หากปิดอากรแสตมป์แต่มิได้ขีดฆ่า จึงไม่บริบูรณ์
มีท่านผู้อ่านสอบถามมาเกี่ยวกับเรื่องหากสัญญากู้ติดอากรแสตมป์แต่ไม่ขีดฆ่า จะถือว่าสัญญากู้สมบูรณ์หรือไม่ ทนายคลายทุกข์ได้ไปศึกษาค้นคว้ามาและนำมาเสนอดังนี้ สัญญาเงินกู้เป็นตราสาร ตามประมวลรัษฎากรและตามมาตรา 103 ต้องติดแสตมป์บริบูรณ์ หากปิดอากรแสตมป์แต่มิได้ขีดฆ่า จึงไม่บริบูรณ์เท่ากับไม่มีหลักฐานแห่งการกู้ยืมเงินเป็นหนังสือ ฟ้องร้องบังคับคดีไม่ได้ ศาลต้องยกฟ้องถึงแม้จำเลยจะขาดนัดยื่นคำให้การ (อ้างอิง ฎ.5828/2555)
คำพิพากษาศาลฎีกาที่อ้างอิง
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 5828/2555
คดีนี้ศาลชั้นต้นมีคำสั่งรับฟ้องและหมายเรียกจำเลยมาแก้คดีอย่างคดีมโนสาเร่ ปรากฎว่าจำเลยได้รับหมายเรีนกแล้วไม่ยื่นคำให้การภายในกำหนด จึงถือว่าจำเลยขาดนัดยื่นคำให้การ เมื่อโจทก์มีคำขอให้ศาลมีคำพิพากษาหรือคำสั่งชี้ขาดให้ตนเป็นฝ่ายชนะคดีโดยขาดนัดแล้ว ศาลก็ต้องดำเนินกระบวนพิจารณาพิพากษาคดีโดยขาดนัดไปตาม ป.วิ.พ.มาตรา 198 วรรคสาม ประกอบมาตรา 198 ทวิ เมื่อหนี้เงินกู้ที่โจทก์มีคำขอบังคับให้จำเลยชำระหนี้เป็นเงินจำนวนแน่นอน และศาลชั้นต้นอนุญาตให้โจทก์ส่งเอกสารแทนการสืบพยาน จึงเป็นกรณีที่ศาลชั้นต้นปฏิบัติตาม ป.วิ.พ.มาตรา 198 ทวิ วรรคสาม(1) โดยชอบแล้ว เมื่อสัญญากู้เงินที่โจทก์นำมาฟ้องมีโจทก์ผู้กู้และจำเลยผู้กู้ลงลายมือชื่อทั้งสองฝ่าย จึงเป็นสัญญากู้ยืมเงินเข้าลักษณะแห่งตราสารซึ่งต้องปิดอากรแสตมป์ตามบัญชีอัตราอากรแสตมป์ท้าย ป.รัษฎากร และตามมาตรา 103 แห่งกฎหมายดังกล่าว ปิดแสตมป์บริบูรณ์ หมายถึง ปิดแสตมป์ก่อนกระทำหรือในทันทีที่ทำตราสารเป็นราคาไม่น้อยกว่าอากรที่ต้องเสียและได้ขีดฆ่าอากรนั้นแล้ว เมื่อหนังสือสัญญากู้เงินที่โจทก์อ้างส่งเป็นพยานหลักฐานปิดอากรแสตมป์แต่มิได้ขีดฆ่า การปิดอากรแสตมป์ของโจทก์จึงไม่บริบูรณ์ไม่อาจใช้เป็นพยานหลักฐานในคดีแพ่งได้ ตาม ป.รัษฎากร มาตรา 118 เป็นผลให้คดีของโจทก์ไม่มีหลักฐานแห่งการกู้ยืมเป็นหนังสือที่จะฟ้องร้องให้จำเลยรับผิดในฐานะผู้กู้ได้ ตาม ป.พ.พ.มาตรา 653 วรรคหนึ่ง
(ขอบคุณที่มาจากหนังสือ รวมคำบรรยายเนติบัณฑิตยสภา ภาคสอง สมัยที่ 66 ปีการศึกษา 2556 เล่มที่ 13 )