เหตุฟ้องหย่าตามกฎหมาย|เหตุฟ้องหย่าตามกฎหมาย

เหตุฟ้องหย่าตามกฎหมาย

  • ทนายคลายทุกข์ ปรึกษากฎหมาย โทร 02-9485700
  • Email: [email protected]
Header Background Image

งานเผยแพร่ความรู้ทางด้าน กฎหมาย การบริหารการจัดการหนี้สินในองค์กรภาครัฐและภาคเอกชน การฝึกอบรมสัมมนาพัฒนาบุคลากร ในการประกอบธุรกิจ หากหน่วยงานของรัฐ บริษัทห้างร้าน มีความสนใจ เชิญทีมงานไปฝึกอบรมสัมมนาหรือต้องการข้อมูลข่าวสาร ติดต่อได้ที่ 02-948-5700 อ่านต่อ

ท่านใดที่สนใจเกี่ยวกับหลักสูตรฝึกอบรมการติดตามหนี้ ทวงหนี้อย่างไรให้ได้ผล ได้เงิน รักษาภาพลักษณ์ รักษาลูกค้า/หลักสูตรการป้องกันและการปราบปรามการทุจริตภายในองค์กร/หลักสูตรกฎหมายแรงงาน สำหรับเจ้าหน้าที่ฝ่ายบุคคลหรือผู้บริหารบริษัท สนใจโทร.02-9485700 อ่านต่อ

สืบทุกเรื่องที่คุณอยากรู้ มีเรื่องคาใจอยากรู้ความจริง โทรมาคุยกับกุ้งได้ที่ 081-625-2161หรือ 089-669-5026 "อย่าปล่อยให้มีเรื่องคาใจ อะไรที่ไม่สบายใจ ต้องหาทางปลดปล่อย สืบให้รู้ความจริง จะได้จบสิ้นกันเสียที สำหรับความทุกข์ที่คาใจมาเป็นเวลานาน อย่าปล่อยให้คนนอกใจลอยนวล" อ่านต่อ

รับแปลเอกสารต่างๆ อ่านต่อ

เหตุฟ้องหย่าตามกฎหมาย

วันนี้ส.ส.พรรคชาติไทยถูกภรรยาฟ้องหย่าโดยอ้างเหตุหย่าว่าทำร้ายร่างกาย ได้รับอันตรายสาหัส แพร่โรคร้าย ขอหย่าแล้วไม่ยอมหย่า ซึ่งตามหลักกฎหมาย การหย่าทำได้ 2 วิธี

บทความวันที่ 19 มิ.ย. 2551, 00:00

มีผู้อ่านทั้งหมด 4611 ครั้ง


เหตุฟ้องหย่าตามกฎหมาย

เหตุฟ้องหย่าตามกฎหมาย

วันนี้ส.ส.พรรคชาติไทยถูกภรรยาฟ้องหย่าโดยอ้างเหตุหย่าว่าทำร้ายร่างกาย ได้รับอันตรายสาหัส แพร่โรคร้าย ขอหย่าแล้วไม่ยอมหย่า ซึ่งตามหลักกฎหมาย การหย่าทำได้ 2 วิธี

    • หย่าโดยความยินยอม
    • หย่าโดยคำพิพากษาของศาล

ดังนั้นถ้าคู่สมรสไม่ยอมหย่า อีกฝ่ายหนึ่งต้องไปฟ้องศาลเยาวชน ในแต่ละจังหวัด ซึ่งส่วนใหญ่ศาลมักจะให้หย่า เพราะอยู่ด้วยกันไม่ได้

