ถูกเลิกจ้างโดยไม่เป็นธรรม
คุณอรุณ
หมายเลขโทรศัพท์ 081-865-0869 ทำงานอยู่ที่ บริษัท เอ็นวายเค
จำกัด เป็นบริษัทขนส่งสินค้า จากจังหวัดระยอง ไปที่แหลมฉบัง จังหวัดชลบุรี ทำงานมา
2 ปี 6 เดือน ได้เงินเดือน ๆ ละ 6,310 บาท ได้เบี้ยเลี้ยงเป็นรายเที่ยว ประมาณ 200
บาท ต่อเที่ยว หน้าที่คือเป็นพนักงานขับรถ รถเทลเลอร์
18 ล้อ
ต่อมาเมื่อวันที่
7 พฤศจิกายน 2550 ผู้บังคับบัญชาสั่งให้คุณอรุณ ไปจับแท้งค์ซึ่งบรรจุสารเคมีเพื่อเอาไปลงที่โรงงานของลูกค้า
โมเมนทีป จังหวัดระยอง หางเทลเลอร์เครื่องมือขัดข้อง
หลังจากนั้นเรียกช่างมาช่วยกันเอาแม่แรงยกขึ้นต่อหางได้ หลังจากนั้นนำหางเทลเลอร์กลับมาที่โรงงานและเปลี่ยนรถคันใหม่ และนำไปส่งลูกค้า
นายจ้างแจ้งว่าคุณอรุณทำงานบกพร่องต่อหน้าที่
โดยตัดหางแล้วไม่ใช้ความระมัดระวังเท่าที่ควร
เป็นเหตุให้ได้รับความเสียหายทำให้บริษัทเสียความน่าเชื่อถือทั้งในปัจจุบันและในอนาคต
โดยมองว่าบริษัทนายจ้างไม่เป็นมืออาชีพ
ต่อมาเมื่อวันที่
21 พฤศจิกายน 2550 นายจ้างมาแจ้งว่าให้ลาออกไป โดยนำหนังสือปลดออกมีข้อความว่า
คุณอรุณทำความเสียหายให้กับบริษัท คุณอรุณไม่ยอมลงนามเนื่องจากว่า ไม่ได้ทำความผิด
ซึ่งก่อนหน้านี้เคยมีกรณีเช่นเดียวกัน และเป็นรถและหางคันเดียวกัน
เคยมีปัญหาในลักษณะนี้มาแล้ว และบริษัทต้องเสียค่ารถเครนมายก 40,000 บาท
ความบกพร่องเกิดขึ้นจากอุปกรณ์บริษัทที่มิได้บำรุงรักษา
เมื่อวันที่
5 ธันวาคม 2550 นายจ้างได้ปิดประกาศที่บริเวณด้านหน้าของบริษัท โดยมีข้อความว่า
ห้ามคุณอรุณเข้าบริษัท
คำถาม
คำแนะนำจากอาจารย์เดชา
1.
คดีนี้เมื่อคุณอรุณถูกเลิกจ้าง
นายจ้างอ้างว่าได้ทำความเสียหายให้กับนายจ้าง คุณอรุณต้องพิสูจน์ให้เห็นว่ามิได้ปล่อยปละละเลยประมาทเลินเล่ออย่างร้ายแรง
ทำให้นายจ้างได้รับความเสียหาย
ถ้าพิสูจน์ได้ก็ถือว่าคุณอรุณถูกเลิกจ้างโดยไม่เป็นธรรม มีสิทธิได้รับเงินจากการถูกเลิกจ้างโดยไม่บอกกล่าวล่วงหน้าตาม
พ.ร.บ.คุ้มครองแรงงาน พ.ศ. 2541 มาตรา 17 จำนวน 1 เดือน และได้รับค่าชดเชยตามมาตรา
118 ตามอายุงาน และถ้ามีค่าเสียหายพิเศษ ก็ยังสามารถเรียกได้อีกต่างหาก
ตัวบทกฎหมายอ้างอิง
พระราชบัญญัติคุ้มครองแรงงาน
มาตรา ๑๗
สัญญาจ้างย่อมสิ้นสุดลงเมื่อครบกำหนดระยะเวลาในสัญญาจ้างโดยมิต้องบอกกล่าวล่วงหน้า
ในกรณีที่สัญญาจ้างไม่มีกำหนดระยะเวลา
นายจ้างหรือลูกจ้างอาจบอกเลิกสัญญาจ้างโดยบอกกล่าวล่วงหน้าเป็นหนังสือให้อีกฝ่ายหนึ่งทราบ
ในเมื่อถึงหรือก่อนจะถึงกำหนดจ่ายค่าจ้างคราวหนึ่งคราวใด
เพื่อให้เป็นผลเลิกสัญญากันเมื่อถึงกำหนดจ่ายค่าจ้างคราวถัดไปข้างหน้าก็ได้
แต่ไม่จำเป็นต้องบอกกล่าวล่วงหน้าเกินสามเดือน
ในกรณีที่นายจ้างเป็นฝ่ายบอกเลิกสัญญาจ้าง
ถ้านายจ้างไม่ได้ระบุเหตุผลไว้ในหนังสือบอกเลิกสัญญาจ้าง นายจ้างจะยกเหตุตามมาตรา
๑๑๙ ขึ้นอ้างในภายหลังไม่ได้
การบอกเลิกสัญญาจ้างตามวรรคสอง
