พฤติกรรมที่ไม่เหมาะสมของอาจารย์มหาวิทยาลัย
เมื่อเช้ามีข่าวรองอธิการบดี ราชภัฎสกลนคร ขับรถลักษณะเหมือนคนเมาสุรา ถูกตำรวจเรียกจอด แทนที่จะให้ความร่วมมือกลับขับรถฝ่าด่าน รองสารวัตรซึ่งดูแลด่านจึงขับรถมาปาดหน้ารถเพื่อจับกุม และต้องการให้เป่าแอลกอฮอล์ แต่กลับโวยวาย อ้างคนใหญ่คนโต พูดจาท้าทายรองสารวัตร แต่เนื่องจากมีการบันทึกคลิปไว้ จึงเห็นพฤติกรรมชัดเจนถึงความไม่เหมาะสม การเป็นครูบาอาจารย์ คุณจะต้องมีจิตสำนึกที่สูงกว่าบุคคลทั่วไป นอกจากต้องขอโทษตำรวจและขอโทษประชาชนแล้ว คุณควรพิจารณาตนเองว่า ควรจะเป็นครูบาอาจารย์หรือควรจะเป็นคณบดีหรือรองอธิการบดีต่อไปหรือไม่ เพราะครูเป็นแม่พิมพ์ของชาติ ถ้าแม่พิมพ์บิดเบี้ยวก็จะส่งผลต่อเยาวชนของชาติในอนาคตต่อไป
กรณีดังกล่าวถ้าปรากฎว่ามีการเหยียดหยามหรือสบประมาทตำรวจให้อับอาย อาจมีความผิดฐานดูหมิ่นเจ้าพนักงาน ซึ่งกระทำการตามหน้าที่ ตาม ป.อ.มาตรา 136 (อ้างอิงฎ.1623/254) และอาจมีความผิดอีกฐานหนึ่ง ฐานต่อสู้ขัดขวางเจ้าพนักงานในการปฏิบัติหน้าที่ ตาม ป.อ.มาตรา 138 เพราะดูจากคลิปมีการผลักและดันตำรวจ (อ้างอิง ฎ.3851/2543)
ตัวบทกฎหมายอ้างอิง
ประมวลกฎหมายอาญา
มาตรา 136 ผู้ใดดูหมิ่นเจ้าพนักงานซึ่งกระทำการตามหน้าที่ หรือเพราะได้กระทำการตามหน้าที่ ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกินหนึ่งปี หรือปรับไม่เกินสองพันบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ
มาตรา 138 ผู้ใดต่อสู้ หรือขัดขวางเจ้าพนักงานหรือผู้ซึ่งต้องช่วยเจ้าพนักงานตามกฎหมายในการปฏิบัติการตามหน้าที่ ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกินหนึ่งปี หรือปรับไม่เกินสองพันบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ
ถ้าการต่อสู้หรือขัดขวางนั้น ได้กระทำโดยใช้กำลังประทุษร้ายหรือขู่เข็ญว่าจะใช้กำลังประทุษร้าย ผู้กระทำต้องระวางโทษจำคุกไม่เกินสองปี หรือปรับไม่เกินสี่พันบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่เกี่ยวข้อง
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3850/2543
การที่จำเลยใช้มือผลักและใช้ตัวดันเจ้าพนักงานตำรวจเพื่อแย่งถุงพลาสติกที่มีเมทแอมเฟตามีนบรรจุอยู่จากมือเจ้าพนักงานตำรวจไปใส่ปากเคี้ยวเพื่อทำลายหลักฐานนั้น ถือได้ว่าเป็นการขัดขวางการปฏิบัติงานของเจ้าพนักงานตำรวจผู้มีหน้าที่และกำลังตรวจค้นเพื่อรวบรวมสิ่งของที่จะใช้เป็นพยานหลักฐานว่าจำเลยได้กระทำผิดตามที่มีการกล่าวหาหรือที่เจ้าพนักงานตำรวจได้สืบทราบมาหรือไม่ การกระทำของจำเลยจึงเป็นการขัดขวางเจ้าพนักงานในการปฏิบัติการตามหน้าที่ ส่วนการกระทำของจำเลยที่ใช้มือผลักเจ้าพนักงานตำรวจกระเด็นไปติดประตูแล้วใช้ตัวดันเพื่อแย่งถุงพลาสติกที่มีเมทแอมเฟตามีนบรรจุมาใส่ปากเพื่อเคี้ยวทำลายหลักฐานนั้น จำเลยย่อมเล็งเห็นผลของการผลักและดันของจำเลยว่าเป็นการทำอันตรายต่อร่างกายหรือจิตใจของเจ้าพนักงานตำรวจได้ การกระทำของจำเลยจึงเป็นการใช้กำลังประทุษร้ายตามกฎหมายแล้ว แม้จำเลยจะมิได้มีเจตนาโดยประสงค์ต่อผลในการที่จะกระทำต่อร่างกายส่วนใดส่วนหนึ่งของเจ้าพนักงานตำรวจก็ตาม การกระทำของจำเลยจึงเป็นความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 138 วรรคสอง