การวิ่งเต้นและการให้สินบนเจ้าพนักงาน|การวิ่งเต้นและการให้สินบนเจ้าพนักงาน

การวิ่งเต้นและการให้สินบนเจ้าพนักงาน

  • ทนายคลายทุกข์ ปรึกษากฎหมาย โทร 02-9485700
  • Email: [email protected]
Header Background Image

งานเผยแพร่ความรู้ทางด้าน กฎหมาย การบริหารการจัดการหนี้สินในองค์กรภาครัฐและภาคเอกชน การฝึกอบรมสัมมนาพัฒนาบุคลากร ในการประกอบธุรกิจ หากหน่วยงานของรัฐ บริษัทห้างร้าน มีความสนใจ เชิญทีมงานไปฝึกอบรมสัมมนาหรือต้องการข้อมูลข่าวสาร ติดต่อได้ที่ 02-948-5700 อ่านต่อ

ท่านใดที่สนใจเกี่ยวกับหลักสูตรฝึกอบรมการติดตามหนี้ ทวงหนี้อย่างไรให้ได้ผล ได้เงิน รักษาภาพลักษณ์ รักษาลูกค้า/หลักสูตรการป้องกันและการปราบปรามการทุจริตภายในองค์กร/หลักสูตรกฎหมายแรงงาน สำหรับเจ้าหน้าที่ฝ่ายบุคคลหรือผู้บริหารบริษัท สนใจโทร.02-9485700 อ่านต่อ

สืบทุกเรื่องที่คุณอยากรู้ มีเรื่องคาใจอยากรู้ความจริง โทรมาคุยกับกุ้งได้ที่ 081-625-2161หรือ 089-669-5026 "อย่าปล่อยให้มีเรื่องคาใจ อะไรที่ไม่สบายใจ ต้องหาทางปลดปล่อย สืบให้รู้ความจริง จะได้จบสิ้นกันเสียที สำหรับความทุกข์ที่คาใจมาเป็นเวลานาน อย่าปล่อยให้คนนอกใจลอยนวล" อ่านต่อ

รับแปลเอกสารต่างๆ อ่านต่อ

การวิ่งเต้นและการให้สินบนเจ้าพนักงาน

กรณีไม่ถือว่าเป็นผู้เสียหาย

บทความวันที่ 20 ก.พ. 2557, 00:00

มีผู้อ่านทั้งหมด 6070 ครั้ง


การวิ่งเต้นและการให้สินบนเจ้าพนักงาน

             - กรณีไม่ถือว่าเป็นผู้เสียหาย
           ผู้ที่จ่ายเงินให้กับบุคคลอื่นไปวิ่งเต้นอัยการ ผู้พิพากษาเพื่อให้หลุดพ้นคดีหรือฝากลูกเข้ารับราชการโดยไม่ต้องสอบ อันเป็นการฝ่าฝืนกฎหมายไม่ใช่ผู้เสียหายในความผิดฐานฉ้อโกง (อ้างอิงคำพิพากษาฎีกาที่ 340/2506,1461/2523,1960/2534)
          - กรณีถือว่าเป็นผู้เสียหาย
          ถ้าผู้เสียหายถูกหลอกแต่ไม่รู้ว่าผู้ที่หลอกลวงจะเอาเงินไปติดสินบนใคร เพียงแต่บอกว่านำเงินมาให้แล้วจะดำเนินการให้ได้ ผู้หลอกลวงหลอกลวงผู้เสียหายเพื่อต้องการเงินเท่านั้น ไม่ถือว่าผู้เสียหายร่วมกับคนหลอกลวงนำสินบนไปให้เจ้าพนักงาน กรณีนี้ถือว่าเป็นผู้เสียหายโดยนิตินัย ตาม ป.วิ.อ.มาตรา 2(4) ดำเนินคดีฉ้อโกง (อ้างอิงคำพิพากษาฎีกาที่ 2440/2525, 4744/2537)

