ชนแล้วไม่รับผิดชอบ
คุณลุงอัศวิน แก่นพรหม เป็นเจ้าของรถแท็กซี่เขียว-เหลือง มข 15 กรุงเทพมหานคร ถูกรถคู่กรณี 2 คัน ชนท้ายเมื่อวันที่ 30 มิถุนายน พ.ศ. 2551 ถนนอ่อนนุช เขตลาดกระบัง กรุงเทพมหานคร รถคู่กรณี 2 คันชนท้ายไม่รับผิดชอบ รถคุณลุงต้องซ่อมเป็นเวลาประมาณครึ่งเดือน
ทำให้ไม่สามารถวิ่งรับผู้โดยสารได้ ขาดประโยชน์วันละ 1,600 บาท
และรถเสื่อมสภาพคิดเป็นร้อยละ
30 ของราคารถแท็กซี่ และค่าซ่อม 36,500 บาท
บริษัท
สินมั่นคงประกันภัย
บริษัทประกันไม่รับผิดชอบ
โดยพนักงานสอบสวน สน.ลาดกระบังสั่งให้คู่กรณีจ่ายคนละครึ่ง แต่ตกลงกันไม่ได้ ตอนแรกบริษัทประกันยินยอม
แต่รถคันที่สองไม่มีประกันจึงตกลงกันไม่ได้
ทนายคลายทุกข์ได้ให้คำแนะนำให้คุณลุงนำรถไปตีราคาจากอู่
ให้ตีราคาค่าซ่อมตามความเสื่อมราคาของรถ
หลังจากนั้นให้แต่งตั้งทนายความฟ้องศาลเรียกค่าทดแทนต่อไป ซึ่งตามกฎหมายต้องฟ้องร้องในระยะเวลา 1 ปี ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 448
ตัวบทกฎหมายอ้างอิง
ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์
มาตรา 437
บุคคลใดครอบครองหรือควบคุมดูแลยานพาหนะอย่างใดๆ
อันเดินด้วยกำลังเครื่องจักรกล
บุคคลนั้นจะต้องรับผิดชอบเพื่อการเสียหายอันเกิดแต่ยานพาหนะนั้น
เว้นแต่จะพิสูจน์ได้ว่าการเสียหายนั้นเกิดแต่เหตุสุดวิสัย หรือเกิดเพราะความผิดของผู้ต้องเสียหายนั้นเอง
ความข้อนี้ให้ใช้บังคับได้ตลอดถึงผู้มีไว้ในครอบครองของตน
ซึ่งทรัพย์อันเป็นของเกิดอันตรายได้โดยสภาพ หรือโดยความมุ่งหมายที่จะใช้
หรือโดยอาการกลไกของทรัพย์นั้นด้วย
มาตรา 448
สิทธิเรียกร้องค่าเสียหายอันเกิดแต่มูลละเมิดนั้น
ท่านว่าขาดอายุความเมื่อพ้นปีหนึ่งนับแต่วันที่ผู้ต้องเสียหายรู้ถึงการละเมิดและรู้ตัวผู้จะพึงต้องใช้ค่าสินไหมทดแทน
หรือเมื่อพ้นสิบปีนับแต่วันทำละเมิด
แต่ถ้าเรียกร้องค่าเสียหายในมูลอันเป็นความผิดมีโทษตามกฎหมายลักษณะอาญา
และมีกำหนดอายุความทางอาญายาวกว่าที่กล่าวมานั้นไซร้
ท่านให้เอาอายุความที่ยาวกว่านั้นมาบังคับ