เนื้อหาจ่าวจากหนังสือพิมพ์ไทยรัฐ

ที่ศาลจังหวัดธัญบุรี จ.ปทุมธานี เมื่อเวลา 14.30น. วันที่ 18 มิ.ย. นางชลธิชา ปานแย้ม อายุ 38 ปี ภรรยานายเอกพจน์ ปานแย้ม ส.ส.ปทุมธานี รองโฆษกพรรคชาติไทย ได้เดินทางไปเพื่อยื่นคำฟ้องดำเนินคดีอาญากับนายเอกพจน์ ข้อหาทำร้ายร่างกายสาหัส และข้อหาเป็นเจ้าพนักงานมีหน้าที่ทำเอกสาร กรอกข้อความอันเป็นเท็จโดยในคำฟ้องระบุว่า เมื่อวันที่ 4 มิ.ย. 2542 โจทก์จำเลยได้จดทะเบียนสมรสกันโดยชอบด้วยกฎหมาย ณ สำนักทะเบียนอำเภอธัญบุรี โดยระหว่างประมาณต้นปี พ.ศ. 2542 จนถึงวันที่ 8 ก.พ. 2551 เวลากลางวันและกลางคืนต่อเนื่องกัน วันเวลาใดไม่ปรากฏชัด จำเลยได้กระทำความผิดต่อกฎหมายหลายบทหลายกรรมต่างกัน กล่าวคือระหว่างประมาณต้นปี 2542 จนถึงประมาณปลายปี พ.ศ. 2542 จำเลยซึ่งทราบดีว่าตนได้ป่วยเจ็บเรื้อรัง ด้วยโรคร้ายแรงที่ยังไม่มียารักษาได้ ได้บังอาจทำร้ายร่างกายโจทก์ โดยการจงใจแพร่เชื้อโรคร้ายแรงดังกล่าว ให้แก่โจทก์หลายครั้งหลายหน จนเป็นเหตุให้โจทก์รับอันตรายสาหัส ต้องป่วยเจ็บโรคร้ายแรงดังกล่าว จนต้องเข้ารักษาอย่างต่อเนื่องและอาจถึงแก่ชีวิต

 

คำฟ้องระบุอีกว่า เมื่อประมาณเดือน ก.ย. 2543 เวลากลางวัน จำเลยรู้อยู่แล้วว่าโจทก์ร่างกายอ่อนแอป่วยเจ็บ ด้วยโรคเรื้อรังที่ยังไม่มียารักษาได้ดังกล่าวจากโจทก์ ข้างต้น จำเลยได้บังอาจทำร้ายโจทก์ ด้วยการชกต่อยศีรษะของโจทก์ ทำให้ใบหน้าโจทก์แตก ดวงตาซ้ายโจทก์แตกช้ำบวมอักเสบอย่างมากจนเป็นเหตุให้โจทก์รับอันตรายสาหัส ป่วยเจ็บด้วยอาการทุกขเวทนาเกินกว่า 20 วัน หรือจนประกอบกรณียกิจตามปกติไม่ได้เกินกว่า 20 วัน

 

เมื่อวันที่ 1 มิ.ย. 2544 เวลากลางวัน ตรงกับวันคล้ายวันเกิดของจำเลย จำเลยรู้อยู่แล้วว่าโจทก์ร่างกายอ่อนแอ ได้บังอาจทำร้ายโจทก์ด้วยการตบศีรษะโจทก์ ทุบตีร่างกายอย่างแรง จนโจทก์กลิ้งไปกลิ้งมาและตกถนนลงข้างทาง การกระทำดังกล่าวของจำเลย เป็นเหตุให้ศีรษะโจทก์ด้านหลังซ้ายบวมแดงขนาดใหญ่ จนอักเสบอย่างมากปวดช้ำตามลำตัว จนโจทก์รับอันตรายสาหัส ป่วยเจ็บด้วยอาการทุกขเวทนาเกินกว่า 20 วัน หรือจนประกอบกิจตามปกติไม่ได้เกินกว่า 20 วัน

 

