ข้าราชการใช้อำนาจบาตรใหญ่
ช่วงนี้มีข่าวเกี่ยวกับเรื่องการบ้าอำนาจของผู้บังคับบัญชาในหน่วยงานราชการหลายแห่งมีการใช้อำนาจบาตรใหญ่ ข่มเหง ดูถูก เหยียดหยาม ลูกน้อง เช่น มีการจัดประชุมแต่ไม่ได้จัดทำป้ายชื่อไว้ให้ก็ดุด่าผู้ใต้บังคับบัญชาด้วยถ้อยคำหยาบคาย ดูถูก เหยียดหยาม หรือไม่เปิดประตูรถ ไม่ถือกระเป๋า ไม่เดินตามเจ้านาย ไม่บริการเจ้านาย ก็จะถูกผู้บังคับบัญชากลั่นแกล้งในหน้าที่การงาน เช่น การไม่เลื่อนขั้น ไม่อนุมัติเงิน โดนข้อหาหมั่นไส้ เมื่อเร็วๆ นี้ ศาลฎีกาได้ตัดสินเกี่ยวกับการใช้อำนาจบาตรใหญ่ของผู้บังคับบัญชาไม่ยอมอนุมัติเงินค่าใช้จ่ายในการฝึกอบรมให้กับผู้ใต้บังคับบัญชา โดยศาลฎีกาวินิจฉัยว่า การไม่ตรวจและไม่อนุมัติเงินและใช้ถ้อยคำที่ไม่เหมาะสมกับลูกน้องว่า “กูไม่โอนเงิน มึงทำข้ามสายการบังคับบัญชา ข้ามหัวกู” พฤติการณ์ดังกล่าวเป็นการใช้อำนาจบาตรใหญ่ มัวเมาในอำนาจ อยู่ภายใต้โทสะจริต ไม่มีธรรมภิบาลในจิตใจ การกระทำดังกล่าวจึงมีความผิดฐานปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ ตาม ป.อ.มาตรา 157 พิพากษาให้จำคุกเป็นเวลา 1 ปี โทษจำคุกให้รอไว้ 2 ปี ปรับ 5,000 บาท
คำพิพากษาฎีกาที่ 7322/2558
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า “ข้อเท็จจริงเบื้องต้นฟังยุติว่า ขณะเกิดเหตุโจทก์ดำรงตำแหน่งรองปลัดองค์การบริหารส่วนตำบลหน้าประดู่ ส่วนจำเลยดำรงตำแหน่งปลัดองค์การบริหารส่วนตำบลหน้าประดู่ และรักษาการหัวหน้าสำนักงานปลัดองค์การบริหารส่วนตำบลหน้าประดู่ เมื่อปี 2554 โจทก์สมัครและขออนุญาตเข้ารับการอบรมหลักสูตรการบริหารจัดการองค์การปกครองส่วนท้องถิ่น รุ่นที่ 6 โดยได้รับอนุญาตจากนาย ช. นายกองค์การบริหารส่วนตำบลหน้าประดู่ ต่อมาสถาบันพระปกเกล้าเจ้าของหลักสูตรพิจารณาอนุมัติให้โจทก์เข้าอบรมตามที่ได้สมัครโดยมีหนังสือแจ้งให้โจทก์ชำระค่าลงทะเบียนจำนวน 69,000 บาท ตามหนังสือฉบับลงวันที่ 15 พฤศจิกายน 2554 โจทก์บันทึกเสนอนายกองค์การบริหารส่วนตำบลหน้าประดู่ เพื่อขออนุมัติเบิกจ่ายค่าลงทะเบียน จำเลยบันทึกความเห็นในหนังสืออนุมัติเบิกจ่ายของโจทก์เพื่อเสนอนายกองค์การบริหารส่วนตำบลหน้าประดู่ว่า งบประมาณมีจำกัดเห็นควรงดการอบรมประกอบกับสภาวะเศรษฐกิจซบเซาหลังเกิดอุทกภัย แต่นายกองค์การบริหารส่วนตำบลหน้าประดู่ มีคำสั่งเห็นชอบให้เบิกจ่ายได้ ตามบันทึกข้อความลงวันที่ 24 พฤศจิกายน 2554 ต่อมาวันที่ 6 มิถุนายน 2555 โจทก์ทำบันทึกไปยังหัวหน้าการคลังเพื่อขอเบิกจ่ายเงินค่าลงทะเบียน 69,000 บาท ตามระเบียบ จำเลยเขียนข้อความด้วยลายมือลงในบันทึกดังกล่าวของโจทก์ว่า “กูไม่โอน มึงทำข้ามสายการบังคับบัญชา” แล้วลงลายมือชื่อจำเลยลงวันที่ 6 มิถุนายน 2555 ตามเอกสารหมาย จ.1 ปัญหาที่จะต้องวินิจฉัยตามฎีกาของจำเลยที่ว่า จำเลยกระทำความผิดตามคำพิพากษาของศาลอุทธรณ์ภาค 2 หรือไม่ จำเลยฎีกาว่า การออกคำสั่งของนาย ช.