ทนายคลายทุกข์ ขอนำบทสัมภาษณ์ของนายไพบูลย์ วัฒนศิริธรรม รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์
กล่าวถึงมาตรการคุ้มครองข้อมูลส่วนตัวของเด็กบนโลกออนไลน์ ในหนังสือพิมพ์คม ชัด ลึก วันนี้ มีข้อความดังนี้
?พม.เตรียมฟัน10
เว็บเปิดเผยข้อมูลส่วนตัวเด็กหลังพบมิจฉาชีพใช้เป็นช่องทางล่อลวงเด็ก ขีดเส้น 1
เดือนไม่หยุดเผยแพร่ดึง พ.ร.บ.คุ้มครองเด็ก-คอมพ์เล่นงานจำคุก 6 เดือนปรับ6
หมื่นบาท?
นายไพบูลย์ วัฒนศิริธรรม รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์
กล่าวถึงมาตรการคุ้มครองข้อมูลส่วนตัวของเด็กบนโลกออนไลน์
หลังเป็นประธานประชุมคณะกรรมการคุ้มครองเด็กแห่งชาติ ครั้งที่ 5/2550
ว่าที่ประชุมได้กำหนดนโยบายปกป้องข้อมูลส่วนตัวของเด็ก
เพราะขณะนี้เด็กและเยาวชนที่ใช้อินเทอร์เน็ตจำนวนมากนิยมเข้าเว็บหาเพื่อน
หาคู่ หรือโพสต์ข้อมูลบนเว็บไซต์และเว็บบอร์ด โดยกรอกข้อมูลส่วนตัวในการใช้บริการ
เช่น ภาพถ่าย อายุ ที่อยู่ เบอร์โทรศัพท์
ทำให้กลุ่มมิจฉาชีพเข้าไปค้นหาข้อมูลเด็กและเข้าถึงตัวเด็กได้ นำไปสู่ปัญหาอาชญากรรม
การล่อลวงข่มขืนกระทำชำเรา ล่อลวงทรัพย์ และการฆาตกรรม
ทั้งนี้
ที่ประชุมได้ตั้งคณะอนุกรรมการคุ้มครองข้อมูลส่วนตัวของเด็กบนระบบเทคโนโลยีสารสนเทศ
เพื่อออกมาตรการคุ้มครองเด็ก
ไม่ให้ผู้ให้บริการเว็บไซต์และอินเทอร์เน็ตเปิดเผยข้อมูลส่วนตัวของเด็กอายุต่ำกว่า
18 ปี
นายไพบูลย์กล่าวอีกว่า มาตรการนี้สอดคล้องกับ
พ.ร.บ.คุ้มครองเด็กแห่งชาติมาตรา 27
ที่ห้ามผู้ใดโฆษณาหรือเผยแพร่ข้อมูลส่วนตัวของเด็กหากพบผู้ประกอบการรายใดมีเจตนาเปิดเผยข้อมูลส่วนตัวของเด็กจะมีความผิดจำคุกไม่เกิน
6 เดือนหรือปรับไม่เกิน 6 หมื่นบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ
และจะเสนอเพิ่มการคุ้มครองส่วนตัวของเด็กในร่าง
พ.ร.บ.คุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลที่อยู่ระหว่างการพิจารณาของคณะกรรมการกฤษฎีกาเพื่อให้กฎหมายคุ้มครองครอบคลุมถึงเด็กด้วย
ทพ.กฤษดา เรืองอารีย์รัชต์
ในฐานะคณะกรรมการสื่อสร้างสรรค์และปลอดภัย กล่าวว่า
ขณะนี้มีเว็บที่มีปัญหาเปิดเผยข้อมูลส่วนตัวของเด็กมากกว่า 10 เว็บจาก 50
เว็บยอดนิยมซึ่งภายในสัปดาห์หน้า
พม.จะทำหนังสือเตือนไปยังทุกเว็บห้ามเปิดเผยข้อมูลส่วนตัวเด็กอายุต่ำกว่า 18
ปีเพราะเด็กที่ถูกล่อลวงทางอินเทอร์เน็ตพบว่ามาจากกลุ่มนี้ และ 30% ของเด็กที่ใช้อินเทอร์เน็ตจะนัดเจอกันข้างนอกเป็นปัญหามาก
จะให้เวลา1 เดือนในการปรับปรุงแก้ไขเว็บ หากยังฝ่าฝืน
พม.จะเข้าไปดำเนินการตามกฎหมายที่ประชุมเห็นว่าโทษตาม
พ.ร.บ.คุ้มครองเด็กฯยังน้อยไป จึงเห็นว่าน่าจะนำ
พ.ร.บ.ว่าด้วยการกระทำความผิดเกี่ยวกับคอมพิวเตอร์มาบังคับใช้ควบคู่เพื่อให้มีบทลงโทษที่รุนแรงเพิ่มขึ้น
ขณะที่เว็บไซต์ต่างประเทศ เช่น hi5 หรือmyspace กฎหมายไทยเข้าไปควบคุมไม่ได้แต่ในต่างประเทศมีกฎหมายห้ามเปิดเผยข้อมูลส่วนตัวเด็กอยู่แล้ว
ทพ.กฤษดากล่าว
ขอขอบคุณเนื้อหาข่าวจาก
เว็บไซต์ www.komchadluek.net ที่ทนายคลายทุกข์นำข้อเท็จจริงดังกล่าวมาเผยแพร่เพื่อเป็นความรู้แก่ประชาชน