การฟ้องลูกจ้างยักยอกทรัพย์
นายจ้างฟ้องลูกจ้างยักยอกทรัพย์แต่แพ้คดี คดีถึงที่สุดแล้ว นายจ้างยังสามารถฟ้องลูกจ้างเป็นคดีแรงงานได้อีก เพราะการกระทำของลูกจ้างผิดทั้งละเมิดและผิดสัญญาจ้างแรงงาน มูลฟ้องจึงต่างกัน ไม่ถือว่าเป็นประเด็นเดียวกัน จึงไม่เป็นฟ้องซ้ำ ตาม ป.วิ.พ.มาตรา 148 ประกอบพระราชบัญญัติจัดตั้งศาลแรงงานและวิธีพิจารณาคดีแรงงาน พ.ศ.2522 มาตรา 31 (อ้างอิงคำพิพากษาศาลฎีกาที่ 824/2548, 7366/2548)
ตัวบทกฎหมายอ้างอิง
ประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง
มาตรา 148 คดีที่ได้มีคำพิพากษาหรือคำสั่งถึงที่สุดแล้วห้ามมิให้คู่ความเดียวกันรื้อร้องฟ้องกันอีก ในประเด็นที่ได้วินิจฉัยโดยอาศัยเหตุอย่างเดียวกัน เว้นแต่ในกรณีต่อไปนี้
(1) เมื่อเป็นกระบวนพิจารณาชั้นบังคับคดีตามคำพิพากษาหรือคำสั่งของศาล
(2) เมื่อคำพิพากษาหรือคำสั่งได้กำหนดวิธีการชั่วคราวให้อยู่ภายในบังคับที่จะแก้ไขเปลี่ยนแปลงหรือยกเลิกเสียได้ตามพฤติการณ์
(3) เมื่อคำพิพากษาหรือคำสั่งนั้นให้ยกฟ้องเสียโดยไม่ตัดสิทธิโจทก์ที่จะนำคำฟ้องมายื่นใหม่ ในศาลเดียวกันหรือในศาลอื่น ภายใต้บังคับแห่งบทบัญญัติของกฎหมายว่าด้วยอายุความ
พระราชบัญญัติจัดตั้งศาลแรงงานและวิธีพิจารณาคดีแรงงาน พ.ศ. 2522
มาตรา 31 ให้นำบทบัญญัติแห่งประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งมาใช้บังคับแก่การดำเนินกระบวนพิจารณาในศาลแรงงานเท่าที่ไม่ขัดหรือแย้งกับบทแห่งพระราชบัญญัตินี้โดยอนุโลม
คำพิพากษาศาลฎีกาอ้างอิง
1. คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 824/2548
คดีอาญาเรื่องก่อนพนักงานอัยการจังหวัดระยองฟ้องจำเลยที่ 1 โดยมีโจทก์เป็นผู้เสียหาย ศาลจังหวัดระยองพิพากษาลงโทษจำคุกจำเลยที่ 1 และให้จำเลยที่ 1 ชดใช้ราคาน้ำมันเป็นเงิน 540,940 บาท แก่โจทก์ซึ่งเป็นการขอให้จำเลยที่ 1 ใช้ราคาทรัพย์แทนผู้เสียหายตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 43 ส่วนคดีนี้โจทก์ฟ้องว่า จำเลยที่ 1 ซึ่งเป็นลูกจ้างทำให้เกิดความเสียหายแก่โจทก์ซึ่งเป็นนายจ้าง การกระทำของจำเลยที่ 1 เป็นบ่อเกิดแห่งหนี้ที่ผู้เสียหายจะใช้สิทธิเรียกร้องได้ทั้งสองทางคือในมูลละเมิดและมูลสัญญาจ้างแรงงาน คดีอาญาดังกล่าวกับคดีนี้ถึงแม้คำขอบังคับจะมีลักษณะเป็นอย่างเดียวกันคือขอให้จำเลยที่ 1 ใช้ค่าเสียหาย แต่ข้ออ้างที่อาศัยเป็นหลักแห่งข้อหาที่พนักงานอัยการจังหวัดระยองขอบังคับในส่วนแพ่งนั้นมาการกระทำผิดทางอาญาอันเป็นการเรียกร้องในมูลหนี้ละเมิด ส่วนคดีนี้มีที่มาจากมูลสัญญาจ้างแรงงาน ประเด็นที่วินิจฉัยจึงมิใช่ประเด็นที่ได้วินิจฉัยโดยอาศัยเหตุอย่างเดียวกันอันจะเป็นฟ้องซ้ำตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 148 ประกอบพระราชบัญญัติจัดตั้งศาลแรงงานและวิธีพิจารณาคดีแรงงาน พ.ศ. 2522 มาตรา 31 ฟ้องโจทก์เกี่ยวกับจำเลยที่ 1 จึงไม่เป็นฟ้องซ้ำ
2. คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 7366/2548
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า มูลคดีที่ฟ้องต่อศาลแรงงานและคดีอาญา แม้จะมีคำขอบังคับให้คืนหรือให้ใช้เงินในลักษณะอย่างเดียวกัน แต่ข้ออ้างที่อาศัยเป็นหลักแห่งข้อหานั้นมิได้เป็นอย่างเดียวกัน แต่ข้ออ้างที่อาศัยเป็นหลักแห่งข้อหานั้นมิได้เป็นอย่างเดียวกัน กล่าวคือ คำฟ้องคดีแรงงาน เป็นการฟ้องกรณีผิดสัญญาจ้างแรงงาน ซึ่งเป็นอำนาจของคู่สัญญาโดยเฉพาะ คือ ระหว่างนายจ้างกับลูกจ้าง แต่คดีอาญาที่พนักงานอัยการเป็นโจทก์ฟ้อง โดยขอให้คืนหรือใช้ราคาทรัพย์ที่ยักยอกนั้นไป เป็นการขอแทนผู้เสียหายตาม ป.วิ.อ.มาตรา 43 อันเป็นความเสียหายเนื่องมาจากการทำผิดอาญา โดยพนักงานอัยการไม่อาจอาศัยสิทธิเรื่องของสัญญาจ้างมาเป็นคำขอส่วนแพ่ง มูลฟ้องในคำฟ้องของทั้งสองคดีจึงเป็นคนละอย่างกัน และประเด็นที่วินิจฉัยก็มิได้อาศัยเหตุอย่างเดียวกัน ฟ้องคดีแรงงานมิใช่เป็นฟ้องซ้ำ ตาม ป.วิ.พ.มาตรา 148 ประกอบ พ.ร.บ.จัดตั้งศาลแรงงานฯ มาตรา 31
ขอขอบคุณหนังสือคำอธิบายกฎหมายแรงงานเพื่อการบริหารทรัพยากรมนุษย์ โดย อ.พงษ์รัตน์ เครือกลิ่น ผู้บรรยายเนติบัญฑิตยสภา