1.คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 340/2540
            จำเลยยังไม่ได้ขายกิจการขายกิจการร้านข้าวต้มที่บ้านเลขที่39-41ถนนสุระสงครามตำบลท่าหินอำเภอเมืองลบบุรีจังหวัดลพบุรีแก่บุคคลใดแต่ยังเป็นกิจการของจำเลยอยู่และในการขอเปิดบัญชีเดินสะพัดต่อธนาคารจำเลยก็ระบุบ้านเลขที่ดังกล่าวเป็นที่อยู่ของจำเลยแม้จำเลยจะพักอาศัยอยู่ที่บ้านเลขที่24/2หมู่ที่2ตำบลท่าศาลาอำเภอเมืองลพบุรี อีกแห่งหนึ่งก็ถือได้ว่าจำเลยมีถิ่นที่อยู่หลายแห่งซึ่งอยู่สับเปลี่ยนกันไปหรือมีหลักแหล่งที่ทำการงานเป็นปกติหลายแห่งจึงถือเอาแห่งใดแห่งหนึ่งเป็นภูมิลำเนาของจำเลยได้ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์มาตรา38การที่เจ้าพนักงานศาลส่งหมายเรียกและสำเนาคำฟ้องแก่จำเลยที่บ้านเลขที่39-41ซึ่งเป็นร้านข้าวต้มดังกล่าวข้างต้นจึงเป็นการส่งหมายเรียกและสำเนาคำฟ้องให้จำเลยยังภูมิลำเนาของจำเลยโดยชอบแล้วจำเลยไม่ยื่นคำให้การภายในกำหนดจึงถือได้ว่าจำเลยจึงใจขาดนัดยื่นคำให้การ ที่จำเลยฎีกาว่ามูลหนี้ตามเช็คพิพาทเกิดจากการเล่นการพนันจึงไม่ชอบด้วยกฎหมายผู้มีชื่อซึ่งรับเช็คพิพาทจากจำเลยได้เสียการพนันสลากกินรวบแก่จำเลยเป็นเงิน120,000บาทหนี้ตามเช็คพิพาทจึงเหลือเพียง80,000บาทแต่ผู้มีชื่อไม่ยอมนำเช็คพิพาทมาแลกเช็คใหม่กับจำเลยและกลับโอนเช็คพิพาทแก่โจทก์อันเป็นการคบคิดกันฉ้อฉลจำเลยนั้น เมื่อจำเลยขาดนัดยื่นคำให้การย่อมไม่มีประเด็นข้อพิพาทดังกล่าวแม้ศาลล่างทั้งสองจะวินิจฉัยให้ก็ไม่ชอบศาลฎีกาไม่รับวินิจฉัย

2.คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1461/2523
              น. เป็นหลานของ ว. สมัครสอบคัดเลือกเข้ารับราชการจำเลยบอก ว. ว่าจำเลยสามารถติดต่อวิ่งเต้นให้ น. สอบได้ ถ้าต้องการให้หาเงินมาให้ ว. หลงเชื่อมอบเงินให้จำเลยไป ผลที่สุดปรากฏว่า น. สอบไม่ได้ ดังนี้ตามพฤติการณ์แสดงให้เห็นว่า ว. มอบเงินให้จำเลยไปก็โดยมุ่งหมายจะให้กรรมการสอบช่วยให้ น. สอบได้ เท่ากับว่า ว. ใช้ให้จำเลยไปจูงใจให้เจ้าพนักงานกรรมการสอบรับทรัพย์สินเพื่อกระทำการหรือไม่กระทำการอันมิชอบด้วยหน้าที่ ซึ่งจะเป็นคุณแก่ น.. อาจถือได้ว่า ว.ใช้ให้จำเลยกระทำความผิดว. จึงมิใช่ผู้เสียหายที่จะร้องทุกข์คดีนี้ได้ และพนักงานอัยการโจทก์ไม่มีอำนาจฟ้อง (อ้างคำพิพากษาฎีกาที่ 340/2506)