คำฟ้องระบุด้วยว่า เมื่อวันที่ 8 ก.พ. 2551 เวลากลางวัน จำเลยเป็นสมาชิกสภานิติบัญญัติแห่งรัฐ ซึ่งเป็นเจ้าพนักงานมีหน้าที่กรอกข้อความในบัญชีทรัพย์สินและหนี้สินของเจ้าหน้าที่ของรัฐ มีหน้าที่ยื่นบัญชีแสดงรายการทรัพย์และหนี้สินของตน คู่สมรส และบุตรที่ยังไม่บรรลุนิติภาวะต่อคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ หรือ ป.ป.ช. ทุกครั้งที่เข้ารับตำแหน่งหรือพ้นจากตำแหน่ง ได้กระทำการในการปฏิบัติตามหน้าที่ รับรองเป็นหลักฐานซึ่งข้อเท็จจริงอันเอกสารนั้น มุ่งพิสูจน์ความจริงอันเป็นเท็จ แล้วนำไปยื่นต่อนายกล้านรงค์ จันทิก คณะกรรมการ ป.ป.ช. ที่เป็นเจ้าพนักงานว่า เมื่อวันที่ 8 ก.พ. 2551 โจทก์มีเงินฝาก 38,618.36 บาท โจทก์มีเงินลงทุน 1,490,000 บาท โจทก์มียานพาหนะราคา 1,000,000 บาท รวมทรัพย์สิน 2,528,618.36 บาท ทั้งๆที่โจทก์ไม่มีเงินและทรัพย์สินแต่อย่างใดทั้งสิ้น

 

อีกทั้งโจทก์ยังทราบว่าจำเลยมีทรัพย์สินมากกว่า 9,760,181.00 บาท ตามที่ได้แจ้งไว้อีกด้วย โดยจำเลยได้ มอบหมายให้อยู่ในความครอบครอง หรือดูแลของญาติพี่น้องของจำเลย รวมทั้งบุคคลอื่นไม่ว่าโดยทางตรงหรือทางอ้อมด้วย นอกจากนั้นจำเลยยังได้กรอกข้อความในบัญชีแสดงรายการทรัพย์สินและหนี้สินของเจ้าหน้าที่ของรัฐ ต่อ ป.ป.ช.ทุกครั้งที่เข้ารับตำแหน่งหรือพ้นจากตำแหน่งโดยทุจริต โดยเหตุตามฟ้องเกิดที่ ต.บางตาล อ.ปากเกร็ดจ.นนทบุรี และ ต.ท่ามะขาม อ.เมืองกาญจนบุรี และแขวงดุสิต เขตดุสิต กทม.

 

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ศาลได้ลงเป็นบันทึกคดีหมายเลขดำที่ 3643/2551 โดยจะมีการนัดไต่สวนโจทก์ ครั้งแรกในวันที่ 25 ส.ค.นี้ เวลา 13.30 น.

ทางด้านนายเอกพจน์ ปานแย้ม ส.ส.ปทุมธานี พรรคชาติไทย ยอมรับว่า มีปัญหาภายในครอบครัว เนื่องจากความไม่เข้าใจกัน ขณะนี้ได้แยกกันอยู่กับภรรยามานานร่วมสองเดือนแล้ว ปัญหาของครอบครัวเป็นเรื่องละเอียดอ่อน เกิดจากความไม่เข้าใจกัน และเรื่องลักษณะนิสัยที่เข้ากันไม่ได้ ที่ผ่านมาได้ขอหย่ากับฝ่ายหญิง แต่ก็ถูกบ่ายเบี่ยง ไม่ยอมพูดถึง จนทำให้ต้องออกจากบ้านและแยกกันอยู่ ส่วนที่มีการอ้างว่าทำร้ายร่างกายภรรยานั้น ขอปฏิเสธว่าไม่มี เพราะโดยส่วนตัวทุกคนที่อยู่รอบข้างมา จะรู้ดีว่ามีลักษณะนิสัยอย่างไร ปกติเป็นคนใจเย็น และไม่คิดว่าฝ่ายหญิงจะนำเรื่องดังกล่าวไปฟ้องร้องต่อศาล ก็ไม่รู้จะทำอย่างไร เพราะที่ผ่านมาได้พยายามทุกอย่างแล้ว ทั้งให้แม่ของตนไปช่วยพูดจาไกล่เกลี่ย แต่ในเมื่ออยู่กันไม่ได้ก็ต้องขอหย่า แต่ฝ่ายหญิงก็ยังไม่ยอมหย่าให้ คาดว่าที่เขาไปฟ้องร้อง เนื่องจากคงจะเกิดความหวาดระแวงว่าจะไม่รับผิดชอบ แต่ขอยืนยันว่าพร้อมที่จะรับผิดชอบทุกอย่างทั้งลูกและค่าใช้จ่ายของภรรยา

