เทคนิคการทวงหนี้แบบสร้างสรรค์
นับแต่วันนี้เป็นต้นไป
นักทวงหนี้ซึ่งทำงานในบริษัททวงหนี้ที่รับงานจากเจ้าของบัตรเครดิตและบัตรเงินด่วนจะต้องปรับเปลี่ยนพฤติกรรมในการทวงหนี้ใหม่หมด
ถ้ายังขืนทำตัวเหมือนเดิม ดังต่อไปนี้อาจจะต้องเดือดร้อน และจบชีวิตการทวงหนี้
ลองมาดูกันว่ามีอะไรบ้างที่นับแต่วันนี้
นักทวงหนี้บัตรเครดิตบัตรเงินผ่อนห้ามปฏิบัติโดยเด็ดขาด
รายละเอียดปรากฏตามข้างล่างนี้
- โทรศัพท์ไปทวงหนี้นอกเวลาที่ธนาคารแห่งประเทศไทยกำหนด
เช่น โทรทวงหนี้ในวันจันทร์ถึงศุกร์ ก่อน 8 โมงเช้า
หรือโทรทวงหนี้หลัง 20.00 น. ของวันจันทร์ถึงวันศุกร์
วันหยุดราชการยังขืนโทรก่อน 8 โมงเช้าและหลัง 18.00 น.
- ใช้ชื่อปลอมหรือหลอกลวงโดยไม่ใช้ชื่อจริงนามสกุลจริง
และไม่แจ้งวัตถุประสงค์ในการโทรศัพท์มาติดต่อกับลูกหนี้
และไม่แสดงเอกสารว่าได้รับมอบอำนาจให้มาทวงหนี้จากใคร
ทำให้ลูกหนี้ไม่ทราบว่าเป็นใคร
- หลอกให้ลูกหนี้โอนเงินเข้าบัญชีตัวเองหรือสำนักงานโดยไม่ออกใบเสร็จรับเงิน
- นำเรื่องราวเกี่ยวกับการเป็นหนี้ของลูกหนี้ไปเล่าให้บุคคลที่สามฟัง
เช่น ไปเล่าให้กับเพื่อนร่วมงาน หรือผู้ค้ำประกัน หรือคู่สมรส
หรือบุคคลซึ่งมิได้เป็นลูกหนี้
- ส่งจดหมายหรือแฟ็กซ์หรือSMS เพื่อประจานลูกหนี้
หรือส่งไปให้บุคคลอื่นซึ่งไม่ใช่ลูกหนี้เพื่อขอข้อมูลที่อยู่ของลูกหนี้ ทำให้บุคคลอื่นรู้ข้อมูลว่าลูกหนี้เป็นหนี้
- โทรศัพท์ไปข่มขู่ลูกหนี้
- โทรศัพท์ไปเสียดสีลูกหนี้
- ให้ของลับลูกหนี้
- ด่าพ่อด่าแม่ลูกหนี้
- โทรศัพท์ไปทวงหนี้กับผู้ใหญ่บ้านหรือกำนันเพื่อประจานลูกหนี้
- พูดจาไม่สุภาพกู
ๆ มึง ๆ กับลูกหนี้
- ข่มขู่ว่าจะเอาตำรวจไปยึดทรัพย์เพื่อจับกุม
- ข่มขู่ว่าจะไปคุกคามถึงบ้านหรือเฝ้าทางเข้าทางออกที่ทำงาน
- ด่าประจานลูกหนี้ที่ตลาดหรือที่ชุมชน
- ใช้ข้อความในจดหมายทวงหนี้ในลักษณะข่มขู่ว่าจะจับกุมจะดำเนินคดียักยอกทรัพย์หรือต้องติดคุกติดตาราง
หรือมีข้อความประจานลูกหนี้แบบเปิดเผย
- ลูกหนี้ปฏิเสธการชำระหนี้และมีหนังสือยืนยันเป็นลายลักษณ์อักษร
ยังขืนทวงหนี้อีก
- สร้างความเดือดร้อนรำคาญ
โดยโทรศัพท์ก่อกวนทั้งวัน
- โทรไปทวงหนี้กับบุคคลอื่นที่ไม่ใช่ลูกหนี้พร้อมต่อว่าเสีย
ๆ หาย ๆ เช่น ไม่อบรมสั่งสอนลูกปล่อยให้ไปโกงชาวบ้านเขา
- บิดเบือนข้อมูลหรืออ้างตัวเป็นตำรวจหรือทหารทำให้ลูกหนี้สำคัญผิดตกใจกลัว
- ข่มขู่จะทำลายชื่อเสียง
ทำร้ายร่างกาย หรือเข้าไปยึดทรัพย์สินโดยไม่มีหมายศาล
ในวันเสาร์ที่จะถึงนี้ผมได้รับเชิญจากบริษัท เทรด คอลเลคชั่น
จำกัด ซึ่งเป็นบริษัทวงหนี้บัตรเครดิตบัตรเงินผ่อนรายใหญ่ มีพนักงานหลายร้อยคน
ซึ่งผมจะนำข้อควรปฏิบัติและข้อห้ามในการทวงหนี้