3.คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1960/2534
            การที่ บ. และ ส. ตกลงให้เงินแก่จำเลยเพื่อนำไปมอบให้แก่คณะกรรมการสอบ หรือผู้สั่งบรรจุบุคคลเข้ารับราชการ ในตำแหน่งเสมียนได้ เพื่อให้ช่วยเหลือบุตรของตนเข้าทำงาน ในกรมชลประทานโดยไม่ต้องสอบนั้น เป็นการฝ่าฝืนกฎหมาย และระเบียบแบบแผนของทางราชการ ถือได้ว่า บ. และ ส. ใช้ให้จำเลยกระทำผิดนั่นเอง บ. และ ส. จึงมิใช่ผู้เสียหายในความผิดฐานฉ้อโกง แม้จะได้ร้องทุกข์และพนักงาน สอบสวนทำการสอบสวนมาแล้วก็ไม่ทำให้โจทก์มีอำนาจฟ้อง

4.คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2440/2525
            จำเลยกับภริยาร่วมกันหลอกลวง ศ. ว่าสามารถนำบุตรของศ. เข้าเรียนเป็นผู้ช่วยพยาบาลในโรงพยาบาลได้โดยไม่ต้องสอบคัดเลือกเข้าเรียน และเรียกร้องเอาเงินจำนวนหนึ่ง ศ.ตกลงและมอบเงินให้ภริยาจำเลยไป ข้อเท็จจริงไม่ปรากฏว่าศ. ให้เงินไปเพื่อให้จำเลยหรือภริยานำไปให้แก่เจ้าพนักงานผู้มีหน้าที่เกี่ยวข้องในการสอบคัดเลือกให้กระทำการอันมิชอบด้วยหน้าที่โดยทุจริต พฤติการณ์น่าจะเป็นว่าจำเลยกับภริยาร่วมกันหลอกลวง ศ. เพื่อต้องการได้เงินจาก ศ.เท่านั้น.ถือไม่ได้ว่าศ. ได้ร่วมกับ จำเลยนำสินบนไปให้เจ้าพนักงานอันเป็นการใช้ให้จำเลย กระทำผิด ศ. ย่อมเป็นผู้เสียหายตามกฎหมาย และมี สิทธิร้องทุกข์

5.คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 4744/2537
            จำเลยตกลงกับ ร.ว่าถ้าให้เงิน60,000บาทบุตรของร.จะเข้าโรงเรียนนายสิบทหารบกได้ร. ได้ต่อรองเหลือ 50,000 บาทและ ร.ได้มอบเงินแก่จำเลยจนครบถ้วนแล้วแต่ต่อมาบุตรของร.สอบเข้าเรียนไม่ได้ เพราะจำเลยไม่สามารถช่วยให้เข้าเรียนได้ก็เป็นการหลอกลวง ร.ทั้งไม่ปรากฏว่าร. ได้ให้เงินแก่จำเลยเพื่อให้จำเลยนำไปให้แก่เจ้าพนักงานผู้มีหน้าที่เกี่ยวข้องในการสอบคัดเลือกให้กระทำการอันมิชอบด้วยหน้าที่โดยทุจริต การที่จำเลยรับว่าจะช่วยบุตรของ ร.จึงเป็นการหลอกลวงร. เพื่อต้องการได้เงินจาก ร.เท่านั้นไม่ถือว่าร. ร่วมกับจำเลยนำสินบนไปให้เจ้าพนักงาน อันเป็นการใช้ให้เจ้าพนักงานกระทำความผิดร. ย่อมเป็นผู้เสียหายตามกฎหมาย และมีสิทธิร้องทุกข์ขอให้ดำเนินคดีแก่จำเลยในความผิดฐานฉ้อโกงได้ ศาลอุทธรณ์ยังมิได้วินิจฉัยว่า จำเลยหลอกลวงและได้รับเงินไปจากผู้เสียหายหรือไม่ เพื่อให้คดีเป็นไปตามลำดับชั้นศาล ศาลฎีกาเห็นสมควรย้อนสำนวนไปให้ศาลอุทธรณ์พิจารณาพิพากษาใหม่

ขอบคุณข้อมูลจากเว็บไซต์ศาลฎีกา

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นที่ 1

ขอบคุณมากเลยค่ เป็นประโยชน์ให้ความกระจ่างในเรืองแบบนี้มากเลย

โดยคุณ สุภัชชา แดนดงเมือง 25 มี.ค. 2558, 16:51

แสดงความเห็น

ข่าวที่มีผู้อ่านมาก