ท่านผู้อ่านคงจำกันได้ดี กรณีการทุจริตในสหกรณ์ขนาดใหญ่ ทำให้เกิดความเสียหาย 20,000 กว่าล้าน

บทความวันที่ 18 ธ.ค. 2557, 00:00

มีผู้อ่านทั้งหมด 607 ครั้ง

ความคืบหน้าการฟื้นฟูกิจการสหกรณ์คลองจั่น

           ท่านผู้อ่านคงจำกันได้ดี กรณีการทุจริตในสหกรณ์ขนาดใหญ่ ทำให้เกิดความเสียหาย 20,000 กว่าล้าน  โดยอดีตประธานกรรมการและกรรมการ รวมทั้งลูกจ้างตลอดจนบุคคลภายนอกร่วมกันทุจริต ซึ่งได้สร้างความเสียหายให้กับระบบสหกรณ์เป็นอย่างมาก  เนื่องจากมีผู้ฝากเงินและถือหุ้นรวมกัน 50,000 กว่าราย ได้รับความเสียหายและส่วนใหญ่เป็นผู้สูงอายุ นำเงินที่ได้จากการเกษียณอายุมาลงทุน เนื่องจากเห็นว่าดอกเบี้ยสูงกว่าสถาบันการเงิน ไม่เคยคิดเคยฝันว่าสหกรณ์เครดิตยูเนี่ยนคลองจั่น จำกัด จะถึงกับล้มละลายหรือมีการคดโกงกันมากถึงขนาดนี้ ความคืบหน้าล่าสุด ผมขอนำมาแจ้งท่านผู้อ่านในฐานะที่เป็นทนายความของเจ้าหนี้ ขอแจ้งความคืบหน้าว่า เมื่อวันที่ 26 สิงหาคม พ.ศ.2557 สหกรณ์เครดิตยูเนี่ยนคลองจั่น จำกัด ได้ยื่นคำร้องขอฟื้นฟูกิจการต่อศาลล้มละลายกลางและศาลล้มละลายกลางได้นัดไต่สวนคำร้องไปแล้วเมื่อวันที่ 15 ธันวาคม พ.ศ.2557 โดยไต่สวนพยานไปแล้ว 5 ปาก และเลื่อนไปนัดไต่สวนในวันที่ 10, 17 กุมภาพันธ์ พ.ศ.2558 และวันที่ 2,3,9 มีนาคม พ.ศ.2558 บรรยากาศการไต่สวนในนัดที่ผ่านมามีผู้เข้าร่วมซึ่งส่วนใหญ่เป็นผู้เสียหายที่ถือหุ้นและฝากเงินประมาณ 300 คน ไปนั่งฟังการพิจารณาคดี โดยศาลล้มละลายกลางได้จัดห้องพิจารณาคดีพิเศษ บัลลังก์ 15 เพื่อใช้ในการพิจารณาคดีจุคนได้ 80 คน ส่วนที่เหลือใช้วิธีการถ่ายทอดทาง CCTV ให้ผู้เสียหายฟังการพิจารณาและมีตำรวจมารักษาความปลอดภัยจำนวนมากพอสมควร ในการไต่สวนคำร้องดังกล่าว สหกรณ์เครดิตยูเนี่ยนคลองจั่น จำกัด โดยผู้บริหารได้เบิกความต่อศาลในทำนองว่า ได้รับการสนับสนุนทางการเงินจากกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ โดยมีหนังสือยืนยันจากรัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์มาแสดงต่อศาล เพื่อให้ศาลเห็นว่ามีแหล่งทุนที่จะนำมาเสริมสภาพคล่องและหมุนเวียน ในแผนฟื้นฟูกิจการ หากศาลล้มละลายกลางมีคำสั่งให้ฟื้นฟูกิจการ จะมีเงินแน่นอน ศาลจะเชื่อหรือไม่ขึ้นอยู่กับองค์คณะผู้พิพากษาในคดีล้มละลาย จะเชื่อถือมากน้อยเพียงใด ถ้าองค์คณะผู้พิพากษาเชื่อถือในหนังสือของรัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ก็อาจจะมีคำสั่งให้ฟื้นฟูกิจการก็ได้ หากศาลไม่เชื่อก็ต้องพิจารณาว่ามีเหตุอันสมควรหรือมีช่องทางอื่นที่จะฟื้นฟูกิจการของสหกรณ์เครดิตยูเนี่ยนคลองจั่น จำกัด ได้หรือไม่ต่อไป คดีนี้สหกรณ์เครดิตยูเนี่ยนคลองจั่น จำกัด เสนอให้ผู้บริหารของลูกหนี้เป็นผู้ทำแผนหรือผู้บริหารแผนที่เป็นมืออาชีพตามมาตรา 90/16 แต่อย่างใด เนื่องจากอ้างว่าค่าจ้างสูง ผู้คัดค้านในคดีนี้มีทั้งสหกรณ์และบุคคลทั่วไปที่ฝากเงินรวมแล้วประมาณ 50 รายเศษ ซึ่งมีการคัดค้านคำร้องขอฟื้นฟูกิจการและคัดค้านตัวผู้ทำแผน โดยสาระสำคัญของการคัดค้าน คัดค้านว่าไม่มีเหตุอันสมควรเนื่องจากการขาดสภาพคล่องเป็นการขาดสภาพแบบถาวรไม่ใช่ชั่วคราว และเกิดจากการทุจริตภายในองค์กร ไม่ควรที่จะได้รับการฟื้นฟูกิจการและคัดค้านว่าสหกรณ์เครดิตยูเนี่ยนคลองจั่น จำกัด ไม่มีช่องทางที่จะฟื้นฟู เนื่องจากไม่มีรายได้และความน่าเชื่อถือทางการเงินหมดสิ้นแล้ว ในการที่ศาลจะมีคำสั่งฟื้นฟูกิจการหรือไม่นั้น กฎหมายล้มละลายพระราชบัญญัติล้มละลาย พ.