ดิฉันได้เซ็นต์เช็คเพื่อจ่ายค่าสินค้าให้ร้านของแม่ไปสี่ใบ

บทความวันที่ 30 ก.ย. 2557, 00:00

มีผู้อ่านทั้งหมด 598 ครั้ง

ผ่อนชำระอยู่ แต่เจ้าหนี้เอาเช็คไปฟ้อง

       
            ดิฉันได้เซ็นต์เช็คเพื่อจ่ายค่าสินค้าให้ร้านของแม่ไปสี่ใบ  ยอดรวมทั้งสี่ใบ ประมาณหนึ่งแสนหกหมื่นกว่าบาท แต่เนื่องจากเศรษฐกิจไม่ดี และที่บ้านมีภาระที่ต้องรับผิดชอบมาก จึงทำให้ขาดทุน แม่ของดิฉันจึงโทรไปหาเจ้าหนี้ เพื่อไม่ให้เขาเอาเช็คเข้า และขอไปผ่อนชำระกับทางเขา โดยตอนนี้เช็คสองใบเลยวันสั่งจ่ายแล้ว แต่อีกสองใบยังไม่ถึงค่ะ แต่สองใบที่เลยวันสั่งจ่ายไม่ได้มีการไปขึ้นเงินกันธนาคาร คุณแม่ของดิฉันได้มีการตกลงกับเจ้าหนี้แล้ว และก็ได้มีการผ่อนชำระไป โดยตกลงกันที่ถ้าเดือนไหนมีมากแม่ดิฉันก็จะให้มาก โดยงวดแรกจ่ายไปให้ 20,000 บาทค่ะ และได้มีการนัดแนะจ่ายงวดที่สองกันเรียบร้อย แต่จู่ๆ ก่อนวันนัดก็มีตำรวจโทรมา ขอนัดพบดิฉันโดยบอกว่าเจ้าหนี้ได้ไปแจ้งความไว้ เรื่องเช็ค แม่ของดิฉันจึงเข้าไปไกล่เกลี่ย เจ้าหนี้ไม่ยอมจะให้แม่ดิฉันหามาจ่ายคืนทั้งหมด โดยตำรวจกับเจ้าหนี้ข่มขู่แม่ดิฉันว่าจะทำให้ดิฉันติดคุก เป็นอาชญากรบ้าง ขู่สาระพัด แม่ของดิฉันจึงบอกกับทางตำรวจไปว่าได้มีการตกลงผ่อนชำระแล้ว เจรจากันเรียบร้อยไปแล้ว และทางเจ้าหนี้ก็รับเงิน รวมทั้งมีหลักฐานการรับการผ่อนชำระด้วย และดิฉันเองก็มีหลักฐานว่าเจ้าหนี้รับการผ่อนชำระ ตำรวจจึงเงียบไป เพราะเจ้าหนี้ดิฉันไม่ได้แจ้งต่อตำรวจว่ามีการผ่อนชำระเกิดขึ้น รวมทั้งไม่ยอมให้หลักฐานแก่ตำรวจ และไม่มีการเอ่ยถึงการผ่อนชำระของแม่ดิฉันเลยด้วย ส่วนทางตำรวจก็มีความพยายามที่จะทำลายหลักฐานที่ดิฉันบันทึกไว้ แต่แม่ดิฉันไหวตัวทันแย่งกลับมาทัน แม่ของดิฉันจึงได้จ่ายเงินงวดที่สองให้ไป 10,000 บาท ต่อหน้าตำรวจและลงหลักฐานไว้ แต่ทางเจ้าหนี้กับตำรวจก็ไม่ยอมและบอกว่าให้แม่ดิฉันหาเงินมาคืนให้ได้ภายในสองเดือน ไม่อย่างงั้นจะออกหมายจับดิฉัน และดิฉันต้องติดคุก ไปสู้กันในศาล  ดิฉันจึงอยากจะขอคำตอบดังนี้
            1. ตำรวจยังไม่ได้มีการเรียกดิฉันครั้งที่2 สามารถออกหมายจับได้หรือคะ
            2.ดิฉันได้ให้แม่บอกไปกับทางตำรวจไปว่า ไปสู้ในศาลก็ได้ เพราะทางบ้านดิฉันไม่มีเจตนาจะไม่ชำระ และได้มีการเจรจาผ่อนชำระกันเกิดขึ้นไปก่อนตำรวจจะเรียกแล้วด้วย
            3.ดิฉันมีหลักฐานที่เจ้าหนี้ได้รับการชำระไปแล้ว รวมทั้งมีหลักฐานที่ดิฉันนั้นมีภาระที่ต้องรับผิดชอบ ทั้งหนี้ กยศ. คุณพ่อที่ผ่าตัดสมอง และคุณแม่ที่ป่วย รวมทั้งหนี้สินในกิจการของแม่ และดิฉันเป็นผู้ที่มีความประพฤติดี ไม่เคยก่อคดี ศาลมีโอกาสที่จะเห็นใจและรอลงอาญาดิฉันใช่ไหมค่ะ และดิฉันต้องใช้เงินประกันตัว1ใน3ของหนี้หรือไม่
            4.ดิฉันสามารถเอาผิดเจ้าหนี้ได้หรือไม่ ในกรณีที่เขามีเจตนาไม่ยื่นหลักฐานการผ่อนชำระของดิฉันต่อเจ้าพนักงาน ปิดบังและกล่าวหาว่าบ้านดิฉันไม่ได้จ่ายหนี้เลย และไม่ได้เจรจาชำระให้เขาด้วย
           5.ดิฉันได้สอบถามเบื้องต้นมาว่าตำรวจได้มีการรับเงิน 10 % จากทางเจ้าหนี้ แต่ไม่มีหลักฐาน ดิฉันจะสามารถเอาผิดต่อเจ้าพนักงานได้หรือไม่
           6.ดิฉันสมควรจะอายัดเช็คที่เหลืออีก สองใบดีไหมคะ เพราะในบันทึกประจำวันได้มีการลงยอดเงินของเช็คสองใบที่ยังไม่ถึงวันที่กำหนดไปแล้ว
           7.แม่ของดิฉันได้มีการลงบันทึกประจำวันไปแล้วว่าจะผ่อนชำระให้เดือนละ 10000 บาท จนกว่าจะหมดหนี้ ถือว่าเป็นการสิ้นสุดคดี ยอมความกันได้ไหมค่ะ และถ้าเป็นการสิ้นสุดคดี ยอมความกัน ดิฉันสามารถบอกให้เจ้าหนี้ไปถอนแจ้งความได้เลยไหมคะ

