กฎหมายยาเสพติดใหม่
ฟังคลิปเสียงคำแนะนำผู้ต้องหาในคดียาเสพติด/ยาบ้า/ยาไอซ์ ได้
โดยคลิก http://www.decha.com/main/showTopic.php?id=4982
วันนี้ทีมงานทนายคลายทุกข์ ได้สัมภาษณ์คุณชาติชาย สุทธิกรม ที่ปรึกษาการป้องกันและปราบปรามยาเสพติด สำนักงาน ป.ป.ส.
เกี่ยวกับเรื่องกฎหมายที่เกี่ยวข้องกับยาเสพติด
รายละเอียดกฎหมายที่เกี่ยวข้องมีดังนี้
ฉบับที่ 1 พรบ.ยาเสพติดให้โทษ กม.ฉบับนี้คือกม.ที่บอกว่า สิ่งใดบ้างเป็นสิ่งที่ผิดกฎหมาย โทษเป็นอย่างไร เช่น เฮโรอีน ยาบ้า เหล่านี้ กฎหมายกำหนดให้เป็นยาเสพติดประเภทที่ 1 โทษสูงมาก สูงสุดถึงประหารชีวิต กัญชา เป็นยาเสพติดประเภทที่ 5
โทษอยู่ในอันดับที่ต่ำลงมา
ฉบับที่ 2 คือ พรบ.วัตถุที่ออกฤทธิ์กับจิตประสาท กม.ฉบับนี้จะกำหนดว่า
วัตถุที่ออกฤทธิ์กับจิตประสาททั้งที่ขายได้ ในร้านขายยาและที่ขายไม่ได้มีอะไรบ้าง
โทษของการฝ่าฝืนเป็นอย่างไร
ทั้งหมดจะเป็นกม. 2 ฉบับในเรื่องเกี่ยวกับตัวยาเสพติด
ฉบับที่ 3 เป็นกฎหมายที่เกี่ยวข้องกับ ป.ป.ส. คือพรบ.ป้องกันและปราบปรามยาเสพติด
พ.ศ. 2519
ฉบับนี้เหมือนกับต้นกำเนิดของสำนักงาน ป.ป.ส.
เป็นกม.ที่ให้อำนาจกับเจ้าพนักงาน ป.ป.ส. เป็นอำนาจพิเศษในการสืบสวนสอบสวน
ตรวจค้นรวมถึงจับกุมผู้กระทำความผิดเกี่ยวกับยาเสพติด
ฉบับที่ 4 พรบ.มาตรการในการปราบปรามผู้กระทำความผิดเกี่ยวกับยาเสพติด
พ.ศ. 2534
กม.ฉบับนี้จะเน้นไปที่
บทบัญญัติที่ความผิดฐานสมคบและความผิดที่กระทำนอกราชอาณาจักร
จุดมุ่งหมายของการกำหนดฐานความผิดนี้ก็เพื่อจะให้มีมาตรการในการปราบปรามผู้กระทำผิดรายใหญ่หรือตัวนายทุน ขณะเดียวกันกม.ฉบับนี้
บทบัญญัติเกี่ยวกับการยึดและอายัดทรัพย์สิน ซึ่งให้อำนาจเลขาธิการ ป.ป.ส.และคณะกรรมการตรวจสอบทรัพย์สิน
ในการจะยึดอายัดทรัพย์สินของผู้กระทำความผิด ในคดียาเสพติด ขบวนการยึดทรัพย์สิน
ก็จะดำเนินการไปในชั้นเจ้าหน้าที่ก่อนที่จะยื่นต่อพนักงานอัยการ ขอให้ริบทรัพย์สิน
ผู้ต้องหาหรือผู้กระทำความผิดต้องชี้แจงและนำสืบให้ได้ว่า ทรัพย์สินไม่ได้มาจากการกระทำความผิด
หรือไม่ได้ร่ำรวยมาจากการค้ายาเสพติด
ถ้าไม่สามารถพิสูจน์ได้
กม.ก็สามารถให้ศาลมีอำนาจริบทรัพย์สิน ตกเป็นของกองทุนป้องกันและปราบปรามยาเสพติด
