ไฟแนนซ์ฟ้องผู้เช่าซื้อยักยอกทรัพย์
ทนายคลายทุกข์ขอเตือนมายังผู้เช่าซื้อทุกคนว่า
นับแต่วันนี้เป็นต้นไปให้ระมัดระวังตัวว่าการยึดรถจะทวีความรุนแรงมากยิ่งขึ้น
และฝ่าฝืนกฎหมาย , ฝ่าฝืนสัญญาเช่าซื้อ , ฝ่าฝืนประกาศ สคบ.
, ฝ่าฝืนศีลธรรม
วันนี้ได้รับคำร้องทุกข์จากเพื่อนสมาชิกรายหนึ่งถูกไฟแนนซ์ซึ่งเป็นสถาบันการเงินฟ้องยักยอกทรัพย์
โดยอ้างว่านำทรัพย์สินที่เช่าซื้อไปขายดาวน์ให้กับบุคคลอื่น
ซึ่งน่าเป็นห่วงมากหากสถาบันการเงินนำมาตรการกฎหมายอาญามาบังคับใช้กับคดีเช่าซื้อ
เชื่อว่าอีกไม่นานนี้จะมีผู้เช่าซื้อติดคุกนับหมื่นราย
เนื่องจากว่า
เมื่อชำระหนี้ค่าเช่าซื้อไม่ได้ ผู้เช่าซื้อมักนำรถยนต์ไปขายดาวน์ให้กับบุคคลอื่น
เช่น อาจจะเป็นเต็นท์รถยนต์หรือเพื่อนฝูง ต้องระมัดระวังให้ดี
การขายดาวน์ทำได้แต่ต้องปฏิบัติดังนี้เพื่อทำให้ถูกต้องตามกฎหมาย
และไม่ตกเป็นเหยื่อของไฟแนนซ์โหด
ทนายคลายทุกข์ขอแนะนำช่องทางที่ถูกกฎหมายในการขายดาวน์รถยนต์ที่เช่าซื้อ
1.
อย่าลืมว่าทรัพย์สินเป็นของไฟแนนซ์ ตราบใดที่ยังชำระค่างวดไม่ครบถ้วน ตาม ป.พ.พ. มาตรา 572 จะทำอะไรต้องเกรงใจไฟแนนซ์
ต้องขอนุญาตจากไฟแนนซ์ในการที่จะนำทรัพย์สินของเขาไปขายให้กับบุคคลอื่น
ถ้าเขายอมก็ทำได้ ถ้าเขาไม่ยอมอย่าเสี่ยง
2.
ถ้ามีการตกลงขายดาวน์ ต้องพาผู้เช่าวซื้อคนใหม่และผู้ค้ำประกันคนใหม่ ไปตรจสอบฐานะทางการเงินว่า
เป็นที่พอใจของสถาบันการเงินหรือไม่
ถ้าตรวจสอบเครดิตแล้วผ่านจึงจะมีการขายดาวน์รถยนต์ที่เช่าซื้อได้
3.
ถ้าตรวจสอบไม่ผ่าน อย่าเพิ่งส่งมอบรถ
มิฉะนั้นอาจถือว่าเป็นการเบียดบังเอาทรัพย์สินของไฟแนนซ์ไปแสวงหาประโยชน์โดยมิชอบด้วยกฎหมาย
ตาม ป.อ.มาตรา 352 มีความผิดฐานยักยอกทรัพย์
โทษจำคุกไม่เกิน 3 ปี และปรับไม่เกิน 6,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ อย่ามักง่าย อาจติดคุกได้ ไฟแนนซ์อาศัยช่องนี้ในการจับผู้เช่าซื้อติดคุก แต่ก็มีเฉพาะไฟแนนซ์โหด ๆ เท่านั้น ไฟแนนซ์ทั่วไปไม่มีที่ไหนจับผู้เช่าซื้อติดคุกหรอก
ถ้ามันโหดมากนักก็อย่าไปใช้บริการ
4.
ข้อต่อสู้ของผู้เช่าซื้อในกรณีถูกฟ้องยักยอกทรัพย์
(ที่ให้คำแนะนำไม่ได้เชียร์ให้ไปโกงไฟแนนซ์นะครับ
กรรมใดใครก่อ ก็ต้องชดใช้กันเอาเอง ชาตินี้ไม่ใช้ ชาติหน้าก็ต้องใช้)
ผู้เช่าซื้อถ้าขายดาวน์เป็นการขายสิทธิเรียกร้อง ไม่ได้ขายรถยนต์ที่เช่าซื้อ
ไม่เข้าข่ายยักยอกทรัพย์
อาจจะผิดสัญญาทางแพ่งที่นำสิทธิในสัญญาเช่าซื้อไปขายโดยไม่ได้รับอนุญาตจากเจ้าของทรัพย์
ถ้าไม่ได้มีเจตนาเบียดบัง แต่มีเจตนาในการที่จะแก้ปัญหาชีวิตของตัวเอง
คือหาเงินจากบุคคลภายนอกมาชำระค่างวดหรือเจตนาโดยสุจริตที่จะเปลี่ยนตัวผู้เช่าซื้อและผู้ค้ำประกัน
แต่เคราะห์ซ้ำกรรมซัด
เจอคนชั่วมาซื้อดาวน์แล้วไม่ยอมส่งต่อ และไม่ยอมไปเปลี่ยนสัญญาที่ไฟแนนซ์
เจตนาของผู้เช่าซื้อมิได้มีเจตนาที่จะเอาทรัพย์ที่เช่าซื้อไปเป็นของตนหรือบุคคลที่สามโดยทุจริต
แปลไทยเป็นไทย ไม่ได้มีเจตนาพิเศษ ที่จะขายรถที่เช่าซื้อหรือเบียดบัง
เจตนามีเพียงต้องการหาทางแก้ปัญหาการค้างชำระค่างวดเท่านั้น ถ้าสืบได้เพียงแค่นี้
คดีไม่น่ามีมูล ศาลน่าจะยกฟ้อง
จำเอาไว้
ไม่มีปัญญา อย่าริอ่านเช่าซื้อรถยนต์ ไฟแนนซ์ยุคนี้โหดจริง
ๆ โชคดีที่คนอย่างผม ไม่ได้ผ่อนชำระค่างวดกับไฟแนนซ์ใด
เลยไม่ต้องตกที่นั่งลำบากเหมือนเพื่อนสมาชิกรายนี้ ใครเจอเคราะห์กรรมแบบนี้
ลองแจ้งมาที่ทนายคลายทุกข์
ด้วยความปรารถนา
จาก อ.เดชา กิตติวิทยานันท์ เป็นที่พึ่งของเพื่อนสมาชิกเสมอ (ยามทุกข์
สุขก็อย่าลืมคิดถึงกันบ้างนะครับ)