ผู้สื่อข่าวถามว่า ฝ่ายภรรยาระบุในคำฟ้องด้วยว่านายเอกพจน์แจ้งบัญชีทรัพย์สินและหนี้สินเป็นเท็จ นายเอกพจน์ตอบว่า เรื่องนี้ไม่มีอะไรต้องเป็นห่วง เพราะยืนยันได้ว่าได้ชี้แจงทรัพย์สินต่อ ป.ป.ช. ทั้งที่มีในชื่อของตน ภรรยาและชื่อลูกตรงตามความเป็นจริง ไม่คิดว่าภรรยาของตนจะใช้วิธีฟ้องร้องต่อศาล เพราะขณะนี้งานการเมืองก็ค่อนข้างมาก ต้องทำหน้าที่วิปรัฐบาลด้วย ต้องติดตามงานหลายเรื่อง จึงอาจไม่ได้มีเวลาเข้าไปพูดคุยกับเขา แต่ก็ได้ให้แม่ของตนเข้าไปทำความเข้าใจแล้ว โดยยืนยันจะขอหย่าแยกทางกัน และพร้อมจะรับผิดชอบเรื่องลูกทุกอย่าง

ขอขอบคุณเนื้อหาข่าวจาก http://www.thairath.co.th/

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นที่ 19

 กรณีภรรยาจิ๋มเหม็น ฟ้องหย่าได้หรือเปล่าครับ อยากทราบข้อกฎหมายข้อนี้ครับ

โดยคุณ เอก 24 เม.ย. 2557, 11:10

ความคิดเห็นที่ 18

 ขอขััดแย้งจากความเห็นคุณเก๋นิดนึงนะคะ ครอบครัวบางครอบครัวเขาได้ตระหนักถึงยุ่กับความคิดของคุณ แต่ปัญหาร้อยแปดพันเก้าไม่เหมือนกันหรอกค่ะ บางคนเขาเจ็บช้ำน้ำใจขนาดไหนที่เขาถึงจุดนี้แล้ว แต่การแก้ปัญหามันไม่สามารถเป็นไปได้อย่างที่เราหวังที่จะต้องมานั่งจับเข่าคุยกันถ้าหากอีกฝ่ายไม่เห็นด้วยและไม่ให้ความร่วมมือด้วยปัญหาก็แก้ไม่ได้ มันเป็นเรื่องที่อธิบายยากมากถ้าคุณไม่เคยเจอ

โดยคุณ คุณเอ 11 ม.ค. 2557, 11:53

ตอบความคิดเห็นที่ 18

เมื่อมีข้อพิพาทกันควรเจรจาไกล่เกลี่ยประนีประนอมข้อพิพาทกัน

โดยคุณ ทีมงานทนายคลายทุกข์ (สมาชิก) 26 ม.ค. 2557, 10:54

ความคิดเห็นที่ 17

เมื่อมีข้อพิพาทกันควรเจรจาไกล่เกลี่ยประนีประนอมข้อพิพาทกัน

โดยคุณ ทีมงานทนายคลายทุกข์ (สมาชิก) 26 ม.ค. 2557, 10:54

ความคิดเห็นที่ 16

 ดิฉันต้องการหย่ากับสามีเพราะสามีไม่ทำงานอะไรถ้าทำก็ได้ไม่กี่วันและไม่เคยเลี้ยงดูดิฉันและบุตรเอาแต่นอน กินเหล้าเล่นยาเสพย์ติดทุกวัน  แต่พอดิฉันจะรับเลี้ยงบุตรไว้ที่บ้านดิฉันแต่ฝ่ายสามีก็ไม่ยอมและยังขู่จะยิงคนที่มาเอาลูกไป   และค่าฝากครรภ์ และค่าทำคลอดจนกระทั่งของใช้ต่าง ๆ ดิฉันเป็นคนรับผิดชอบ  ไม่ทราบว่าดิฉันจชนะในการะฟ้องหย่าเพื่อรับบุตรมาไว้ในการเลี้ยงดูของดิฉันได้หรือเปล่าค่ะ