ฉบับที่ 5 พรบ.ป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน พ.ศ. 2542
กม.ฉบับนี้ออกมาเพื่อจะแก้จุดอ่อนของการริบทรัพย์สินตาม พรบ.มาตรการในการาปรามปราบผู้กระทำความผิดเกี่ยวกับยาเสพติด เนื่องจาก พรบ.ฉบับนั้น การริบทรัพย์สินผูกติดไปกับคดีอาญา ถ้าหากคดีอาญาศาลมีคำพิพากษายกฟ้อง
ทรัพย์สินทั้งหลายแม้จะเชื่อได้ว่ามาจากการค้ายาเสพติดก็ตาม ก็จะถูกคืนทั้งสิ้น
ขณะเดียวกัน พรบ.ป้องกันปละปราบปรามการฟอกเงินนี้
มีวิธีการริบทรัพย์สินที่แตกต่างไปจากจดหมายฉบับก่อน คือเป็นการริบทรัพย์ทางแพ่ง จะไม่ผูกติดกับคดีอาญา ที่เริ่มต้นมาด้วยกัน
โดยเจ้าของทรัพย์สินต้องพิสูจน์ได้ว่าเขาได้ทรัพย์สินนั้นมาจากการค้าที่สุจริตและถูกต้อง มิฉะนั้นก็จะถูกริบเป็นของแผ่นดิน
พรบ.ที่ออกมาด้วยช่วงเวลาที่ต่างกัน เพื่อต้องการให้เป็นประโยชน์ในการที่จะเอาผู้กระทำความผิดมาลงโทษ
ทั้งนี้เนื่องจากการกระทำความผิดเกี่ยวกับยาเสพติดเป็นอาชญากรรม
ที่มีลักษณะเป็นองค์กรเครือข่ายการทำงานที่สลับซับซ้อน มีการแบ่งแยกหน้าที่กันทำค่อนข้างชัดเจน
มีการตัดตอนในแต่ละชั้นจากกันโดยไม่ให้ทั้งกระบวนการ การที่เราจะเอาผู้ที่เกี่ยวข้องในระดับสูง
ๆ มาลงโทษ จะกระทำได้ยาก
การออกกฎหมายเกี่ยวกับยาเสพติดในแต่ละช่วงเวลานั้น มีจุดประสงค์ที่จะให้เราใช้กฎหมายเหล่านี้ให้มีประสิทธิภาพในการปราบปรามมากยิ่งขึ้น
และล่าสุดเมื่อเดือนมกราคม 2551 สภานิติบัญญัติแห่งชาติได้ผ่านกฎหมายอีกฉบับหนึ่งเรียกว่า พรบ.วิธีพิจารณาคดียาเสพติด
พ.ศ. 2550 ซึ่งจะมีผลบังคับใช้ภายใน 6 เดือนนับแต่เดือนมกราคม คือจะผลบังคับใช้ในเดือนกรกฎาคม 2551 โดยสาระสำคัญหลัก ๆ จะกำหนดให้มีวิธีการสืบสวนแบบพิเศษ
โดยต้องมีวิธีการและเทคนิคในการควบคุมขบวนการสอบสวนพิเศษ อย่างเคร่งครัด
สามารถจะรวบรวมพยานหลักฐานเกี่ยวกับยาเสพติดได้อย่างมีปะสิทธิภาพยิ่งขึ้น
ในขณะเดียวกันกม.ก็จะบัญญัติให้การดำเนินคดีในชั้นศาลนั้น มี 2 ชั้นหรือชั้นต้นหรือชั้นอุทธรณ์ จำเลยอาจจะขอฎีกาได้ ถ้าศาลฎีกาอนุญาต แต่ปกติเมื่อถึงศาลอุทธรณ์ก็จะเป็นการสิ้นสุดของการพิจารณาคดี โดยวัตถุประสงค์ก็คือ เพื่อให้การพิจารณาเสร็จรวดเร็ว