ความผิดฐานลักทรัพย์หรือรับของโจร
ทนายคลายทุกข์ขอนำเสนอคดีที่มีผู้กระทำความผิดฐานลักทรัพย์หรือรับของโจร
ตามเนื้อข่าว เจ้าหน้าที่ตำรวจได้จับผู้ต้องหาพร้อมของกลางในการกระทำความผิดเป็นรถจักรยานยนต์ พร้อมกับแจ้งข้อหากับผู้ต้องหาว่าได้ร่วมกันกระทำความผิดฐานลักทรัพย์หรือรับของโจร
ซึ่งในความผิดทั้งสองข้อหานี้ มีแนวคำพิพากษาศาลฎีกาได้วินิจไว้ว่า
หากผู้ต้องหาถูกฟ้องเป็นจำเลยและให้การรับสารภาพว่าได้กระทำความผิดจริง
ศาลสามารถพิพากษาได้ทันทีโดยไม่ต้องมีการสืบพยานเป็นไปตาม ป.วิ.อ.มาตรา 176
แต่ว่าข้อหาลักทรัพย์หรือรับของโจรเป็นความผิดคนละฐานกัน
จะลงโทษจำเลยทั้งสองความผิดย่อมไม่ได้ คำให้การของจำเลยที่ให้การรับสารภาพว่าได้มีการกระทำความผิดตามฟ้อง
ย่อมไม่ชัดเจนพอที่จะชี้ขาดว่าจำเลยได้กระทำความผิดฐานใดฐานหนึ่ง เมื่อโจทก์ไม่สืบพยานจึงลงโทษจำเลยไม่ได้
( คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 5912/2549
)
ตัวบทกฎหมายอ้างอิง
ประมวลกฎหมายอาญา
มาตรา 334 ผู้ใดเอาทรัพย์ของผู้อื่น
หรือที่ผู้อื่นเป็นเจ้าของรวมอยู่ด้วยไปโดยทุจริต ผู้นั้นกระทำความผิดฐานลักทรัพย์
ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกินสามปี และปรับไม่เกินหกพันบาท
มาตรา 357 ผู้ใดช่วยซ่อนเร้น ช่วยจำหน่าย
ช่วยพาเอาไปเสีย ซื้อ
รับจำนำหรือรับไว้โดยประการใดซึ่งทรัพย์อันได้มาโดยการกระทำความผิด
ถ้าความผิดนั้นเข้าลักษณะลักทรัพย์ วิ่งราวทรัพย์ กรรโชก รีดเอาทรัพย์ ชิงทรัพย์
ปล้นทรัพย์ ฉ้อโกง ยักยอก หรือเจ้าพนักงานยักยอกทรัพย์
ผู้นั้นกระทำความผิดฐานรับของโจร ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกินห้าปี
หรือปรับไม่เกินหนึ่งหมื่นบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ
ประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา
มาตรา 176 ในชั้นพิจารณา
ถ้าจำเลยให้การรับสารภาพตามฟ้อง ศาลจะพิพากษาโดยไม่สืบพยานหลักฐานต่อไปก็ได้
เว้นแต่คดีที่มีข้อหาในความผิดซึ่งจำเลยรับสารภาพนั้นกฎหมายกำหนดอัตราโทษอย่างต่ำไว้ให้จำคุกตั้งแต่ห้าปีขึ้นไปหรือโทษสถานที่หนักกว่านั้น
ศาลต้องฟังพยานโจทก์จนกว่าจะพอใจว่าจำเลยได้กระทำผิดจริง
ในคดีที่มีจำเลยหลายคน และจำเลยบางคนรับสารภาพ
เมื่อศาลเห็นสมควรจะสั่งจำหน่ายคดี
สำหรับจำเลยที่ปฏิเสธเพื่อให้โจทก์ฟ้องจำเลยที่ปฏิเสธนั้น
เป็นคดีใหม่ภายในเวลาที่ศาลกำหนดก็ได้
รายละเอียดเนื้อข่าวมีดังนี้
จับแก๊งลัก
จยย.อ้างเป็นหลาน เสธ.ทหารคนดัง
ตำรวจ สน.บางเขน
จับแก๊งขโมยรถจักรยานยนต์ไปขายซื้อยาบ้าเสพ และเที่ยวเตร่ อ้าง เป็นหลาน
เสธ.ทหารคนดัง
วานนี้ (18
ก.พ.) เมื่อเวลา 12.00 น. พ.ต.ท.
ทั้งนี้
สืบเนื่องจากเมื่อวันที่ 16 ก.พ.ที่ผ่านมา เจ้าหน้าที่สายตรวจและฝ่ายสืบสวน
สน.บางเขน ได้ร่วมกันจับกุม นายธนวัต และ นายสุนทร ได้ภายในซอยลาดปลาเค้า 72
ซอยที่ 1 แขวงอนุสาวรีย์ เขตบางเขน พร้อมของกลางรถ จยย.ยี่ห้อ
ยามาฮ่า ฟีโน่ สีแดงเลือดหมู
หมายเลขทะเบียน รยย-773 กทม.ที่ขโมยมา และรถจยย.ยี่ห้อฮอนด้า เวฟ สีแดง หมายเลขทะเบียน พพจ-100
กทม. ที่ใช้ในการก่อเหตุ
จากการสอบสวน นาย
จากนั้นเจ้าหน้าที่ได้นำกำลังเข้าตรวจค้นภายในซอยดังกล่าว
ก่อนยึดของกลางเป็นจำนวนมากประกอบด้วย รถฮอนด้าเวฟสีแดงไม่ติดแผ่นป้ายทะเบียน
1 คัน รถ จยย.ยี่ห้อ ยามาฮ่าฟีโน่
สีขาวดำ หมายเลข ยคย-39 กทม.
ซึ่งถูกถอดชิ้นส่วนไปบางชิ้น และซากรถจยย.ยี่ห้อ ยามาฮ่า นูโว ยมต-248
กทม. สีดำ และชิ้นส่วนรถจำนวนมาก ก่อนจะขยายผลเข้าจับกุมนาย
ขอขอบคุณเนื้อหาข่าวจากหนังสือพิมพ์ผู้จัดการออนไลน์เพื่อประกอบการวิเคราะห์ข้อกฎหมาย