พยานหลักฐานนอกสำนวนการสอบสวน
ไม่มีกฎหมายบังคับว่า พยานหลักฐานที่จะใช้พิสูจน์ความผิดจำเลยในชั้นศาลในคดีอาญา พนักงานสอบสวนต้องสอบสวนมาก่อน และพยานหลักฐานต้องอยู่ในสำนวนของพนักงานสอบสวนเท่านั้น ดังนั้น โจทก์จึงสามารถนำพยานหลักฐานอื่นที่ตำรวจไม่ได้สอบสวนและไม่ได้อยู่ในสำนวนสอบสวนมาพิสูจน์ความผิดจำเลยได้ (อ้างอิงคำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1548/2535)
ตำรวจ อัยการ จึงอาจหมกเม็ดพยานหลักฐานบางสิ่งบางอย่างได้ และนำมาอ้างในชั้นศาล โดยที่จำเลยไม่รู้ตัวมาก่อนก็ได้ ซึ่งเป็นการเอาเปรียบเชิงคดี ซึ่งในทางปฏิบัติพบเห็นบ่อยในระยะหลัง ความเห็นผมถือว่าเป็นการดำเนินคดีที่ไม่สุจริต และไม่เป็นธรรมกับจำเลย
คำพิพากษาศาลฎีกาอ้างอิง
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1548/2535
โจทก์ร่วมเช่าซื้อรถยนต์คันที่ถูกจำเลยลักไปมาจากผู้อื่นแม้ว่าขณะเกิดเหตุกรรมสิทธิ์ในรถยนต์ยังไม่โอนมาเป็นของโจทก์ร่วมก็ตาม แต่โจทก์ร่วมเป็นผู้ครอบครองรถยนต์คันดังกล่าว เมื่อถูกจำเลยแบ่งการครอบครอง โจทก์ร่วมย่อมเป็นผู้เสียหายมีอำนาจร้องทุกข์และเข้าร่วมเป็นโจทก์กับพนักงานอัยการโจทก์ได้ ไม่มีกฎหมายบังคับว่าเอกสารที่จะอ้างหรือนำสืบในคดีอาญาจะต้องเป็นเอกสารที่ได้มีการสอบสวนและอยู่ในสำนวนการสอบสวนเท่านั้น ดังนั้น ศาลอุทธรณ์จึงชอบที่จะรับฟังบันทึกคำรับสารภาพแผนที่บ้านจำเลย และภาพถ่ายประกอบพยานหลักฐานอื่นเพื่อลงโทษจำเลยได้ แม้ว่าเอกสารดังกล่าวจะมิใช่เอกสารที่อยู่ในสำนวนการสอบสวนของพนักงานสอบสวนก็ตาม