ปัจจุบันสถาบันการเงินและเจ้าหนี้การค้าทั่วไป รวมทั้งเจ้าหนี้นอกระบบ พยายามที่จะติดตามทวงถามหนี้ด้วยตนเอง
บทความวันที่ 13 พ.ย. 2559, 00:00
มีผู้อ่านทั้งหมด 5632 ครั้ง
สัญญาจ้างทวงหนี้ต้องมีสาระสำคัญอะไรบ้าง
ปัจจุบันสถาบันการเงินและเจ้าหนี้การค้าทั่วไป รวมทั้งเจ้าหนี้นอกระบบ พยายามที่จะติดตามทวงถามหนี้ด้วยตนเอง ใช้ความพยายามอย่างถึงที่สุดแล้ว การทวงหนี้ก็ไม่ประสบความสำเร็จเพราะการทวงหนี้ไม่ใช่เรื่องง่ายเป็นศิลปะพิเศษที่ต้องอาศัยผู้ที่มีทักษะ ประสบการณ์ในการทำงาน จึงจะสามารถทำให้ลูกหนี้เปลี่ยนใจมาชำระหนี้ได้ และการทวงหนี้ต้องทำแบบต่อเนื่องจึงจะประสบความสำเร็จได้ บริษัทรับจ้างทวงถามหนี้ปัจจุบันมีเป็นจำนวนมาก มีทั้งบริษัทขนาดเล็กและขนาดใหญ่ แยกออกเป็นบริษัทรับจ้างทวงหนี้ประเภทสถาบันการเงินและนันแบงก์โดยเฉพาะ และพวกที่รับจ้างทั่วไปที่เป็นหนี้ทางการค้าก็เป็นอีกพวกหนึ่ง นอกจากบริษัทรับจ้างทวงหนี้ที่รับจ้างทำงานให้กับสถาบันการเงินโดยเฉพาะ ยังแยกออกเป็นหนี้ประเภทเช่าซื้อรถยนต์ รถจักรยานยนต์ รถบรรทุก รถแท็กเตอร์ รถที่ใช้ในงานอุตสาหกรรม และยังมีบริษัทรับจ้างทวงหนี้ประเภทสินเชื่อส่วนบุคคล เช่น บัตรกดเงินสด บัตรเครดิตของสถาบันการเงินต่างๆ และยังมีรับจ้างทวงหนี้ประเภทหนี้เงินกู้ซื้อบ้าน เบิกเงินเกินบัญชี เป็นต้น
การที่เจ้าหนี้สถาบันการเงินหรือเจ้าหนี้การค้าจะว่าจ้างบริษัททวงหนี้ให้มารับจ้างทวงหนี้ของท่านนั้น ท่านจะต้องคำนึงถึงสิ่งดังต่อไปนี้เกี่ยวกับบริษัททวงหนี้
1. บริษัทรับจ้างทวงหนี้เป็นบริษัทที่จดทะเบียนถูกต้องตามกฎหมายหรือไม่ เพราะถ้าไม่ได้จดทะเบียนถูกต้อง
ตามกฎหมาย ผู้ทวงถามหนี้ก็จะถูกลงโทษทางอาญาตามกฎหมายทวงถามหนี้ มาตรา 39 มีโทษจำคุกไม่เกินหนึ่งปี ปรับไม่เกินหนึ่งแสนบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ
พระราชบัญญัติการทวงถามหนี้ พ.ศ. 2558
มาตรา 3 ในพระราชบัญญัตินี้
“ธุรกิจทวงถามหนี้” หมายความว่า การรับจ้างทวงถามหนี้ไม่ว่าโดยตรง หรือโดยอ้อมเป็นปกติธุระ แต่ไม่รวมถึงการทวงถามหนี้ของทนายความซึ่งกระทำแทนลูกความของตน
โดยก่อนว่าจ้างจะต้องขอหนังสือรับรองการจดทะเบียนการประกอบธุรกิจทวงถามหนี้ก่อนที่จะว่าจ้างให้ทวงถามหนี้
2. การทำสัญญาว่าจ้างทวงถามหนี้เป็นสิ่งจำเป็น เพราะจะได้ไม่ต้องไปโต้เถียงทะเลาะกันภายหลังเกี่ยวกับเงื่อนไข
การจ่ายค่าตอบแทน ถึงแม้กฎหมายจะมิได้บัญญัติไว้ว่าต้องมีหลักฐานเป็นหนังสือเนื่องจากเป็นสัญญาจ้างทำของ ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 587 อ้างอิงคำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3107/2538