    

คำแนะนำสำนักงานทนายความ ทนายคลายทุกข์
            1.เหตุการออกหมายจับย่อมเป็นไปตามกรณี ป.วิ.อ.มาตรา 66 ทั้งนี้ หากบุคคลไม่มาตามหมายเรียกหรือตามนัดโดยไม่มีก้อแก้ตัวอันควรต้องด้วยข้อสันนิษฐานว่าจะหลับหนี้ เข้าเหตุที่ศาลจะออกหมายจับได้ โดยไม่มีกฎหมายบังคับว่าต้องออกหมายเรียกครั้งที่ 2 ก่อน
           2.คดีความผิดตาม พ.ร.บ. ว่าด้วยความผิดอันเกิดจากการใช้เช็ค 2534 เป็นความผิดอันสามารถยอมความกันได้ อันมีผลทำให้สิทธินำคดีอาญามาฟ้องระงับสิ้นไปตาม ป.วิ.อ.มาตรา 39(2) แต่ตามพฤติการณ์หากมารดาไปตกลงยินยอมจะผ่อนชำระหนี้เป็นรายเดือนให้แก่เจ้าหนี้ แม้จะมีการลงบันทึกประจำวันไว้ แต่เมื่อไม่ปรากฏว่าฝ่ายเจ้าหนี้ตกลงยินยอมดังนั้นด้วย ก็เป็นเรื่องมารดากระทำไปโดยลำพังแต่ฝ่ายเดียว จึงไม่ใช่การยอมความกันโดยถูกต้อง สิทธิการนำคดีอาญาฟ้องร้องเรื่องเช็คยังไม่ระงับตามกฎหมายดังกล่าว
          3.หากเจ้าหนี้กระทำการใดที่เป็นการแจ้งข้อความเท็จเกี่ยวกับความผิดอาญาให้ท่านต้องเสียหายแล้ว ท่านมีสิทธิที่จะดำเนินคดีด้วยร้องทุกข์ต่อเจ้าพนักงานเพื่อดำเนินคดีกับเจ้าหนี้ได้ในฐานะเป็นผู้เสียหายตาม ป.วิ.อ.มาตรา 2(4) และ
          4.ส่วนข้อสงสัยประการใด ให้โทรปรึกษากับทีมทนายคลายทุกข์ที่ 02-9485700