ไฟแนนซ์ไม่ยอมรับรถคืนจากโรงพัก
ทุกวันนี้มีผู้เช่าซื้อได้รับผลกระทบจากความไม่รับผิดชอบของไฟแนนซ์ ที่ให้เช่าซื้อรถยนต์
โดยมีคดีเกิดขึ้นมากมายกรณีที่ผู้เช่าซื้อรถยนต์ให้รถเพื่อนยืมหรือคนรู้จัก
แต่นำไปกระทำผิดกฎหมาย เช่น นำไปค้ายาเสพติด ขนของเถื่อน ค้าแรงงานเถื่อน
ปล้นทรัพย์ ลักทรัพย์ เป็นเหตุให้พนักงานสอบสวนจำเป็นจะต้องยึดหรืออายัดรถไว้ชั่วคราวที่โรงพัก
เนื่องจากเป็นทรัพย์สินซึ่งบุคคลได้ใช้หรือมีไว้เพื่อใช้ในการกระทำความผิดตาม ป.อ.มาตรา 33 (1) พนักงานสอบสวนจึงยึดรถไว้เป็นของกลาง
ผู้เช่าซื้อมิได้รู้เห็นเป็นใจในการกระทำความผิด
ตามหลักกฎหมาย ป.อ.มาตรา 36 ผู้เป็นเจ้าของที่แท้จริงและมิได้รู้เห็นเป็นใจด้วยในการกระทำความผิด
มีสิทธิประสานงานติดต่อพนักงานสอบสวนเจ้าของคดีเพื่อขอรับรถคืน
ซึ่งเป็นสิทธิที่ทำได้ตามกฎหมาย และพนักงานสอบสวนจะคืนให้ถ้าเข้าองค์ประกอบตามที่กฎหมายกำหนด
แต่ในทางปฏิบัติเมื่อผู้เช่าซื้อแจ้งให้บริษัทไฟแนนซ์ ดำเนินการส่งทนายความหรือผู้รับมอบอำนาจไปติดต่อพนักงานสอบสวนในฐานะเป็นเจ้าของที่แท้จริง
(ผู้เช่าซื้อยังชำระค่าเช่าซื้อไม่ครบถ้วน) กรรมสิทธิ์ยังเป็นของผู้ให้เช่าซื้อ
และไฟแนนซ์มิได้รู้เห็นเป็นใจในการกระทำความผิด แต่ไฟแนนซ์มักเพิกเฉยและปล่อยปละละเลย ไม่ยอมไปติดตามเอารถคืน
ซึ่งการกระทำของไฟแนนซ์ถือเป็นการกระทำผิดสัญญาเช่าซื้อ
ซึ่งในอดีตที่ผ่านมาศาลฎีกาเคยวินิจฉัยว่า ไฟแนนซ์ผิดสัญญาเช่าซื้อ
ดังนั้นหากผู้เช่าซื้อใดติดต่อไฟแนนซ์แล้วไม่ยอมไปขอรับรถคืนจากพนักงานสอบสวนในคดีอาญา มีสิทธิบอกเลิกสัญญาและฟ้องไฟแนนซ์เรียกค่าเสียหายได้ เช่น ค่าขาดประโยชน์ในการใช้ทรัพย์
รถตากแดดตากฝนทำให้เสื่อมสภาพ เป็นต้น
ไฟแนนซ์ยุคใหม่ เห็นแก่ตัว และไม่มีความรับผิดชอบมีอยู่มาก
หากจะใช้บริการไฟแนนซ์ให้เลือกใช้บริษัทที่มีคุณธรรมจะดีกว่านะครับ