นายจ้างอาจจ่ายค่าจ้างให้ตามจำนวนที่จะต้องจ่ายจนถึงเวลาเลิกสัญญาตามกำหนดที่บอกกล่าวและให้ลูกจ้างออกจากงานทันทีได้
และให้ถือว่าการจ่ายค่าจ้างให้แก่ลูกจ้างตามวรรคนี้
เป็นการจ่ายสินจ้างให้แก่ลูกจ้างตามมาตรา ๕๘๒ แห่งประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์
การบอกกล่าวล่วงหน้าตามมาตรานี้ไม่ใช้บังคับแก่การเลิกจ้างตามมาตรา
๑๑๙ แห่งพระราชบัญญัตินี้ และมาตรา ๕๘๓ แห่งประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์
มาตรา
๑๑๘
ให้นายจ้างจ่ายค่าชดเชยให้แก่ลูกจ้างซึ่งเลิกจ้างดังต่อไปนี้
(๑)
ลูกจ้างซึ่งทำงานติดต่อกันครบหนึ่งร้อยยี่สิบวัน แต่ไม่ครบหนึ่งปี
ให้จ่ายไม่น้อยกว่าค่าจ้างอัตราสุดท้ายสามสิบวัน
หรือไม่น้อยกว่าค่าจ้างของการทำงานสามสิบวันสุดท้ายสำหรับลูกจ้างซึ่งได้รับค่าจ้างตามผลงานโดยคำนวณเป็นหน่วย
(๒)
ลูกจ้างซึ่งทำงานติดต่อกันครบหนึ่งปี แต่ไม่ครบสามปี ให้จ่ายไม่น้อยกว่าค่าจ้างอัตราสุดท้ายเก้าสิบวัน
หรือไม่น้อยกว่าค่าจ้างของการทำงานเก้าสิบวันสุดท้ายสำหรับลูกจ้างซึ่งได้รับค่าจ้างตามผลงานโดยคำนวณเป็นหน่วย
(๓)
ลูกจ้างซึ่งทำงานติดต่อกันครบสามปี แต่ไม่ครบหกปี
ให้จ่ายไม่น้อยกว่าค่าจ้างอัตราสุดท้ายหนึ่งร้อยแปดสิบวัน หรือไม่น้อยกว่าค่าจ้างของการทำงานหนึ่งร้อยแปดสิบวันสุดท้ายสำหรับลูกจ้างซึ่งได้รับค่าจ้างตามผลงานโดยคำนวณเป็นหน่วย
(๔)
ลูกจ้างซึ่งทำงานติดต่อกันครบหกปี แต่ไม่ครบสิบปี
ให้จ่ายไม่น้อยกว่าค่าจ้างอัตราสุดท้ายสองร้อยสี่สิบวัน
หรือไม่น้อยกว่าค่าจ้างของการทำงานสองร้อยสี่สิบวันสุดท้ายสำหรับลูกจ้างซึ่งได้รับค่าจ้างตามผลงานโดยคำนวณเป็นหน่วย
(๕)
ลูกจ้างซึ่งทำงานติดต่อกันครบสิบปีขึ้นไป
ให้จ่ายไม่น้อยกว่าค่าจ้างอัตราสุดท้ายสามร้อยวัน
หรือไม่น้อยกว่าค่าจ้างของการทำงานสามร้อยวันสุดท้ายสำหรับลูกจ้างซึ่งได้รับค่าจ้างตามผลงานโดยคำนวณเป็นหน่วย
การเลิกจ้างตามมาตรานี้ หมายความว่า
การกระทำใดที่นายจ้างไม่ให้ลูกจ้างทำงานต่อไปและไม่จ่ายค่าจ้างให้
ไม่ว่าจะเป็นเพราะเหตุสิ้นสุดสัญญาจ้างหรือเหตุอื่นใด
และหมายความรวมถึงกรณีที่ลูกจ้างไม่ได้ทำงานและไม่ได้รับค่าจ้างเพราะเหตุที่นายจ้างไม่สามารถดำเนินกิจการต่อไป
ความในวรรคหนึ่งมิให้ใช้บังคับแก่ลูกจ้างที่มีกำหนดระยะเวลาการจ้างไว้แน่นอนและเลิกจ้างตามกำหนดระยะเวลานั้น
การจ้างที่มีกำหนดระยะเวลาตามวรรคสามจะกระทำได้สำหรับการจ้างงานในโครงการเฉพาะที่มิใช่งานปกติของธุรกิจหรือการค้าของนายจ้างซึ่งต้องมีระยะเวลาเริ่มต้นและสิ้นสุดของงานที่แน่นอนหรือในงานอันมีลักษณะเป็นครั้งคราวที่มีกำหนดการสิ้นสุด
หรือความสำเร็จของงาน
หรือในงานที่เป็นไปตามฤดูกาลและได้จ้างในช่วงเวลาของฤดูกาลนั้น
ซึ่งงานนั้นจะต้องแล้วเสร็จภายในเวลาไม่เกินสองปีโดยนายจ้างและลูกจ้างได้ทำสัญญาเป็นหนังสือไว้ตั้งแต่เมื่อเริ่มจ้าง