3. เนื้อหาสาระที่ควรต้องมีในสัญญาว่าจ้างติดตามทวงถามหนี้ เพื่อป้องกันคดีความหรือข้อพิพาทที่จะตามมาใน
ภายหลัง มีดังนี้
- การว่าจ้างเป็นการรับจ้างระหว่างเจ้าหนี้กับบริษัทรับจ้างทวงหนี้เท่านั้น ห้ามบริษัทรับจ้างทวงหนี้ไปว่าจ้างช่วง
หรือทำตัวเป็นนายหน้าเพราะอาจควบคุมไม่ได้ และสร้างความเสียหายให้กับเจ้าหนี้ทั้งทางแพ่งและทางอาญาได้
- กำหนดหน้าที่ของผู้รับจ้างทวงหนี้ให้ชัดแจ้งว่ามีหน้าที่เฉพาะการทวงถามหนี้ ไม่มีหน้าที่ในการฟ้องร้อง
ดำเนินคดีตามกฎหมาย ถ้าจะมีการฟ้องร้องดำเนินคดีตามกฎหมายจะต้องได้รับอนุมัติเป็นหนังสือจากเจ้าหนี้
- อัตราค่าจ้างและการชำระค่าจ้าง ควรจะดูให้ชัดแจ้งว่าตกลงค่าจ้างกันอย่างไร การคิดค่าจ้างคิดจากอะไร และ
ต้องชำระกันเมื่อใด เนื่องจากได้เงินคืนจากการทวงหนี้และที่สำคัญผู้รับจ้างไม่มีสิทธิขอปรับสินจ้างเพิ่มเติม
- ค่าใช้จ่ายอื่นใดที่ผู้รับจ้างดำเนินการไปไม่มีสิทธิเรียกจากเจ้าหนี้ได้
- การเบิกเงินค่าจ้างจะต้องกำหนดรูปแบบ วิธีการ จะต้องแนบเอกสารอะไรบ้าง เช่น หลักฐานการรับชำระหนี้ เป็นต้น
- ค่าฤชาธรรมเนียมและค่าใช้จ่ายต่างๆ ที่เกิดจากการทวงหนี้ถ้าไม่ได้ตกลงกันไว้ในสัญญา ผู้รับจ้างต้องเป็นผู้
ชำระเพียงผู้เดียว
- การยึดหน่วงค่าจ้างในกรณีผู้รับจ้างทำความเสียหายหรือผิดสัญญาในการทวงหนี้ เจ้าหนี้มีสิทธิยึดหน่วงได้
- เจ้าหนี้มีสิทธิที่จะตรวจสอบประวัติข้อมูลส่วนตัว ฐานะการเงินของผู้รับจ้างและมีสิทธิที่จะตรวจสอบจากบุคคล
ที่สามเพื่อความปลอดภัยของเจ้าหนี้
- ผู้รับจ้างต้องทวงหนี้ภายใต้ขอบเขตของกฎหมาย เช่น ไม่ข่มขู่ คุกคาม หลอกลวงหรืออ้างตนเองเป็นบุคคลอื่น
- การทวงหนี้ต้องใช้วิธีการแบบสากลตามแนวปฏิบัติของธนาคารแห่งประเทศไทยและตามกฎหมายทวงหนี้
- การรักษาความลับ ผู้รับจ้างจะต้องเก็บรักษาความลับของเจ้าหนี้ไว้ ไม่เปิดเผยข้อมูลเกี่ยวกับความเป็นหนี้ของ
ลูกหนี้กับบุคคลอื่นที่ไม่เกี่ยวข้องเว้นแต่ได้รับความยินยอมจากลูกหนี้และเจ้าหนี้
- การทวงหนี้ต้องไม่สร้างความเดือดร้อนเกินควรแก่ลูกหนี้
- ไม่ทวงถามหนี้กับบุคคลในครอบครัว ซึ่งมิใช่ลูกหนี้
- ไม่เรียกรับเงินหรือผลประโยชน์ตอบแทนอื่นจากลูกหนี้
- ไม่กระทำการแสวงหาประโยชน์โดยมิชอบด้วยกฎหมาย เช่น การรับเงินอามิสสินจ้างเพื่อที่จะไม่ทวงหนี้หรือ
ทุจริตอื่นๆ เช่น นำเงินไปใช้เป็นประโยชน์ส่วนตัวหรือแนะนำให้ลูกหนี้หนีหนี้
- อายุของสัญญาทวงถามหนี้จะต้องระบุให้ชัดแจ้งว่ามีระยะเวลาเท่าใด โดยทั่วไปก็มีอายุประมาณ 1 ปี
หนี้ที่ให้บริษัทรับจ้างทวงหนี้ทวง ส่วนใหญ่จะเป็นหนี้ที่ค้างชำระเป็นเวลานาน หมดความสามารถในการทวงหนี้แล้ว