เป็นไปโดยไม่ชอบด้วยกฎหมาย เพราะไม่มีการตรวจสอบว่าคลังขององค์การบริหารส่วนตำบลหน้าประดู่ มีเงินพอที่จะจ่ายหรือไม่ โจทก์ไม่มีสิทธิจะเบิกจ่ายเงิน เพราะการอบรมของโจทก์ไม่ชอบด้วยกฎหมาย เห็นว่าจำเลยมีตำแหน่งเป็นปลัดองค์การบริหารส่วนตำบลหน้าประดู่ และรักษาการหัวหน้าสำนักงานปลัดองค์การบริหารส่วนตำบลหน้าประดู่ ซึ่งเป็นพนักงานตามกฎหมาย มีหน้าที่รับผิดชอบควบคุมการปฏิบัติราชการประจำในองค์การบริการส่วนตำบล ปกครองบังคับบัญชาพนักงานส่วนตำบลและลูกจ้าง โจทก์มีตำแหน่งรองปลัดองค์การบริหารส่วนตำบลหน้าประดู่ เป็นผู้ใต้บังคับบัญชาของจำเลย เมื่อนาย ช.นายกองค์การบริหารส่วนตำบลหน้าประดู่มีคำสั่งอนุญาตให้โจทก์เข้ารับการอบรมหลักสูตรประกาศนียบัตรการบริหารจัดการองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น รุ่นที่ 6 ของสถาบันพระปกเกล้า ระหว่างวันที่ 25 พฤศจิกายน 2554 ถึงวันที่ 26 พฤษภาคม 2555 โจทก์จึงมีสิทธิขอเบิกค่าลงทะเบียนและค่าใช้จ่ายในการเดินทางไปรับราชการตามระเบียบจากต้นสังกัด 69,000 บาท ที่จำเลยฎีกาว่า คำสั่งของนาย ช.ไม่ชอบด้วยกฎหมาย เพราะไม่มีการตรวจสอบว่าคลังขององค์การบริหารส่วนตำบลหน้าประดู่ มีเงินจ่ายหรือไม่ คำสั่งให้โจทก์ไปอบรมเป็นคำสั่งที่ซับซ้อนกับคำสั่งอื่น โจทก์ไม่ได้เสนอแผนการใช้จ่ายเงินให้ส่วนการคลังรับรู้เสียก่อน ก็เป็นหน้าที่ของจำเลยที่จะต้องดำเนินการตามระเบียบของทางราชการ แต่จำเลยไม่มีสิทธินำสาเหตุโกรธเคืองส่วนตัวกับโจทก์เนื่องจากโจทก์เสนอเรื่องขอไปอบรมให้นาย ช.อนุญาตโดยไม่ผ่านจำเลยมาเกษียณสั่งไม่จ่ายเงินด้วยข้อความว่า “กูไม่โอนเงิน มึงทำข้ามสายการบังคับบัญชา” ในบันทึกข้อความที่โจทก์เสนอเรื่องขอส่งเอกสารฎีกาเบิกจ่ายเงินตามระเบียบ เพื่อขอเบิกเงินค่าลงทะเบียน จำนวน 69,000 บาท และจำเลยไม่ทำเรื่องเบิกเงินให้โจทก์ พฤติการณ์ของจำเลยเป็นการใช้อำนาจบาตรใหญ่ในฐานะผู้บังคับบัญชา มัวเมาในอำนาจ อยู่ภายใต้โทสจริต ไม่มีธรรมาภิบาลในจิตใจ การที่จำเลยไม่ตรวจและอนุมัติฎีกาซึ่งเป็นการในหน้าที่ก่อให้เกิดความเสียหายแก่โจทก์และทางราชการโดยส่วนรวม การกระทำของจำเลยจึงครบองค์ประกอบความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 157 ในฐานะเจ้าพนักงานปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ โดยมีเจตนาเพื่อให้เกิดความเสียหายแก่โจทก์ที่ศาลอุทธรณ์ภาค 2 พิพากษามานั้น ศาลฎีกาเห็นพ้องด้วย ฎีกาของจำเลยฟังไม่ขึ้น”
พิพากษายืน