่าสามีของคุณเอ๋ กับผู้หญิงนั่งรถแท็กซี่มาด้วยกัน เมื่อคุณเอ๋ถามสามี
สามีก็ด่า โมโห ทำร้ายร่างกาย ผลัก
ทำร้ายทรัพย์สินของคุณเอ๋
โดยกระทืบพระเครื่องที่คุณเอ๋เคารพบูชา
และด่าทอบุพพการีของคุณเอ๋ ว่า โง่ ไม่มีการศึกษา สามีของคุณเอ๋ได้กระทำและทำร้ายจิตใจและทำร้ายร่างกายคุณเอ๋เป็นประจำต่อเนื่องเป็นปี เมื่อมีการทะเลาะกัน
วันที่
9 สิงหาคม 2551 เวลาประมาณ 23.00 น. สามีของคุณเอ๋
ได้ทำร้ายร่างกายข้าพเจ้าด้วยการตบตีผลัก
และกระทืบพระเครื่องและขว้างปาทรัพย์สินภายในบ้าน คุณเอ๋จึงไปแจ้งความไว้ที่สถานีตำรวจ
วันที่
10 สิงหาคม 2551 คุณเอ๋ได้กลับเข้าบ้านประมาณ 5 ทุ่มเศษ
สามีของคุณเอ๋ ได้พูดจาข่มขู่คุณเอ๋ตลอดเวลา สามีพูดว่าถ้าอยากให้หย่า ก็ให้คุณเอ๋ไปหาเงินมาให้จำนวน 5 แสนบาท และจะหย่าให้
คุณเอ๋ บอกว่าไม่มี สามีคุณเอ๋ก็ข่มขู่อีกอยู่เรื่อย
ๆ และมีปากเสียงทะเลาะกันเรื่อย ๆ
เมื่อวันที่
10 สิงหาคม 2551 คุณเอ๋ได้ไปแจ้งความไว้เป็นหลักฐานที่สถานีตำรวจอีกครั้ง
ที่สามีทำร้ายร่างกายคุณเอ๋
เมื่อวันที่ 11
สิงหาคม 2551 คุณเอ๋กลับเข้าบ้านตอนเย็น คุณเอ๋เห็นสามีขนของออกจากบ้าน คุณเอ๋ก็ถามว่า
จะเอาอย่างไร สามีคุณเอ๋ บอกว่าหาเงินก้อนหนึ่งให้เขา จึงจะเลิกให้
คุณเอ๋ก็บอกว่าม่มีเงิน สามี
ก็ขู่ว่าให้เซ็งร้านขายของจะได้เอาเงินมาแบ่งกัน 50% เนื่องจากเป็นสินสมรสด้วยกัน สามีก็บอกว่าอีกว่าให้ขายบ้านเพื่อจะได้แบ่ง
50% เหมือนกัน คุณเอ๋บอกว่าไม่มี สามีคุณเอ๋ก็ขู่จะฟ้องหย่า
ถ้าไม่ยอมให้เงิน
วันที่
11 สิงหาคม 2551 คุณเอ๋ ได้ไปแจ้งความที่สถานีตำรวจ ข้อหาทำร้ายกาย และขู่จะเอาชีวิต
และจะเผาบ้าน และแจ้งความที่สามีขนของเสื้อผ้าออกจากบ้าน ซึ่งคุณเอ๋กลัวว่าจะได้รับอันตรายใด ๆ อันเกิดจากการกระทำของสามี คุณเอ๋จึงเข้าแจ้งความกับร้อยเวรไว้เป็นหลักฐาน
คำถาม
1.
จะฟ้องหย่าและเรียกค่าเสียหายกับสามีได้หรือไม่
คำแนะนำ
1.
คดีนี้ก่อนจะฟ้องหย่าจะต้องให้นักสืบรวบรวมพยานหลักฐานเกี่ยวกับสาเหตุที่จะใช้ในการหย่า
ตาม ป.พ.พ.มาตรา 1516 ให้ครบถ้วนเสียก่อน เช่น
คดีนี้เข้าตาม (1) คือร่วมประเวณีกับหญิงอื่นเป็นอาจิณ ต้องมีพยานหลักฐาน เช่น
ภาพถ่ายหรือวีดีโอเทป ยืนยันเกี่ยวกับเรื่องประเวณี
หรือการยกย่องหญิงอื่นเยี่ยงภรรยา และยังเข้าตาม (3)
สามีทำร้ายร่างกายหรือทรมานจิตใจ หมิ่นประมาทเหยียดหยาม และด่าบุพการีของภรรยา
ถ้ามีเทปบันทึกเสียงหรือภาพ ก็จะเข้าองค์ประกอบของกฎหมาย และเข้าตาม (6)
สามีไม่ช่วยเหลืออุปการะเลี้ยงดู และเข้าตาม (2)
ประพฤติชั่วทำให้ได้รับความเสียหายหรือเดือดร้อนเกินควร
ให้ถ่ายภาพเกี่ยวกับทรัพย์สินที่เสียหาย
เมื่อได้พยานหลักฐานพร้อมแล้ว
ให้ฟ้องหย่าต่อศาลเยาวชนและครอบครัวได้ทันที