รวมทั้งกติกามรรยาทไปให้ความรู้กับนักทวงหนี้ให้ปฏิบัติให้ถูกต้องตามกฎหมายและศีลธรรมอันดีของประชาชนเพื่อรักษาภาพลักษณ์ของนักทวงหนี้และผู้ให้บริการบัตรเครดิตและบัตรเงินด่วน
ผมหวังเหลือเกินว่านับจากวันนี้เป็นต้นไปนักทวงหนี้ในระบบจะปฏิบัติตามสรุปผลการสัมมนาการจัดระเบียบสังคม
การติดตามหนี้ที่ไม่เป็นธรรม เมื่อวันที่ 30 กันยายน พ.ศ. 2550 ซึ่งมีตัวแทนของธนาคารแห่งประเทศไทย ตัวแทนกระทรวงการคลัง
ตัวแทนจากบริษัทข้อมูลเครดิตแห่งชาติ
จำกัด และประธานชมรมหนี้บัตรเครดิตสินเชื่อแห่งบุคคล ประธานมูลนิธิผู้บริโภค
ประธานชมรมธุรกิจบัตรเครดิต ประธานชมรมติดตามหนี้ด้วยวิธีที่เป็นธรรม
ผู้แทนจากสภาทนายความ และกรรมาธิการการคลัง การธนาคารและสถาบันการเงิน สภานิติบัญญัติแห่งชาติ
ได้สรุปผลเพื่อเป็นกรอบและกติกาการทวงหนี้อย่างสร้างสรรค์ต่อไปในอนาคต
หากท่านใดได้รับผลกระทบจากการทวงหนี้ด้วยวิธีการอันมิชอบด้วยกฎหมาย
ร้องเรียนมาที่ผมได้เลยนะครับ
ผมจะช่วยทำความเข้าใจให้กับบริษัททวงหนี้ให้แก้ไขปรับปรุงเพื่อความสมานฉันท์ของเจ้าหนี้และลูกหนี้ต่อไป
การทวงหนี้และการประนอมหนี้จะสำเร็จได้ต่อเมื่อเจ้าหนี้และลูกหนี้ต้องถอยคนละก้าว
และเจ้าหนี้ควรจะเริ่มต้นการรับฟังข้อมูลจากลุกหนี้ก่อน
หลังจากนั้นจึงค่อยขยับเขยื้อนทั้งเงื่อนไขและเงื่อนเวลาที่ตรงกัน
อันนำไปสู่ข้อตกลงที่แฮปปี้ทั้งสองฝ่าย
อย่าใช้วิธีการบีบคั้นหรือข่มขู่ ท่านเองยังไม่ชอบเรื่องการข่มขู่
ลูกหนี้ก็เช่นกัน ก็ไม่ชอบให้ใครมาข่มขู่เหมือนกัน
สุดท้ายนี้หวังว่าทุกคนที่เป็นหนี้จะต้องมีความสำนึกเป็นเบื้องต้นว่า
เรามีหน้าที่ตามกฎหมายต้องใช้หนี้คืน
หากมีข้อขัดข้องต้องดิ้นรนขวนขวายมาเงินมาชำระหนี้เขา มิใช่ท้าทายหรือท้าตีท้าต่อย
ถ้าทำได้สังคมคงจะสงบสุขมากนะครับ
หากการทวงหนี้มีกฎกติกามรรยาทมากขึ้นตามหนังสือเวียนเรื่องแนวปฏิบัติในการติดตามทวงถามหนี้
ฉบับที่ 46/2550 ซึ่งออกเมื่อวันที่ 14 กันยายน พ.ศ. 2550 ธนาคารแห่งประเทศไทยก็คงจะไม่มีการออกกฎหมายมาควบคุมการทวงหนี้
ถ้าหากบริษัททวงหนี้ยังฝ่าฝืน
และยังควบคุมกริยามรรยาทของลูกหนี้ตนเองไม่ได้ อีกไม่นานนัก
จะต้องมีพระราชบัญญัติการติดตามทวงหนี้ที่เป็นธรรมออกมา
ซึ่งสาระสำคัญก็จะเน้นหนักไปที่การห้ามการทวงหนี้ที่เป็นการละเมิดสิทธิผู้อื่น
การจดทะเบียนบริษัททวงหนี้ และการทวงหนี้จะต้องมีใบอนุญาต
หากฝ่าฝืนจะต้องถูกเพิกถอนใบอนุญาตเหมือนทนายความ
และอาจจะมีโทษติดคุกติดตารางตามมาก็เป็นได้
หวังว่านักทวงหนี้คงจะรักษาเกียรติศักดิ์ในวิชาชีพของตนเอง
และดูแลพวกเดียวกันเองได้ คงจะไม่ต้องให้รัฐบาลออกกฎหมายมาเพื่อบีบบังคับลงโทษ
หากนักทวงหนี้ยังไม่แก้ไขปรับปรุงตัวเองคงจะต้องหมดอนาคตแน่นอน