ศ.2483 มาตรา 90/10 ได้กำหนดให้ศาลไต่สวนค้นหาความจริงว่ามีเหตุอันสมควรและผู้ร้องขอร้องขอโดยสุจริตหรือไม่ หรือยื่นคำร้องเข้ามาเพื่ออาศัยศาลเป็นเครื่องกำบังมิให้ถูกเจ้าหนี้ฟ้องร้องดำเนินคดีเท่านั้น รวมทั้งศาลต้องพิจารณาว่า เมื่อการดำเนินการตามแผนสำเร็จ เจ้าหนี้จะได้รับชำระหนี้ไม่น้อยกว่ากรณีที่ศาลมีคำพิพากษาให้ลูกหนี้ล้มละลาย ผู้ฝากเงินและผู้ถือหุ้นคงต้องติดตามกันต่อไปว่า ศาลล้มละลายกลางจะมีคำสั่งให้ฟื้นฟูกิจการหรือไม่
ตัวบทกฎหมายอ้างอิง
พระราชบัญญัติล้มละลาย พ.ศ.2483
มาตรา 90/6  คำร้องขอของบุคคลตามมาตรา 90/4 เพื่อให้ศาลมีคำสั่งให้ฟื้นฟูกิจการ จะต้องแสดงโดยชัดแจ้งถึง
(1) ความมีหนี้สินล้นพ้นตัวของลูกหนี้
(2) รายชื่อและที่อยู่ของเจ้าหนี้คนเดียวหรือหลายคนที่ลูกหนี้เป็นหนี้อยู่รวมกันเป็นจำนวนไม่น้อยกว่าสิบล้านบาท
(3) เหตุอันสมควรและช่องทางที่จะฟื้นฟูกิจการ
(4) ชื่อและคุณสมบัติของผู้ทำแผน
(5) หนังสือยินยอมของผู้ทำแผน
ผู้ทำแผนอาจเป็นบุคคลธรรมดา นิติบุคคล คณะบุคคล เจ้าหนี้หรือผู้บริหารของลูกหนี้ก็ได้
ถ้าเจ้าหนี้เป็นผู้ร้องขอ จะต้องแนบรายชื่อและที่อยู่ของเจ้าหนี้อื่นเท่าที่ทราบมาพร้อมคำร้องขอ
ถ้าลูกหนี้เป็นผู้ร้องขอ จะต้องแนบบัญชีแสดงรายการทรัพย์สินและหนี้สินทั้งหมดที่มีอยู่ รายชื่อและที่อยู่โดยชัดแจ้งของเจ้าหนี้ทั้งหลายมาพร้อมคำร้องขอ
มาตรา 90/10  ในการไต่สวนคำร้องขอ ศาลต้องไต่สวนเอาความจริงตามที่บัญญัติไว้ในมาตรา 90/3 ถ้าได้ความจริงและมีเหตุอันสมควรที่จะฟื้นฟูกิจการ ทั้งผู้ร้องขอยื่นคำร้องขอโดยสุจริต ให้ศาลมีคำสั่งให้ฟื้นฟูกิจการ มิฉะนั้นให้มีคำสั่งยกคำร้องขอ
            ในกรณีที่ไม่มีผู้คัดค้านคำร้องขอ ถ้าศาลเห็นสมควรจะงดการไต่สวนและมีคำสั่งให้ฟื้นฟูกิจการก็ได้
มาตรา 90/12  ภายใต้บังคับของมาตรา 90/13 และมาตรา 90/14 นับแต่วันที่ศาลมีคำสั่งรับคำร้องขอไว้เพื่อพิจารณาจนถึงวันครบกำหนดระยะเวลาดำเนินการตามแผน หรือวันที่ดำเนินการเป็นผลสำเร็จตามแผนหรือวันที่ศาลมีคำสั่งยกคำร้องขอ หรือจำหน่ายคดีหรือยกเลิกคำสั่งให้ฟื้นฟูกิจการหรือยกเลิกการฟื้นฟูกิจการหรือพิทักษ์ทรัพย์ของลูกหนี้เด็ดขาดตามความในหมวดนี้
             (4) ห้ามมิให้ฟ้องลูกหนี้เป็นคดีแพ่งเกี่ยวกับทรัพย์สินของลูกหนี้หรือเสนอข้อพิพาทที่ลูกหนี้อาจต้องรับผิดหรือได้รับความเสียหายให้อนุญาโตตุลาการชี้ขาด ถ้ามูลแห่งหนี้นั้นเกิดขึ้นก่อนวันที่ศาลมีคำสั่งเห็นชอบด้วยแผน และห้ามมิให้ฟ้องลูกหนี้เป็นคดีล้มละลาย ในกรณีที่มีการฟ้องคดีหรือเสนอข้อพิพาทให้อนุญาโตตุลาการชี้ขาดไว้ก่อนแล้ว ให้งดการพิจารณาไว้ เว้นแต่ศาลที่รับคำร้องขอจะมีคำสั่งเป็นอย่างอื่น
มาตรา 90/16  ในกรณีที่รัฐมนตรีเห็นสมควรเพื่อประโยชน์ของการฟื้นฟูกิจการ รัฐมนตรีจะออกกฎกระทรวงที่เกี่ยวกับการจดทะเบียนและการกำหนดคุณสมบัติของผู้ทำแผนและผู้บริหารแผนก็ได้