โดยคุณ นิรมล 19 มี.ค. 2556, 19:51

ตอบความคิดเห็นที่ 16

คุณมีเหตุฟ้องหย่าตาม ป.พ.พ.มาตรา 1516 คุณมีโอกาสสูงแต่อยู่ที่ดุลพินิจศาลจะให้อย่างไร

โดยคุณ ทีมงานทนายคลายทุกข์ (สมาชิก) 2 เม.ย. 2556, 15:00

ความคิดเห็นที่ 15

คุณมีเหตุฟ้องหย่าตาม ป.พ.พ.มาตรา 1516 คุณมีโอกาสสูงแต่อยู่ที่ดุลพินิจศาลจะให้อย่างไร

โดยคุณ ทีมงานทนายคลายทุกข์ (สมาชิก) 2 เม.ย. 2556, 15:00

ความคิดเห็นที่ 14

แฟนหนูเค้าแยกกันอยู่กะภรรยามาหลายปีแล้วน่าจะเกิน 3 ปี แล้วค่ะ เค้าขอหย่าแต่ภรรยาไม่ยอมหย่า น้องก็แนะนำให้เค้าฟ้องหย่าแต่เค้าก็บอกว่าถ้าฟ้องแล้วเรื่องราวจะมาถึงหนู มันจะเกี่ยวกันมั้ยค่ะที่เรื่องราวมันจะมาถึงหนู แล้วถ้าเค้าฟ้องจะชนะมั้ยค่ะ

โดยคุณ คุณสุ 1 ก.ย. 2554, 16:16

ความคิดเห็นที่ 13

หนูไม่เข้าใจทำไมภรรยาเก่าแฟนถึงไม่ยอมหย่าสักทีทั้งๆที่ ตัวเค้าก็มีสามีใหม่แล้ว และอีกอย่างก็ให้คนอื่นโทรมาด่าหนูอย่างนี้เราแจ้งความจับได้ไหมค่ะ

โดยคุณ 25 ก.ค. 2554, 13:34

ตอบความคิดเห็นที่ 13

พฤติการณ์ที่คู่สมรสต่างฝ่ายต่างมีภรรยาและสามีกันใหม่แล้ว ย่อมทำการเป็นปฏิปักษ์ต่อการที่เป็นสามีภริยากันอย่างร้ายแรง ย่อมเป็นเหตุที่ฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งนำมาเป็นเหตุฟ้องหย่าอีกฝ่ายหนึ่งได้ ตาม ป.พ.พ.มาตรา 1516(6) ส่วนการที่ภรรยาเก่าเป็นผู้ใช้ให้ผู้อื่นโทรมาด่าว่าท่านเสียๆ หายๆ เป็นสิทธิของท่านแจ้งความต่อตำรวจเพื่อดำเนินคดีอาญาฐานหมิ่นประมาทได้

โดยคุณ ทีมงานทนายคลายทุกข์ (สมาชิก) 29 ก.ค. 2554, 15:35

ความคิดเห็นที่ 12

พฤติการณ์ที่คู่สมรสต่างฝ่ายต่างมีภรรยาและสามีกันใหม่แล้ว ย่อมทำการเป็นปฏิปักษ์ต่อการที่เป็นสามีภริยากันอย่างร้ายแรง ย่อมเป็นเหตุที่ฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งนำมาเป็นเหตุฟ้องหย่าอีกฝ่ายหนึ่งได้ ตาม ป.พ.พ.มาตรา 1516(6) ส่วนการที่ภรรยาเก่าเป็นผู้ใช้ให้ผู้อื่นโทรมาด่าว่าท่านเสียๆ หายๆ เป็นสิทธิของท่านแจ้งความต่อตำรวจเพื่อดำเนินคดีอาญาฐานหมิ่นประมาทได้

