การดำเนินคดีกับไฟแนนซ์เถื่อน
วันนี้มีสมาชิกเข้ามาปรึกษาที่ทนายคลายทุกข์ เกี่ยวกับเรื่องบริษัทยึดรถ โดยเรื่องราวมีอยู่ว่า คุณหมู ได้เช่าซื้อรถยนต์ยุโรป กับบริษัทไฟแนนซ์แห่งหนึ่ง ในปี พ.ศ. 2545 โดยผ่อนชำระเดือน ๆ ละ 20,500 บาท ระยะเวลาในการผ่อน 49 งวด
คุณหมูก็ได้ผ่อนชำระค่าเช่าซื้อเรื่อยมาจนถึงงวดที่ 42 บริษัทได้มีหนังสือบอกเลิกสัญญา โดยอ้างว่าผู้เช่าซื้อมีค่างวดค้างชำระเกินกว่า 3 งวด แต่ไม่ได้แจ้งรายละเอียดว่าค้างตั้งแต่เมื่อไร และเป็นเงินเท่าใด โดยบริษัทให้นำเงินไปชำระภายใน 30 วัน หากไม่ชำระให้ส่งมอบรถคืน
หลังจากได้รับหนังสือ ในวันรุ่งขึ้นคุณหมูก็ได้นำค่าเช่าซื้อรถยนต์ไปชำระตามปกติอีก 1 งวด และได้ตรวจสอบเอกสารใบเสร็จการชำระเงิน ก็พบว่าไม่ได้มีการค้างชำระเกิน 3 งวด (ค้างเพียง 2 งวดเท่านั้น) หลังจากนั้นในเดือนถัดมา คุณหมูก็ได้นำค่างวดไปชำระอีก 1 งวดตามปกติ
ซึ่งในระหว่างที่ใช้งานรถคันนี้อยู่นั้น รถมีปัญหาและต้องทำการซ่อมอยู่บ่อยครั้ง ซึ่งในการซ่อมรถ บริษัทจะมีการรับประกัน 3 ปี โดยการซ่อมรถดังกล่าวไม่ต้องเสียค่าใช้จ่าย ซึ่งในระหว่างที่กิโลเมตรที่ 78,000 คุณหมูได้นำรถเข้าซ่อม โดยแจ้งว่าเกียร์มีปัญหา แต่ช่างบอกว่าไม่ได้มีสาเหตุมาจากเกียร์ สาเหตุมาจากจุดอื่น คุณหมูก็ได้ชำระค่าซ่อมรถไป (ซึ่งตอนนั้นรถยังอยู่ในช่วงประกัน)
หลังจากนั้นพอใช้รถได้มาถึงกิโลเมตรที่ 100,000 รถก็เกิดมีปัญหาเกียร์เสีย คุณหมูจึงได้นำรถเข้าซ่อมและช่างแจ้งว่าต้องเปลี่ยนใหม่ มีค่าใช้จ่าย 55,000 บาท ซึ่งคุณหมูแจ้งว่า เคยแจ้งซ่อมเกียร์ไปแล้วตั้งแต่รถยังไม่หมดประกัน
คุณหมูจึงเอะใจว่า ตั้งแต่ซื้อรถมามีการซ่อมมาตลอด จึงได้นำเรื่องไปแจ้งที่สคบ.เพื่อตรวจสอบ และระหว่างที่สคบ.กำลังดำเนินการอยู่ คุณหมูก็ยังไม่กล้าชำระค่างวดเนื่องจากยังไม่ทราบว่ารถคืนหรือไม่ หรือว่าอย่างไร
ต่อมาประมาณวันที่ 11 เดือนมีนาคม 2551 คุณหมูได้นำเงินไปชำระอีก 2 งวด เนื่องจากหัวหน้าฝ่ายกฎหมายของบริษัทไฟแนนซ์ บอกกับคุณหมูว่าขอให้จ่ายให้ครบ 48 งวดก่อน จะได้ถอนเรื่องการติดตามยึดรถออกจากบัญชี คุณหมูจึงได้นำไปชำระ ให้ครบ 48 งวด เหลือเพียง 1 งวด คืองวด 49 บริษัทจะขยายเวลาให้ผ่อนชำระ โดยขอให้คุณหมูเข้าไปทำสัญญาใหม่
