มุมมืดในเรือนจำ
ทนายอาสาซึ่งเป็นทีมงานของทนายคลายทุกข์ได้เข้าเยี่ยมผู้ต้องขัง
ซึ่งถูกศาลพิพากษาให้ลงโทษประหารชีวิต ที่เรือนจำบางขวาง ท่าน้ำนนท์
จังหวัดนนทบุรี ทนายคลายทุกข์จึงขอนำประสบการณ์ชีวิต ที่สะท้อนถึงความผิดพลาดของคน
ถ้าหากว่าไปกระทำความผิดถึงขั้นมีโทษประหารชีวิต
จะต้องทนทุกข์ทรมานอย่างแสนสาหัสจนกว่าจะถูกฉีดยาหรือฉีดสารพิษให้ตายไปตามประมวลกฎหมายอาญา
ซึ่งการรออยู่ในคุกเพื่อรอการประหารทนทุกข์ทรมานยิ่งกว่าถูกประหารในทันทีทันใด
ขั้นตอนตามที่ทนายความจะเข้าไปเยี่ยมผู้ต้องขังที่มีโทษประหารชีวิต
เริ่มต้นดังนี้ครับ
1. พบเจ้าหน้าที่เรือนจำ
เพื่อเยี่ยมผู้ต้องขัง
เจ้าหน้าที่เรือนจำจะถามผู้เข้าเยี่ยมว่าเป็นทนายความของผู้ต้องขังหรือไม่
หากไม่ได้เป็นทนายความของผู้ต้องขัง เจ้าหน้าที่เรือนจำจะไม่ให้เข้าเยี่ยมเด็ดขาด
2. ทนายความที่เข้าเยี่ยมผู้ต้องขัง
จะต้องมีใบแต่งทนายความของผู้ต้องขังนำไปด้วย เพื่อยื่นแก่เจ้าหน้าที่เรือนจำ หากไม่มีเจ้าหน้าที่จะไม่อนุญาตให้เข้าเยี่ยม
บรรยากาศในห้องทนายความ มีลักษณะเป็นห้องสี่เหลี่ยม
มีลูกกรงล้อมรอบ เวลาพูดคุยกับผู้ต้องขัง พูดคุยผ่านทางโทรศัพท์ เหมือนในภาพยนตร์ฮอลลิวู้ด ให้เวลาเยี่ยมไม่จำกัด
แต่ที่สำคัญมีเครื่องดักฟังการสนทนา จะคุยเรื่องส่งยาเสพติดกันไม่ได้
มิฉะนั้นทนายจะต้องติดคุกแทน เนื่องจากเป็นแดนความมั่นคงสูง
3. ห้องเยี่ยมญาติ
สำหรับญาติของผู้ต้องขัง มีลักษณะห้องสี่เหลี่ยมผืนผ้า
ระยะห่างระหว่างญาติกับผู้ต้องขัง จะเป็นทางเดินกว้างประมาณ 1 เมตร
มีเจ้าหน้าที่เรือนจำเดินผ่านไปมา เวลาคุยกับผู้ต้องขังต้องใช้โทรศัพท์
และให้เวลาในการสนทนากันครั้งละ 15 นาที ในแต่ละสัปดาห์จะกำหนดวันเยี่ยมอาทิตย์ละ
2 ครั้ง ยกตัวอย่างเช่น แดน 5 อาทิตย์ละ 2 ครั้ง วันอังคารกับวันพฤหัสบดี
ดังนั้นใครจะไปเยี่ยมญาติที่เรือนจำบางขวางให้สอบถามเจ้าหน้าที่เรือนจำก่อน
จะไม่ได้เสียเวลา
4. การเข้าเยี่ยม
ห้ามนำกระเป๋าเงิน โทรศัพท์มือถือ เข้าไปในเรือนจำ
ทนายความจะต้องนำสิ่งของดังกล่าวไปฝากกับเจ้าหน้าที่เรือนจำ
โดยเจ้าหน้าที่จะนำไปใส่ไว้ในล๊อคเกอร์ และมอบกุญแจให้ทนายความถือไว้
เพื่อป้องกันการกระทำความผิดกฎหมาย
5. การเข้าเยี่ยมผู้ต้องขัง
เจ้าหน้าที่เรือนจำ จะตรวจค้นอย่างเข้มงวดเป็นรายบุคคล เช่น
ตรวจค้นตามร่างกายโดยละเอียด ตรวจค้นโทรศัพท์มือถือ ยาเสพติด ของมีคม
แม้กระทั่งกระเป๋าสตางค์ก็ไม่อนุญาตให้นำเข้าในห้องเยี่ยมของทนายความ
6. ผู้ต้องขังที่มีโทษประหารชีวิตหรือจำคุกตลอดชีวิต
ส่วนใหญ่เป็นคดียาเสพติด
ชีวิตในเรือนจำของผู้ต้องขังที่ถูกประหารชีวิต
เป็นชีวิตที่ทนทุกข์ทรมานอย่างแสนสาหัสไม่มีโอกาสติดต่อกับโลกภายนอก
ถูกจำกัดสิทธิเสรีภาพทุกชนิด ที่มีตามรัฐธรรมนูญ ไม่มีอนาคต รอวันตายอย่างเดียว
ยกตัวอย่างเช่น แดน 2 และแดน 5 จะไม่ให้ผู้ต้องขังทำงานในเรือนจำแต่อย่างใด
ผู้ต้องขังที่ถูกประหารชีวิต จะถูกควบคุมอยู่ในห้องที่มีพื้นที่ขนาด 4x8 เมตร มีจำนวนผู้ต้องขังประมาณ 19-21 คน ในห้องดังกล่าว ในเวลาผู้ต้องขังนอน พื้นที่จะมีจำนวนจำกัด
ทำให้ผู้ต้องขังนอนตะแคงซ้อน ๆ กัน ไม่สามารถขยับตัวได้ เพราะแน่นมาก
โดยในแดนดังกล่าวจะเปิดให้ผู้ต้องขังออกมาทำกิจกรรมในช่วงเช้าเวลา 07.30 น.
ถึงเวลา 14.30 น. หลังจากนั้นก็จะปิดแดน
และให้ผู้ต้องขังเข้ามาอยู่ในห้องขังที่เคยอยู่เหมือนเดิม จนกว่าจะถึงวันรุ่งขึ้นของวันต่อไป
จากวันเป็นเดือน จากเดือนเป็นปีตลอดไป จนกว่าจะถูกประหารชีวิต
ส่วนเรื่องอาหารการกินของผู้ต้องขัง จะไม่ใช้เงินซื้อของกินของใช้
แต่จะใช้บุหรี่ในการซื้อแทน เพราะเป็นวิถีชีวิตของผู้ต้องขัง
?ไม่อยากเป็นแบบนี้ ก็อย่าทำผิดกฎหมาย
คุกไม่ใช่โรงแรม?