โดยคุณ ทีมงานทนายคลายทุกข์ (สมาชิก) 29 ก.ค. 2554, 15:35

ความคิดเห็นที่ 11

ผู้หญิงที่ทำตัวเป็นผู้หญิงอย่างว่ามาก่อนสมควรฟ้องหย่าไหมคะ

โดยคุณ 25 ก.ค. 2554, 13:32

ตอบความคิดเห็นที่ 11

หากเป็นเหตุให้สามีได้รับความอับอายขายหน้าอย่างร้ายแรง หรือได้รับความดูถูกเกลียดชัง เพราะเหตุที่คงเป็นสามีของภรรยาที่ประพฤติชั่วต่อไป นำมาเป็นเหตุฟ้องหย่าได้ตามกฎหมาย ตาม ป.พ.พ.มาตรา 1516(2) (ก)(ข)

โดยคุณ ทีมงานทนายคลายทุกข์ (สมาชิก) 29 ก.ค. 2554, 15:35

ความคิดเห็นที่ 10

หากเป็นเหตุให้สามีได้รับความอับอายขายหน้าอย่างร้ายแรง หรือได้รับความดูถูกเกลียดชัง เพราะเหตุที่คงเป็นสามีของภรรยาที่ประพฤติชั่วต่อไป นำมาเป็นเหตุฟ้องหย่าได้ตามกฎหมาย ตาม ป.พ.พ.มาตรา 1516(2) (ก)(ข)

โดยคุณ ทีมงานทนายคลายทุกข์ (สมาชิก) 29 ก.ค. 2554, 15:35

ความคิดเห็นที่ 9

แล้วการสมรสที่เป็นโมฆะอยู่  ฝ่ายชายท้าหย่า  จำเป็นต้องไปทำเรื่องหย่าที่อำเภอหรือไม่

โดยคุณ แม่เลี้ยงเดี่ยว 2 ก.ค. 2553, 09:05

ความคิดเห็นที่ 8

มีใครช่วยความคิดเห็นที่ 5ได้บ้างครับ

โดยคุณ 19 ธ.ค. 2552, 10:25

ความคิดเห็นที่ 7

ขอถามว่าแฟน ของผมอายุ22 เค้าถูกพ่อแม่บังคับให้จดทะเบียนสมรสกับคนอื่น ผมอยากถามว่าแฟน ของผมเค้าต้องทำไงครับ เค้าเคยบอกผมว่าเค้าจะหนี ทางที่ดีที่สุด ต้องทำอย่างไรครับ กรุณาตอบด้วยครับ

โดยคุณ 19 ธ.ค. 2552, 10:21

ความคิดเห็นที่ 6

กระผมแยกกับภรรยาที่จดทะเบียนสมรสมานานเป็นเวลา 26 ปีแล้ว กระผมต้องการหย่าจะต้องดำเนินการอย่างไร  ขอคำแนะนำด้วย

โดยคุณ สมโภชน์ บุญประกอบ 13 ธ.ค. 2552, 07:33

ตอบความคิดเห็นที่ 6

ถ้าภริยาไม่สมัครใจหย่า ต้องฟ้องหย่า และเหตุฟ้องหย่ามีตาม ป.พ.พ. มาตรา 1516 ซึ่งในกรณีของคุณน่าจะเข้ามาตรา 1516(4) หรือ 1516 (4/1) แนะนำใหเเข้ามาติดต่อทนายความทนายคลายทุกข์ 02-9485700 เพื่อฟ้องศาลต่อไป

โดยคุณ ทีมงานทนายคลายทุกข์ (สมาชิก) 15 ธ.ค. 2552, 16:15

ความคิดเห็นที่ 5

ถ้าภริยาไม่สมัครใจหย่า ต้องฟ้องหย่า และเหตุฟ้องหย่ามีตาม ป.พ.พ. มาตรา 1516 ซึ่งในกรณีของคุณน่าจะเข้ามาตรา 1516(4) หรือ 1516 (4/1) แนะนำใหเเข้ามาติดต่อทนายความทนายคลายทุกข์ 02-9485700 เพื่อฟ้องศาลต่อไป

โดยคุณ ทีมงานทนายคลายทุกข์ (สมาชิก) 15 ธ.ค. 2552, 16:15

แสดงความเห็น

ข่าวที่มีผู้อ่านมาก