ปรากฏว่าเมื่อวันที่ 3 มิถุนายน 2551 คุณหมูได้ขึ้นไปนั่งในรถเพื่อที่จะขับรถออกไปธุระ ได้มีชาย 2-3 คน รุมเข้ามา คนหนึ่งดึงกุญแจรถ อีกคนหนึ่งรุมดึงตัวคุณหมูออกมาจากรถ และได้มีการยื้อแย่งกันพักหนึ่ง หลังจากนั้นได้มีหัวหน้ากลุ่มคนเหล่านี้ มาคุยกับคุณหมู พร้อมกับมีการโทรเรียกทีมงานมาอีก 4-5 คน โดยแจ้งว่า สามารถช่วยได้ ไม่ยึดรถพี่ แต่ว่าลูกน้องมาแล้ว ต้องมีค่าใช้จ่ายนิดหน่อยก็ได้ สักพันสองพัน คุณหมูแจ้งว่าไม่มีเงิน ชายคนดังกล่าวแจ้งว่า พี่รู้จักใครแถวนี้หรือเปล่า ไปยืมมาก่อนก็ได้ คุณหมูก็แจ้งว่าไม่รู้จักใคร ชายคนดังกล่าวก็จะให้จ่ายให้ได้ ถ้าไม่อย่างนั้นก็ต้องขึ้นรถไปกับเขาเพื่อไปพบหัวหน้าฝ่ายกฎหมาย คุณหมูแจ้งว่าไม่ไป ชายคนดังกล่าวบอกว่า ผมไม่พาพี่ไปฆ่าหรอก คุณหมูก็ยืนยันว่าไม่ไป ชายคนดังกล่าวจึงได้พยักหน้า และให้คนเหล่านั้นขับรถออกไป พร้อมกับขับรถของคุณหมูไปด้วย
ภายในรถของคุณหมูมีทรัพย์สินมีค่ามากมาย ประกอบไปด้วย โฉนดที่ดิน , แว่นตา , เงิน , กระเป๋าเอกสาร , ทรัพย์สินมีค่าหลายรายการ ติดไปกับรถคันดังกล่าวด้วย หลังจากนั้นคุณหมูได้โทรแจ้ง 191 ให้ช่วยสกัดรถคันนี้หน่อย แต่ก็ไม่ได้ผล หลังจากนั้นคุณหมูจึงได้ติดตามไปที่บริษัทว่าได้นำรถไปหรือไม่ บริษัทแจ้งว่าไม่ทราบเรื่อง แต่หลังจากนั้นช่วงเย็น หัวหน้าฝ่ายกฎหมายได้โทรมาแจ้งว่าได้นำรถของคุณหมูไปฝากไว้ที่บริษัทประมูลรถแล้ว พรุ่งนี้ให้มารับหนังสือมอบอำนาจไปเอาทรัพย์สินในรถคืน
ในวันรุ่งขึ้นคุณหมูก็ไปรับทรัพย์สินในรถ พบว่าในกระเป๋าเงินไม่มีเงินเหลือเลยสักบาท และของในรถบางส่วนหลายไป จึงรู้ว่าบริษัทที่นำรถมาฝากไว้ที่บริษัทประมูลรถแล้ว คือบริษัทที่รับจ้างยึดรถ คุณหมูจึงได้ไปแจ้งความดำเนินคดีที่สภต.คูคต ในข้อหาปล้นทรัพย์ ปัจจุบันอยู่ระหว่างการดำเนินคดี
วันนี้คุณหมูจึงได้เข้ามาปรึกษาที่รายการทนายคลายทุกข์ เราจะสามารถดำเนินการอย่างไรกับบริษัทยึดรถเถื่อนแบบนี้ เพื่อป้องกันไม่ให้ไปทำกับคนอื่นอีก
คำแนะนำจากอ.เดชา